Work

เงินก็น้อย งานก็หนัก ผิดที่งานหรือผิดที่เรา? 5 ทัศนคติเลวร้ายที่เป็นภัยกับงานและความสุข

By: PSYCAT September 20, 2019

ขึ้นชื่อว่า “งาน” มันจึงอาจไม่ได้หอมหวานสวยงามเหมือนการเป็นเจ้าชายในเทพนิยายเสมอไป แต่หลายครั้งงานก็ไม่ได้เลวจนเป็นปีศาจร้ายทำลายชีวิตของเราขนาดนั้น แต่ “ทัศนคติ” เรื่องการทำงานต่างหาก ถ้าเราเผลอพลาดนิดเดียวโดยไม่หมั่นสำรวจมัน ทัศนคติเลวร้ายเหล่านั้นจะทำให้เราเกลียดงานเข้าไส้ และเอาแต่เฝ้าถามตัวเองว่าเราก็ทำงานหนักปางตาย ทำไมอะไร ๆ ไม่ดีขึ้นสักที?

UNLOCKMEN ชวนสำรวจทัศนคติเลวร้ายที่อาจเป็นภัยต่องานและความสุขของคุณ มาดูกันว่าที่งานหนัก เงินก็น้อย มันผิดที่งาน ผิดที่เรา หรือผิดที่ทัศนคติของเรากันแน่? จะได้แก้ได้อย่างตรงจุด

คนนั้นหรอ ไม่เห็นจะเก่งเลย งานของเขาผมก็ทำได้สบายมาก

ไม่แปลกที่เราจะรู้สึกว่าในที่ทำงานของเรามีคนที่ทำงานมากกว่าเรา ทำงานน้อยกว่าเรา หรือบางตำแหน่งสูงกว่าเราแต่ทำไมดูสบายกว่าจังเลยนะ แต่มันจะแปลกถ้าคุณเอาแต่คิดว่าตำแหน่งสูง ๆ หรือตำแหน่งอื่น ๆ ทำงานสบายและคุณเอาแต่ดูถูกและคิดว่าตัวเองเก่งอยู่ไกล ๆ โดยไม่คิดจะพิสูจน์ตัวเองเลย

ทัศนคติแบบนี้จะประกอบคุณขึ้นให้กลายเป็นคนที่คิดว่าตัวเองเก่ง คิดว่าตัวเองทำได้ดีกว่าทุกคน แต่ปัญหาก็คือมันเป็นแค่ความคิดและจินตนาการของคุณเท่านั้น ท้ายที่สุดจะลงเอยด้วยการที่คุณเอาแต่โทษคนอื่นว่าไม่เห็นจะทำอะไรแต่ได้ดี ในขณะที่คุณเก่งขนาดนี้แต่ไม่ไปไหน

เรากำลังจะบอกว่า ยิ่งรู้สึกว่าตำแหน่งที่สูงกว่าหรือตำแหน่งอื่น ๆ ทำงานได้ไม่ดีหรือเก่งเท่าคุณ คุณยิ่งต้องพิสูจน์ตัวเองให้คนอื่นเห็นว่างานที่ดีและมีประสิทธิภาพเป็นอย่างไร โดยอาจทั้งทำให้เห็นหรือเสนอความเห็น อย่างน้อยการที่คุณพยายามพิสูจน์ตัวเองวันหนึ่งคุณอาจได้ไปอยู่ในตำแหน่งเหล่านั้นแทนคนพวกนั้นจริง ๆ ก็ได้ แต่ถ้าคุณเอาแต่คิดอยู่ในหัว คุณจะทำได้แค่อิจฉาพวกเขา โกรธตัวเอง และไม่มีความสุขในการทำงานอีกเลย

ทำงานไปวัน ๆ แต่หวังความก้าวหน้า

การทำงานไปวัน ๆ ไม่ใช่เรื่องผิด บนโลกนี้มีมนุษย์จำนวนมากที่มีความสุขกับการทำงานประจำไปวัน ๆ เพราะเขาอาจไม่ชอบการเติบโต อาจมีงานที่รักกว่ารออยู่ข้างนอก การทำงานประจำอย่างเต็มความรับผิดชอบไปวัน ๆ (แต่ไม่เกินหน้าที่) จึงเป็นความสุขของคนประเภทนี้

แต่ถ้าคุณเริ่มคิดว่าก็อยากทำงานไปวัน ๆ นี่แหละ แต่ก็อยากก้าวหน้าด้วย ต้องมีใครสักคนเห็นเรา และให้ค่าตอบแทนหรือตำแหน่งที่ดีขึ้นสิ แต่ก็ยังคงทำงานไปวัน ๆ อยู่อย่างนั้น และคุณก็เริ่มโกรธ หงุดหงิด ไม่พอใจที่ไม่มีใครให้ผลตอบแทนคุณสักที โกรธที่ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ไม่ก้าวหน้า

คุณอาจต้องเริ่มถามตัวเองตั้งแต่วินาทีนี้ว่า “ตกลงคุณชอบการทำงานไปวัน ๆ หรือคุณอยากก้าวหน้า?” ถ้าคุณอยากก้าวหน้า คุณต้องเลิกทำงานไปวัน ๆ ให้จบ ๆ ไป และมองหาหนทางที่ดีกว่าให้ตัวเอง ไม่ต้องดีแบบก้าวกระโดด แต่ต้องดีขึ้นในทุกวัน

ไอเดียคนอื่นห่วยจัง ไอเดียผมดีกว่าเยอะ (อ้อ แต่ผมไม่เสนอไอเดียหรอกนะ เสียเวลา)

เพราะการทำงานไม่ได้เกิดขึ้นจากคนคนเดียว ทีมเวิร์ก การสื่อสาร และการระดมไอเดียเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ ถ้าคุณรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับไอเดียของเพื่อนร่วมงานเต็มแก่ เพราะคิดอะไรออกมาก็มีแต่ไอเดียเดิม ๆ ใช้ไม่ได้ ไม่เห็นจะน่าสนใจตรงไหน คุณรู้สึกว่าไอเดียคุณดีกว่าตั้งเยอะ จึงทำให้คุณเบื่อบรรยากาศการประชุมที่ยาวนาน ยืดเยื้อ ไม่จบสิ้น

อย่างไรก็ตาม คุณเองแม้มีไอเดียที่ดีกว่าคนอื่น ๆ เป็นล้าน แต่คุณไม่เสนอหรอก เพราะเสียเวลา ต้องมาอธิบาย ต้องมาเถียงกับคนพวกนี้ นั่งเฉย ๆ ดีกว่า อ้อ แต่ไอเดียพวกนี้ก็ห่วยอยู่ดีนะ แล้วก็วนลูปไปไม่สิ้นสุด

ถ้าคุณกำลังเจอสถานการณ์แบบนี้ คุณลองถามตัวเองดี ๆ ว่าบรรยากาศการทำงานมันน่าเบื่อ หรือเราเองก็ไม่เคยมีส่วนร่วมกับกระบวนการคิดของทีมเลย? เราเข้าใจว่าคนคนเดียวไม่อาจเปลี่ยนองค์กรได้ แต่คนคนเดียวที่ไม่คิดจะเสนอไอเดียและคิดว่าไอเดียคนอื่นห่วยไปเรื่อย ๆ อาจเสียทั้งสุขภาพจิตตัวเอง และส่งผลต่อความรู้สึกเรื่องการมีส่วนร่วมของงานและความเป็นทีมได้ในที่สุด

ถ้าผมอยู่ตำแหน่งนั้น ผมก็ทำได้

บ่อยครั้งที่เราเห็นคนตำแหน่งอื่น ๆ ได้ผลตอบแทนมากกว่า สวัสดิการมากกว่า หรือแม้แต่อุปกรณ์การทำงานที่พร้อมกว่า จนอดรู้สึกไม่ได้ว่า โธ่ มันก็ไม่ได้เก่งอะไรหรอก แค่มันมีทุกอย่างพร้อม ถ้าเราอยู่ตรงนั้น เราก็ทำแบบนั้นได้ ทัศนคติแบบนี้เป็นภัยร้ายตรงที่คุณจะไม่รู้จักเคารพความสามารถของคนอื่นและเอาแต่คิดว่าที่เขาทำอะไรได้เพราะเขามีทุกอย่างที่เหนือกว่าคุณ

ในขณะเดียวกันคุณอาจหลงลืมไปว่าตำแหน่งเหล่านั้นย่อมเคยต้องผ่านการเป็นตำแหน่งเล็ก ๆ มาก่อนเช่นกัน เขาเหล่านั้นก็ต้องเคยพิสูจน์ความสามารถ พิสูจน์ตัวเองมาก่อนจะไต่ขึ้นไปถึงจุดนั้น ดังนั้นการที่คุณมองเห็นตอนที่เขาไปอยู่ที่สูงได้แล้ว ไม่ได้แปลว่าเขาไม่เคยผ่านจุดอันเหนื่อยยากมา ทัศนคติที่คิดว่าตัวเองลำบากและไม่มีอะไรดี ๆ อย่างคนอื่นนี้อาจทำให้คุณปิดกั้น ปิดใจ เมื่อไม่ยอมรับความสามารถใคร ก็ไม่ฟังความคิดเห็นใคร และคนที่ไม่รับฟังความคิดเห็นใครนั้นยากที่จะเติบโตหรือมีความสุขในการทำงาน

บ่นทุกอย่าง แต่ไม่เสนอทางแก้

ไม่มีองค์กรไหนสมบูรณ์แบบ ทุกข้อผิดพลาดที่ถูกพบ จะมีทางออกได้ก็ต่อเมื่อเจอทางแก้ไขที่ดีที่สุด ถ้าคุณคือคนที่เกลียดทุกอย่างในที่ทำงาน หดหู่ทุกครั้งที่วันจันทร์มาถึง เราอยากให้ถามตัวเองให้ดีว่า “สิ่งที่คุณเกลียดเหล่านี้มีทางแก้ไหม?” ถ้าไม่มี องค์กรนี้อาจไม่ใช่ที่ของคุณ เพราะถ้าองค์กรทำให้คุณเสียสุขภาพจิตในระดับเลวร้ายย่อมเป็นภัยต่อสุขภาพคุณในระยะยาวแน่นอน

แต่หากคุณเห็นว่ามันมีทางออก มันมีทางแก้ แสดงว่าที่นี่ยังมีความหวัง ลองเสนอทางแก้ก่อนก็ไม่สาย ในทางกลับกัน ถ้าคุณรู้ว่ามันก็มีทางแก้ แต่คุณไม่เสนอ ไม่พยายามหาทางออกอย่างเป็นรูปธรรม แล้วก็เอาแต่บ่นว่าที่ทำงานเลวร้ายไปเรื่อย ๆ คุณต้องถามใจตัวเองให้ดีว่าตกลงคุณยินดีจะเป็นส่วนหนึ่งของความห่วยแตกต่อไปหรืออยากเป็นคนที่หาทางออกที่ดีกว่าเดิมให้มัน?

 

เราไม่ได้บอกว่าคนทำงานผิดเสมอ องค์กรถูกตลอด องค์กรที่กดค่าแรง ไม่เห็นหัวคนทำงานก็มีอยู่จริง แต่หากเราเริ่มสำรวจทัศนคติตัวเองให้ถี่ถ้วน เราจะได้เข้าใจว่าปัญหาที่แท้จริงอยู่ตรงไหน หากอยู่ที่ทัศนคติของเราก็ลองปรับกันดูสักตั้ง แต่ถ้าเราเห็นแล้วว่าปัญหาอยู่ที่เพื่อนร่วมงานหรือองค์กรก็ลองพยายามแก้ปัญหาให้เต็มที่ดูสักยก และหากเราพยายามทุกทางแล้วที่นี่ทำให้เรามีความสุขและภูมิใจกับงานไม่ได้ การออกตามหางานใหม่ที่ใช่กว่าอาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

PSYCAT
WRITER: PSYCAT
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line