8 แนวคิดเปลี่ยนทุกความล้มเหลวให้กลายเป็นความสำเร็จ

ชีวิตคือการเรียนรู้ โลกใบนี้คือห้องเรียนที่ใหญ่ที่สุด ประโยคที่กล่าวมาในข้างต้นนั้นก็คงจะไม่ผิดไปจากความจริงมากนัก เพราะชีวิตมีทั้งความล้มเหลว ความผิดหวัง ความทุกข์ ความสุข ความสำเร็จ และรสชาติของน้ำตาให้เราได้ลิ้มลองกันอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้เรามีแรงขับให้การทำอะไรหลายๆ อย่าง บ้างอยากทำความฝันให้เป็นจริง บ้างอยากเอาชนะใจตัวเอง แต่เมื่อลงมือทำไปแล้วเกิดเป็นความล้มเหลวเราก็มักจะท้อแท้แล้วล้มเลิกมันกลางคัน แล้วจะทำอย่างไรให้ลุกขึ้นมาสู้กันอีกครั้ง 8 แนวคิดในการเปลี่ยนทุกความล้มเหลวให้กลายเป็นความสำเร็จนี้อาจเปลี่ยนชีวิตคุณ

• อย่าจมอยู่กับความล้มเหลวนานเกินไป

เป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับข้อนี้ สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ชีวิตไม่สามารถก้าวไปสู่ความสำเร็จได้ก็เพราะคุณจมอยู่กับความล้มเหลวที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการโทษตัวเองว่าไม่ได้เรื่องไม่ได้ราว หรือความรู้สึกเศร้าโศกเสียใจที่มีลึกๆ ในจิตใจของคุณ ล้วนเป็นสิ่งที่ฉุดรั้งคุณไม่ให้ก้าวไปไหนได้เลย วิธีการแก้ไขไม่ยากแค่คุณมองไปข้างหน้า นำตัวเองออกมาจากปัญหาแล้วหันกลับไปมองมันอีกที จากนั้นคุณจะเห็นว่าความล้มเหลวที่เกิดขึ้นนั้นมันเล็กน้อยเหลือเกิน อย่างน้อยที่สุดอยากให้คุณลองคิดว่าคุณเสียเวลาในการตามฝันไปมากแค่ไหนกับการจมปลักอยู่กับปัญหาเหล่านั้น

• อย่าท้อถ้าคุณเพิ่งพยายามไปเพียงแค่ครั้งเดียว

คุณคิดว่าบรรดาผู้นำ และ CEO ที่ประสบความสำเร็จระดับโลกนั้น เขาได้ทุกอย่างมาจากการกระทำทั้งหมดกี่ครั้ง ถ้าคุณคิดว่ามันเกิดขึ้นจากการกระทำเพียงครั้งเดียว บอกเลยว่าคุณคิดผิดเสียแล้ว ความสำเร็จต่างๆ ส่วนใหญ่แล้วไม่ได้เกิดขึ้นจากการกระทำเพียงครั้งเดียว สองครั้งเป็นอย่างน้อยเลยค่ะ หลายครั้งเราคิดที่จะล้มเลิกเพราะในครั้งแรกมันล้มเหลวไม่เป็นท่า ความท้อก็เกิดขึ้นเป็นธรรมดา แต่อย่าปล่อยให้ความท้อนั้นเกิดขึ้นเพียงเพราะคุณทำมันไปแล้ว ครั้งเดียวไม่อาจตัดสินใจได้ว่ามันไม่เวิร์ค มันอาจล้มเหลวจากปัจจัยอะไรบางอย่าง วิเคราะห์มันให้เจอว่าคุณทำมันพลาดเพราะอะไร แล้วเริ่มครั้งที่สองด้วยความหนักแน่นค่ะ

• การคิดว่าตัวเองรู้ทุกอย่างไม่เคยช่วยให้อะไรดีขึ้น

คนที่ประสบความสำเร็จเขาจะไม่คิดว่าตัวเองรู้ทุกเรื่องบนโลกนี้ และจะไม่พยายามทำตัวเองให้เป็นกูรูในทุกๆ เรื่อง ยอมรับในเรื่องที่ตัวเองไม่รู้บ้าง คุณอาจล้มเหลวจากการดันทุรังว่าตัวเองรู้เรื่องเหล่านั้นเป็นอย่างดีก็ได้ ฉะนั้นคุณควรปล่อยวางตัวเองให้ได้ ลดอีโก้ลงบ้าง เราไม่ได้รู้ทุกเรื่องบนโลกนี้ หากจะล้มเหลวเพราะความไม่รู้บ้างก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร

• เรียนรู้จากข้อผิดพลาดของตัวเอง

เหมือนที่เราเกริ่นๆ มาจากข้อข้างต้นว่าการล้มเหลวที่เกิดจากความไม่รู้เป็นเรื่องปกติ ฉะนั้นเมื่อคุณล้มลงแล้วรู้ว่าอะไรบ้างที่ผิดพลาด รู้แล้วว่าอะไรบ้างที่คุณจะต้องปรับเปลี่ยนมันเพื่อนำมาพัฒนามันอีกครั้งในรอบที่สอง เคยได้ยินไหมที่ว่ายิ่งทำยิ่งได้ ยิ่งทำยิ่งรู้ข้อผิดพลาดที่มี แล้วคุณจะเก่งขึ้นแน่นอน อย่าปล่อยให้ความผิดพลาดทำให้คุณจมอยู่กับความล้มเหลวค่ะ

• ต้องมีแผนเสมอก่อนที่จะเริ่มต้นทำอะไร

บางครั้งเราก็รีบร้อนเกินไปในการเริ่มต้นทำอะไรสักอย่างจนขาดการวางแผน ซึ่งการวางแผนนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่เราอยากให้คุณวางแผนทุกครั้งก่อนทำจริง การวางแผนทำให้เราอุดรูรั่วของตัวเอง สิ่งนี้เคยทำแล้วไม่เวิร์คก็ตัดทิ้งไป สิ่งนี้ทำแล้วดีก็นำมาพัฒนาให้มันดียิ่งขึ้นไปอีก การวางแผนจึงเปลี่ยนความล้มเหลวให้กลายเป็นความสำเร็จได้ค่ะ

• อย่าเชื่อในเรื่องโชคชะตาเพียงอย่างเดียว

บางครั้งเราก็เชื่อเรื่องโชคชะตามากเกินไป ฉันไม่มีทางดีไปกว่านี้แน่ๆ เพราะโชคไม่เข้าข้าง เชื่อไหมคะว่าความพยายามสามารถเอาชนะสิ่งที่เราเรียกว่าโชคชะตาได้จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยากแค่ไหน หากคุณคิดเสมอว่าทำได้ และไม่ได้เอาคำว่าโชคชะตา หรือดวงต่างๆ มาปิดกรอบตัวเองไว้ คุณก็สามารถทำเรื่องที่ว่ายาก และไม่เคยมีใครทำได้อย่างแน่นอน อย่าให้ความล้มเหลวทำให้คุณโทษในโชคชะตาของตัวเองเลยค่ะ

• การพึ่งคนอื่นบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแย่

อย่างที่เราบอกไปว่าคุณไม่ควรคิดว่าตัวเองต้องรู้ทุกอย่างบนโลกนี้ เพราะมีคนมากมายที่รู้เรื่องต่างๆ แตกต่างกันไป การยืมมือผู้รู้เข้ามาช่วยในเรื่องที่จำเป็นบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร เราจำเป็นจะต้องพึ่งพาสกิลของผู้อื่นอยู่เสมอ คุณดันทุรังทำในสิ่งที่ไม่รู้ ไม่ยอมให้ใครยื่นมือเข้ามาช่วย คุณอาจเหนื่อยจนหาทางออกไม่ได้แล้วล้มเลิกมันไปอย่างง่ายดาย พึ่งผู้อื่นบ้างก็ได้ค่ะ แล้วความสำเร็จจะมาไวขึ้น ทั้งนี้ไม่ได้แปลว่าให้คุณไปเอาเปรียบเขาฟรีๆ นะ

• อย่าให้คำว่า”เป็นไปไม่ได้” มาตีกรอบ

การโทษเรื่องโชคชะตา ก็เหมือนการนำคำว่าเป็นไปไม่ได้ มาตีกรอบตัวเองจนไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้เลย เราเข้าใจดีค่ะเวลาเกิดเรื่องยากๆ ประสบกับความล้มเหลวมักทำให้เราคิดว่าเรื่องที่เรากำลังทำอยู่นั้นมันเป็นไปไม่ได้เลย ใจเย็น สูดลมหายใจเข้าลึกๆ มองทุกอย่างเสียใหม่ อย่านำคำว่าเป็นไปไม่ได้มาตัดสินทุกอย่างว่ามันไม่สามารถทำได้อีกแล้ว คุณอาจจะยังทำมันได้ไม่มากพอ ไม่ดีพอเท่านั้นเอง เดินหน้าแล้วสู้ต่อไปค่ะ

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว เราไม่อาจกลับไปแก้ไขมันได้อีก ส่วนสิ่งที่เราทำได้จริงๆ ก็คือการเชื่อมั่นในเส้นทางของตัวเอง ล้มบ้าง ผิดหวังบ้าง แต่ต้องเชื่อว่าตัวเองทำได้ หยิบยืมมือคนอื่นบ้างเมื่อจำเป็น อย่าท้อถ้ายังไหวเปลี่ยนทุกความล้มเหลวที่เกิดขึ้นให้กลายเป็นความสำเร็จได้แค่เริ่มจากความคิดของตัวเองเท่านั้น

source