ไม่รับความเสี่ยงก็ไม่เติบโต! วิธีการเปลี่ยนความคิดและออกจาก comfort zone อย่างมีคุณภาพ

คนส่วนใหญ่เกลียด ’ความไม่แน่นอน’ เพราะมันเดาไม่ได้ และทำให้เกิดความไม่มั่นใจด้วย ดังนั้น พวกเราเลยเลือกที่จะอยู่ใน comfort zone กันนาน ซึ่งปัญหาของการอยู่ใน comfort zone เป็นเวลานาน คือ มันทำให้เราไม่ได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ และ บางครั้งอาจทำให้เราไม่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำด้วย ส่งผลให้เกิดความเศร้าในชีวิตตามมา ดังนั้น จะดีกว่าถ้าเราเดินออกมาจาก comfort zone และปล่อยให้ตัวเองได้เจอกับความไม่แน่นอนบ้าง แล้วจะพบว่า ’ไม่มีอะไรน่ากลัว ถ้าเราลงมือทำ’

ว่าด้วยเรื่อง Comfort zone

หลายคนคงได้ยินคำว่า พื้นที่สะดวกสบาย หรือ Comfort zone บ่อย ๆ แต่อาจไม่รู้ว่ามันคืออะไร เราเลยอยากอธิบายเรื่องนี้เพิ่มเติม เพื่อให้ทุกคนเข้าใจตรงกัน Comfort zone เป็นส่วนหนึ่งของทฤษฎีสภาวะทางจิตวิทยา 3 แบบ (the three psychological states) ซึ่งอธิบายว่า สภาวะจิตใจของเรามี 3 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่สะดวกสบาย (Comfort zone) พื้นที่ประสิทธิภาพ (Optimal performance zone) และพื้นที่อันตราย (Danger zone)

โดย Comfort zone จะหมายถึง สภาวะที่เราไม่มีความเครียด รู้สึกสบายใจจากการทำอะไรที่เราเคยชิน เช่น ทำงานเวลาเดิมทุกวัน กินข้าวเวลาเดิมทุกวัน เป็นต้น ส่วน Optimal performance zone หมายถึง สภาวะที่เราเริ่มเจอกับความท้าทายมากขึ้นกว่าตอนอยู่ใน Comfort zone เช่น ได้ทำกิจกรรมใหม่ ๆ ที่เราไม่เคยทำมาก่อน ซึ่งขั้นนี้เราอาจทำให้มีความเครียดเพิ่มขึ้นมาบ้างแต่ไม่เท่ากับ Danger zone ซึ่งเป็นสภาวะที่เรามีความวิตกกังวลสูงทำให้ความสามารถในการทำงานต่ำลงกว่าตอนที่อยู่ใน Comfort zone

ถ้าจะพูดถึงปัญหาที่ทำให้ใครหลายคนไม่ยอมออกมาจาก Comfort zone สักที ว่ากันว่า มันคือ ความไม่แน่นอน กล่าวคือ ไม่รู้ว่าออกมาจาก comfort zone แล้วเราจะเจอกับอะไรบ้าง และจะคุ้มค่าหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น บางคนอาจชอบไปทำงานทุกเช้าทุกวัน จนที่ทำงานกลายเป็น comfort zone การตัดสินใจออกจากงานไปเป็นฟรีแลนซ์หรือเริ่มธุรกิจก็จะทำได้ยากขึ้น เพราะกังวลว่าถ้าออกจากงานที่ทำอยู่มาทำงานใหม่มันก็มีโอกาสที่จะได้เงินน้อยกว่าที่คาดหวังไว้ จึงไม่กล้าเสี่ยง

การอยู่แต่ใน Comfort zone ส่งผลเสียต่อเราหลายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น ทำให้เราไม่มีความคิดสร้างสรรค์ ไม่ทำอะไรใหม่ๆ ไม่เติบโตขึ้นได้ ขาดทักษะในการแก้ไขปัญหา ไม่มีความ Productive ไปถึงเป้าหมายที่เราต้องการได้ยากขึ้น ดัวยเหตุผลเหล่านี้เอง เราเลยจำเป็นที่ต้องออกมาจาก comfort zone เพื่อให้การทำงานและการใช้ชีวิตมีคุณภาพและสามารถพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ ซึ่งวันนี้เราก็ได้นำวิธีการออกจาก comfort zone มาฝากทุกคนกันด้วย

แต่สำหรับใครที่ไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังติดอยู่ใน Comfort zone หรือไม่ เราอยากให้ลองดูว่ามีอาการเหล่านี้รึเปล่า ได้แก่ รู้สึกไม่มีแรงจูงใจและไม่ตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ ๆ ไม่เปิดใจให้กับสิ่งใหม่ หรือ มีความกังวลอย่างหนักเวลาอยากทำสิ่งใหม่ จึงไม่กล้าลวมือทำ รู้สึกว่าใช้ชีวิตทำสิ่งเดิมไปวัน ๆ ขาดแพสชั่นในการใช้ชีวิต และรู้สึกว่าตัวเองไม่มีการเติบโตที่เห็นได้ชัดมานานแล้ว ถ้ามีอาการเหล่านี้ลองทำในสิ่งที่เรากำลังจะพูดถึงต่อไปดูจะช่วยได้ เริ่มจาก

เข้าใจความกลัวของตัวเอง

หลายคนออกจาก Comfort zone ไม่ได้เพราะความกลัว เช่น กลัวการพูดในที่สาธารณะ ปัญหานี้ควรแก้ไขด้วยความเข้าใจ เช่น ถ้าเรากลัวการพูดในที่สาธารณะ ลองหาสาเหตุว่าทำไมตัวเองถึงกลัว เป็นเพราะเราเกลียดเสียงของตัวเอง ไม่เคยชินกับคนกลุ่มใหญ่ หรือว่า เพราะไม่เคยทำมาก่อนรึเปล่า เมื่อเราเข้าใจความกลัวตัวเองแล้ว เราก็จะสามารถรับมือกับมันได้ดีขึ้น และจะกล้าออกจาก Comfort zone มากขึ้น

อย่าเชื่อความคิดของตัวเองเพียงอย่างเดียว

การมองโลกผ่านมุมมองของตัวเองเพียงอย่าง ไม่ทำให้เรามองเห็นโลกกว้าง เพราะบางทีเราอาจมีอคติที่ทำให้เราคิดลบมากเกินไปก็เป็นได้ ดังนั้น ลองฟังความคิดเห็นของคนอื่นดูบ้าง เช่น คนที่เขาได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำ จะทำให้เห็นความเป็นจริงมากขึ้นว่าสิ่งที่อยู่นอก Comfort zone เป็นอย่างไร

ค่อย ๆ ก้าวเดินอย่างช้า ๆ

การเปลี่ยนแปลงที่เดียวจบอาจเป็นเรื่องยากเกินไปสำหรับใครหลายคน จึงอยากแนะนำให้ออกจาก comfort zone ทีละนิดจะดีกว่า เช่น ทำในสิ่งที่กลัวทีละน้อย เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้เรามีพัฒนาการบ้าง ไม่ใช่ไม่ทำอะไรเลย เรื่องนี้ทุกคนสามารถนำเทคนิคการพัฒนาตัวเองแบบ kaizen ไปปรับใช้ได้

มองความล้มเหลวเป็นบทเรียน

คนเรามักกลัวความล้มเหลว การสูญเสีย ความผิดหวัง ฯลฯ แต่การลงมือทำสิ่งใหม่ ๆ มันก็เหมือนกับการลงทุน คือ มีความเสี่ยงเสมอ ไม่ใช่ว่าทำอะไรแล้วเราจะสุขสมหวังได้ทุกครั้ง แต่การเลือกที่จะไม่ทำอะไรก็ไม่ช่วยให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และทำให้เราไม่มีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่มากขึ้นแทน เราเลยอยากแนะนำว่า อย่าไปกลัวความล้มเหลว แต่ให้เรียนรู้จากมัน และนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นต่อไป

เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อพื้นที่นอก Comfort zone

บางคนมักคิดอยู่เสมอว่า จะมีเรื่องเลวร้ายอะไรเกิดขึ้นบ้าง หากเปลี่ยนไปทำในสิ่งใหม่ ๆ ส่งผลให้พวกเขาไม่กล้าออกมาจาก Comfort zone หากคุณเป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น ลองเปลี่ยนจากคิดถึงผลร้าย มาคิดถึงผลดีที่จะได้รับจากมันแทน เช่น มันจะทำให้เราได้งานใหม่ที่เงินเดือนเยอะขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ หรือ ทำให้เราได้รู้จักคนมากขึ้นรึเปล่า เมื่อคิดแบบนี้ได้แล้วเราจะมีแรงจูงใจในการเปลี่ยนมากขึ้นอย่างแน่นอน!!!

การทำในสิ่งที่เราคุ้นชิน ทำเป็นประจำอยู่แล้ว อาจทำให้เรารู้สึกปลอดภัย และไม่ต้องกังวลอะไรมาก แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรใหม่ ๆ เลย ชีวิตของเราอาจจะหยุดนิ่ง ไม่ได้เรียนรู้อะไรใหม่ หรือ อาจไม่มีโอกาสได้ทำในสิ่งที่ทำจริง ๆ ดังนั้น การฝืนตัวเอง ความกล้า และความอดทน ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราก้าวข้ามตัวเองไปได้ เพื่อเจอตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีกว่าในทุก ๆ วัน   

Appendixs: 1 / 2