Business

HERO : ตอบทุกคำถามมือใหม่ ลงทุนอย่างไรให้ประสบความสำเร็จโดยคุณกระทรวง แห่ง SUPER TRADER THAILAND

By: Lady P. September 3, 2017

“อยากรวย” คิดว่าคงไม่มีใครปฏิเสธกับคำคำนี้ แต่จะมีสักกี่คนที่ประสบความสำเร็จได้อย่างใจฝัน ถ้าไม่เริ่มวางแผนอนาคตการเงิน และลงมือทำตั้งแต่วันนี้  Robert T.Kiyosaki เจ้าของหนังสือพ่อรวยสอนลูกได้กล่าวไว้ว่า If you do not know how to care for money, money will stay away from you. ถ้าคุณไม่รู้จักรักษาเงินของคุณ เงินจะไม่อยู่กับคุณ ฟังแบบนี้แล้วทีม UNLOCKMEN จึงไม่พลาดที่จะหาวิธีปลุกพลังในตัวคุณขึ้นมาใส่ใจการวางแผนการเงิน การลงทุนตั้งแต่วันนี้

ทีมงานมีโอกาสได้ไปสัมภาษณ์แชมป์สุดยอดแฟนพันธุ์แท้ตลาดหุ้นไทย 2013 ที่โลดแล่นบนสังเวียนหุ้นมา 10 ปี ลงทุนตั้งต้นตั้งแต่หลักแสน จนถึงวันนี้ “หลักร้อยล้าน”  คุณซัน กระทรวง จารุศิระ ปัจจุบันยังเป็นเจ้าของกิจการมากกว่า 10 บริษัท และหนึ่งในบริษัทที่หลายคนน่าจะพอคุ้นคือ SUPER TRADER REPUBLIC และเจ้าของโครงการ SUPER TRADER THAILAND รายการที่ค้นหาสุดยอด Trader แห่งประเทศไทย พูดได้ว่าคุณซันมีประสบการณ์โชกโชนมากมายในวงการตลาดหุ้นในประเทศไทยเลยทีเดียว เราจึงไม่พลาดที่จะไปสัมภาษณ์เพื่อนำข้อคิดแนวทางการลงทุนดี ๆ มาแบ่งปันกัน

“เริ่มต้น ลงทุนอย่างไรดี”

เราเชื่อว่าคำถามนี้ เป็นคำถามที่มือใหม่ชอบถามอยู่บ่อย ๆ สิ่งแรกที่คุณซันจะบอกพวกเขาคืออะไร

คุณซัน : “ถ้าจะเริ่มลงทุนอย่างที่ไม่มีอะไรเลย อย่าเพิ่งเริ่มลงทุน แต่ให้ศึกษาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้เสียก่อน”  คนหลายคนที่เข้ามาในตลาดหุ้นเชื่อว่าเหตุผลอย่างแรกเลยเพราะอยากมีเงินเพิ่มขึ้น หรือพูดอย่างห้วน ๆ เลยคือ ต้องการรวย นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนคิด แต่เราต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า ในระยะที่ไม่ไกลมาก ๆ ตลาดหุ้นเป็น Zero Sum Game (สถานการณ์หนึ่งในทฤษฎีที่มีผลเพียงแค่ แพ้-ชนะ เท่านั้น) คือการที่คนนึงได้กำไร มันจะมาจากการที่คนนึงต้องขาดทุน เพราะฉะนั้น ถ้าจะให้บอกว่าจะเริ่มอย่างไร อย่างแรกคือ อยากให้ศึกษาหาความรู้ ซึ่งความรู้ที่พูดถึงนั้นมันมีทั้ง ความรู้ด้านพื้นฐาน (Fundamental Analysis) และความรู้ด้านเทคนิค (Technical Analysis) ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญและควรศึกษาก่อนที่จะเริ่มต้นลงทุนทั้งสองด้าน เพราะถ้าเรารู้จักพื้นฐานของบริษัท แต่ไม่รู้เทคนิคการเข้าซื้อ ก็อาจทำให้ซื้อผิดจังหวะ หรือถ้าเรารู้แต่ด้านเทคนิค  แต่ไม่รู้จักพื้นฐานของบริษัท เราก็อาจไม่รู้ว่าหุ้นตัวไหนดีเช่นกัน

“ลงทุนแนวไหนดี”

เชื่อว่าคำถามต่อไปที่มือใหม่จะถามต่อคือ แล้วเราจะลงทุนแนวไหนดีหล่ะที่จะเหมาะกับเรา

คุณซัน : การลงทุนจริง ๆ ถ้าให้แบ่งเป็นหลัก ๆ จะแบ่งเป็น 2 อย่างคือ การลงทุนแนวพื้นฐาน และการลงทุนแนวเทคนิค แต่ถ้าพูดจริง ๆ แล้ว ผมเคยแบ่งเรื่องลงทุนเหมือนกัน ผมขอใช้เป็นคำว่าเรื่องการลงทุนและการเทรดเพราะจะได้กว้างกว่า จริง ๆ มันสามารถแบ่งได้ทั้งหมดประมาณ 6 แนว

แนวแรกผมเรียกว่า การลงทุนเพื่อหา PASSIVE INCOME เราจะหาหุ้นที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอที่มากกว่า 6% ต่อปี และเป็นหุ้นที่ไม่มี Volatility (ความผันผวน) เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นพวกหุ้นที่ราคานิ่ง ๆ เหมาะกับการซื้อแล้วทิ้งไว้กินปันผล การลงทุนแบบนี้จะเหมาะกับคนที่มีเงินลงทุน 20 ล้านบาทขึ้นไป ลองตีง่าย ๆ ถ้าได้ปันผล 6 % ปีหนึ่งจะได้เงินประมาณล้านสอง ถ้าได้ปีละล้านสองก็เท่ากับว่าได้เดือนละหนึ่งแสนชัวร์ ๆ โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย นี่คือ Financial Freedom ครับ แต่ก่อนที่จะมีอิสรภาพแน่นอนว่าคุณต้องมีเงินลงทุนพอสมควรเลยทีเดียว

ตัวที่สองเรียกว่า VALUE INVESTING ซึ่งคำว่า Value Investing นี้ ยังต้องแยกออกมาอีกสองแนว ซึ่งแนวแรกที่คนยอมรับกันจะเป็นแนวของ Benjamin Graham หรือแบบของ Warren Buffett คือลงทุนในบริษัทที่ทุกคนต้องกินต้องใช้มี Margin of Safety สูง เช่น Warren Buffett ก็ลงทุนอย่างโคคา โคล่า คือเป็นสินค้าที่ทุกคนต้องกินต้องใช้ อย่างไรก็ไม่เจ๊ง อยู่ได้ทุกสภาวะตลาด เพราะมองว่าเป็นหุ้นดี ตราบใดที่หุ้นตัวนั้นเป็นของดีก็ควรเก็บหุ้นตัวนั้นในพอร์ตไว้เพื่อหวังกินปันผล

แบบที่สามเป็น VALUE INVESTING เหมือนกัน แต่เป็นแบบของ Peter Lynch ซึ่งผมแนะนำ ให้ลองอ่านหนังสือของ Peter Lynch ดู ด้วยแนวทางของ Peter ที่เป็นแนวทางการลงทุนแนว Growth Stock ที่มองหาบริษัทที่โตต่อไปเรื่อย ๆ ถ้าสังเกตูดูดี ๆจะเห็นว่าบริษัทที่มีแนวโน้มในการโตต่อไปเรื่อย ๆ ราคาสูงทีจะขึ้นเป็น 5 หรือ 10 ไปเรื่อย ๆ เป็นเรื่องปกติมาก เพราะว่าคนส่วนใหญ่ซื้อหุ้นไม่ได้สนใจอดีตแต่สนใจในอนาคตว่าจะโตไปมากน้อยแค่ไหน

แบบที่สี่ เป็นการ RUN TREND จะกึ่ง ๆ เกี่ยวกับการลงทุนเก็งกำไร คือซื้อเมื่อสัญญาซื้อเกิดใน Chart Technical Analysis และถือตนกว่าจะจบเทรนด์ ก็คือเราจะเริ่มซื้อตอนที่มันเริ่มต้นเป็นขาขึ้น และจบเมื่อขาขึ้นนั้นจบลง ผมเชื่อว่าตำราเทคนิคหลาย ๆ อย่างสอนให้เรารันเทรนด์ เป็นลักษณะวิธีการลงทุนและการเทรดแบบ Buy and Hold จนจบการขาย วิธีการนี้ผมถือว่าสายเทคนิค แต่ก่อนหน้านี้จะใช้เป็นแนวนี้เป็นส่วนมาก

วิธีการที่ห้า มันจะไม่ใช่กึ่ง ๆ การลงทุนแล้ว มันจะเป็นการเทรด ผมจะเรียกว่า SWING TRADE  ซึ่งเราต้องยอมรับว่า หลาย ๆ ครั้งหุ้นมันมี Volatility  ซึ่งวิธีการสวิงเทรดมันเกิดขึ้นมาจาก การที่การรันเทรนไม่ตอบโจทย์ บางคนบอกว่าซื้อแต่พอกำไรไป 70% ไม่ได้ขาย สุดท้ายทนถือจนกำไรเหลืออยู่ 20% อันนี้ก็จะเป็นความเจ็บปวดของการรันเทรน มันก็เลยจะมีศาสตร์แห่งการสวิงเทรด ตรงนี้เกิดขึ้นมาแทน การสวิงเทรด ก็คือ การเล่นรอบกลางของหุ้นตัวนั้น ไม่จำเป็นต้องกินรอบใหญ่แบบการรันเทรน รอบกลางก็อาจจะได้ผลตอบแทนประมาณ 20-30% ต่อรอบ แต่สามารถทำได้หลายรอบกว่ารันเทรนครับ

วิธีสุดท้าย ผมเรียกว่า DAYTRADE น่าจะมาฮิตในยุคหลัง ก็เป็นโมเดลในการสร้างกระแสเงินสดรายวัน ต้องยอมรับอย่างหนึ่งเลยว่า ผมเชื่อว่าเทรดเดอร์ทุกคนสุดท้ายทุกคนอยากลงทุนในหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานดี มีปันผลทุกคน แต่สาเหตที่เขาจะต้องเอาเงินมา DAYTRADE เนี่ย เป็นเพราะลำพังเงินไม่พอครับ อย่างตัวอย่างที่เริ่มต้นที่ Super Trader Republic บางคนมีเงินเริ่มต้นที่ 2 แสนบาท ถ้าจะไปซื้อหุ้นปูนซีเมนต์ไทยเพื่อนกินปันผลปีละ 4% เนี่ยอย่างไรก็ไม่พอกิน เพราะฉะนั้นเขาเลยต้องเอาเงินมาเทรดเพื่อให้ได้วันนึงอาจจะได้วันละ 2,000 -5,000 เพื่อให้เขาอยู่ต่อไปได้ อันนี้ก็จะเรียกว่าเดย์เทรด ซึ่งวิธีนี้ก็เป็นวิธีที่ผมใช้เช่นกันอย่างที่เขียนในหนังสือ ” เครื่องจักรผลิตเงินสด”

“เครื่องจักรผลิตเงินสด” อะไรคือที่มาของหนังสือเล่มนี้ 

คุณซัน : ที่ใช้คำว่าเครื่องจักรผลิตเงินสด เพราะสำหรับพี่ โมเดล DAYTRADE เป็นโมเดลที่ดีที่สุดในการผลิตเงินสดทุกวันถ้าเรารู้หลักการมากพอ เป็น Value Investing ไม่ว่าจะเป็น RUN TREND หรือ SWING TRADE ไม่สามารถทำได้ครับ มีวิธีการเดียวที่สามารถผลิตเงินสดให้เราทุกวันได้ ก็คือการเดย์เทรด เพราะซื้อขายจบในวัน แต่ก็อย่างที่พี่บอกไป วิธีนี้มีความเสี่ยง ต้องศึกษาให้มาก มีสติและมีวินัยให้มากที่สุดครับ

เทคนิคที่ทำให้ทำกำไรได้ทุกวันของคุณซันคืออะไร

คุณซัน : ถ้าเป็นในตลาดหุ้นไทย ผมอยู่ในตลาดหุ้นไทยมา 15 ปี เรื่อง Fundamental กับ Technical ที่พูดไปในหัวข้อก่อนนี้ เป็นแค่เบื้องต้น แต่จริง ๆ พอมาลงทุนแนว DAYTRADE จริง ๆ เราต้องรู้นิสัยของหุ้น คำว่านิสัยของหุ้นจริง ๆ ก็จะเป็น นิสัยของคนที่เข้ามาเล่นหุ้นตัวนั้นมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นรายเล็กรายใหญ่ หรือจะเป็น Market Maker หุ้นตัวใดตัวนึงได้ ต้องรู้ศึกษาได้ว่าซื้อตรงนี้ได้กำไร ซื้อตรงนี้จะขาดทุน และเราก็จะทำซ้ำ ๆ ในจุดที่เราได้กำไรครับ ส่วนเรื่องหน้าเทรดถ้าจะพูด คือต้องสอนมันต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงเลย แต่มันจะมีหลักเบื้องต้นคือ

1.  เข้าใจพื้นฐานของบริษัทนั้นจริง ๆ

2. เข้าใจเทคนิคจริงอย่างถ่องแท้

3. รู้นิสัยหุ้นตัวนั้น

ซึ่งตาม Technical Analysis เบรคไฮ ต้องซื้อ เชื่อไหมครับ ร้อยละ 80 เบรคไฮ ซื้อคือ ดอย แต่ DAYTRADE จะรู้มากกว่านั้นก็คือ จุดนี้คือจุดที่วอลลุ่มพีค ซื้อไม่ได้ เดย์เทรดต้องหาจุดกลับตัว หรือจุดที่ Buy on Dip ( ซื้อเมื่อราคาย่อตัวในขาขึ้น ) ที่แน่น ๆ มากกว่านั้น หรือจุดยิงขาสองขาสาม ซึ่ง ตำราเดย์เทรด จะหาตำราจริง ๆ มันไม่มีครับ จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมถึงเขียนตำราเดยเทรดขึ้นมาครับ

 3 เทคนิคที่ทำให้อยู่รอดจากการเทรดในตลาดหุ้นจนถึงทุกวันนี้

1. แพ้ให้เป็น

คือรู้จักการ CUT LOSS  หลายคนที่แพ้ตลาด คือไม่ยอมที่จะ CUT LOSS คือเราต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า จุดที่เราซื้อเนี่ย มันมีสิทธิ์ชนะ 50% และมีสิทธิ์แพ้ 50% เพราะฉะนั้นถ้าเราคิดว่าทุกครั้งที่เราซื้อแล้วเราจะชนะ เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะแม้กระทั่งผม ผมก็ทำไม่ได้ ผมทำแบบนี้ทำ 10 ปีผมก็ยังทำไม่ได้

2. ต้องหา BIG SHOT ให้เป็น

คือในจังหวะที่เรามั่นใจสุดจริง ๆ ทำการบ้านศึกษามาอย่างเต็มที่ เราต้องกล้า ALL IN เพราะว่าถ้าในจังหวะที่มั่นใจ และทุกอย่างครบองค์ประกอบที่เรา ALL IN หรือ ซื้อหมดพอร์ตแล้วเนี่ย ถ้าเราไม่ทำ ผมว่ามันเป็นอะไรที่น่าเสียดาย

3. อยากให้ทุกคนมองว่าการเทรดเป็นสิ่งที่ไม่มีความแน่นอน

คือวันนี้เรากำไร พรุ่งนี้เราอาจจะขาดทุน คือคนที่เข้ามาเดย์เทรดใหม่ ๆ ส่วนใหญ่จะฮึกเหิมเวลาได้กำไร แต่ผมบอกเลยว่าเวลาตลาดขาขึ้น ให้ลิงไปซื้อมันก็กำไร เพราะจะซื้อตัวไหนมันก็ขึ้นหมด แต่คนที่จะมาอยู่ตลาดจริง ๆ เนี่ย ขาขึ้น ขาลงหรือ sideway ก็ต้องสามารถเทรดได้ เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจว่าเกมนี้ มันจะมีแพ้มีชนะตลอดเวลา ชนะก็ชนะให้เป็น แล้วชนะต้องกินคำโต ๆ เวลาแพ้ต้องเสียให้น้อยที่สุด และอย่าหลงระเริงว่ากำไรที่ได้ในวันนี้ แล้วพรุ่งนี้เราจะได้กำไร ตลาดเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาครับ

อุปสรรคในการลงทุนในตลาดหุ้น ที่นักลงทุนต้องได้เจอแน่นอน 

อุปสรรคอย่างแรกคือเรื่องเงิน เพราะการลงทุนจำเป็นต้องใช้เงิน คราวนี้ถ้าฐานต้นทุนเรายังไม่มาก มันก็เป็นอุปสรรคอย่างหนึ่ง แต่อยากให้น้อง ๆ คิดว่าวันนี้เราอาจจะไม่มีเงินมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า อีก 5-10 ปีเราจะไม่มีเงิน เราอาจจะไปทำงานแล้วมีเงินเก็บสะสมหรือไปทำธุรกิจแล้วมีเงินเก็บซึ่งเราก็ควรแบ่งจัดสรรการเงินมาลงทุนเพื่อเพิ่มความงอกเงย

อุปสรรคที่สองคือเรื่องของความรู้ โชคดีที่ทุกวันนี้จริง ๆ สื่อออนไลน์ไม่ว่าจะ Youtube หรือสื่อออนไลน์ที่มีคนสอนมากพอ ไม่ได้มีอุปสรรคเท่าไหร่ถ้าเทียบการการหาความรู้ในสมัยก่อน ๆ

แต่อุปสรรคที่สำคัญจริง ๆ คือเรื่องของการบริหารจัดการความเครียดมากกว่า ตอนที่เราได้กำไรเราไม่เครียดอยู่แล้วครับ แต่มันก็จะมีอย่างนี้นะ สมมติถ้าเราขายหมูเราก็อาจจะเครียดเพราะอยากได้มากกว่านั้น หรือถ้าเรา CUT LOSS แล้วราคาหุ้นเด้งแสกหน้าเราก็จะเครียด ถ้าเราติดดอยอันนี้เครียดอยู่แล้ว และสุดท้ายมันจะมีจุดนึง ตัวอย่างผมมีลูกศิษย์ค่อนข้างเยอะ คนที่พอร์ตระเบิด ล่าสุดมีคนมีเงิน 30 ล้าน ตอนนี้เหลือ 7 ล้าน เรียกว่าตอนนี้ MINDSET พัง พอ MINDSET พังเขาจะกลัวไปหมดทุกอย่าง เป็นสิ่งอันตรายที่สุด ถ้าเกิดขึ้นกับใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งถ้าเกิดขึ้นกับใครเขาจะไม่กลับมาอีก ดังนั้นความเครียด จึงเป็นอุปสรรคที่สำคัญที่สุด สำหรับคนที่จะเข้ามาลงทุนที่เราต้องจัดการมันให้ได้ครับ

ในโลกดิจิตัลตอนนี้ เป็นโลกที่เซียนสร้างตัวได้จากเฟสบุคเยอะมาก “โชว์พอร์ตบวก” มีวิธีดูมั้ย อันไหนตัวจริงตัวปลอม มือใหม่จะได้ไม่โดนหลอกกัน

คุณซัน : จริง ๆ แต่ก่อนผมก็เป็นอีกคนที่ชอบโชว์กำไร แต่ขอใช้ UNLOCKMEN เป็นสื่อเลยว่า คือเดิมทีผมไม่ได้โชว์กำไรมาก่อน แต่พอมีโครงการ SUPERTRADER ผมก็คิดว่าการตลาดอย่างหนึ่ง ที่ดีที่สุดก็คือการโชว์กำไร ให้เขาเห็นว่าเราสามารถทำกำไรได้จริง ผมเลยมีการโชว์กำไรใน Facebook แต่ตอนนั้นก็มีคนเข้ามาแขวะว่าผมทำ photoshop หรือต่าง ๆ นา ๆ มีช่วงหนึ่ง ผมโชว์กำไรทุกวันเพราะต้องการให้คนที่เข้ามาสบประมาทผมรู้ว่า จริงๆผมได้กำไรทุกวันจริง ๆ หรือว่าคุณอยากจะดูพอร์ตผมก็เปิดให้คุณดูได้ อะไรแบบนี้ แต่ช่วงหลังที่ไม่ได้โชว์เพราะมีผู้ใหญ่มาเตือน ว่าจริง ๆ เราก็โตแล้ว ถ้าจะโชว์ไปโชว์ในเพจ อย่าโชว์ส่วนตัว อันนี้ก็เลยไม่ได้โชว์ส่วนตัว

ส่วนจะดูว่าใครของจริงของปลอม ดูว่าเขาอยู่ได้เพราะการเทรด หรืออยู่ได้เพราะการสอน คือถ้าอยู่ได้เพราะการสอน คือตะบี้ตะบันสอนผมว่าเขาอาจจะไม่ได้กำไรสม่ำเสมอจริง แต่คนที่ไม่ค่อยสอนแต่โชว์ ไม่ว่าจะโชว์ฝีมือ โชว์อีโก้อะไรก็แล้วแต่ แต่ถ้าเค้าไม่ได้เอาเงินจากโมเดลอื่น ไม่ได้เป็นพนักงานกินเงินเดือน ไม่ต้องทำธุรกิจส่วนตัว หรือสอนเพื่อเอาค่าสอนมา ผมว่าอันนั้นก็สามารถพิสูจน์ได้ระดับหนึ่ง ว่าของจริงพอสมควรครับ

เป็นเซียนหุ้นวันนี้ ก็อาจไม่ใช่เซียนหุ้นในวันพรุ่งนี้…พี่ว่าจริงมั้ย แล้วมีเทคนิคอย่างไร ให้อยู่ตลาดหุ้นตลอดรอดฝั่ง

คุณซัน : คำว่าเซียนหุ้น จริง ๆ มีหลายคนมากที่เคยมีเงินหลายร้อยล้าน บางคนมีเป็นพันล้านแต่สุดท้าย ก็ขาดทุนมหาศาลแล้วก็ล้างลาจากวงการไป

ผมคิดว่าเราจะต้องปรับตัวให้ได้เหมือนแมลงสาบ เพราะแมลงสาบมันอยู่มานานกว่ามนุษย์ ปรับตัวเก่งกว่าเรา เก่งกว่าไดโนเสาร์ สมัยก่อนผมบอกเลยว่าหน้าเทรดเนี่ย บางอย่างซื้อปุ๊บยังไงก็ได้ตังค์ แต่สมัยนี้คนส่วนใหญ่เค้าก็ใช้เทคนิคเหมือน ๆ กัน ซึ่งอะไรที่คนส่วนใหญ่ใช้ มันจะกลายเป็นสิ่งที่ใช้ไม่ได้ อันนี้เป็นเรื่องจริงนะ เพราะฉะนั้นใครที่เคยยึดติดกับความสำเร็จเก่า ๆ โดยที่ไม่คิดที่จะปรับปรุง หรือเปลี่ยนไปตาม สภาวะที่มันเปลี่ยนไป ผมว่าอันตราย การที่เราจะอยู่ในตลาดนาน ๆ ได้ เราจำเป็นต้องเรียนรู้ตลอดเวลา ปรับปรุงตลอดเวลา และยังต้องคิดว่าตัวเองยังมีจุดบกพร่องอยู่ ถ้าคนที่เข้ามาเป็นเทรดเดอร์ แล้วคิดว่าวันนี้กูเก่งแล้วกูไม่ต้องทำอะไรแล้ว อันนั้นคือหายนะแน่นอนครับ

ตอนนี้พี่ซันทำโครงการ SUPERTRADER เล่าหน่อยว่าคืออะไร เป้าหมายในอนาคตของ Supertrader คืออะไร

คุณซัน : SUPERTRADER เป็นโปรเจคท์ที่เกิดจากความสนุกว่าผมอยากเห็นว่าใครเป็นคนที่เก่งที่สุดในประเทศ แต่ในเมื่อมันไม่มีคนจัดผมเลยต้องจัดขึ้นมาเอง โดยร่วมกับบริษัท GLOBLEX  ซึ่งเป้าหมายของเรา คือ ตั้งเป้าว่าเราจะเป็น The First Gateway for Trader คือ ผมเห็นเด็กรุ่นใหม่มามากที่เรียนจบมาพร้อมความหวัง บางคนเป็นคนแก่เกษียณอายุมีเงินเก็บแค่ก้อนเดียว แล้วเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น สุดท้ายแล้วก็เจ๊ง

ผมใช้ว่าส่วนใหญ่ บางคนหมดตัว เพราะฉะนั้นเนี่ย เนื่องจาก SUPERTRADER เป็นโครงการฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ผมคิดว่าตรงนี้ผมทำขึ้นมาเพื่อให้ความรู้กับคนโดยส่วนใหญ่ ผมคิดว่าถ้าเรามีวิธีการเรียนที่ถูกต้องทั้ง Fundamental และ Technical อย่างน้อยในระยะยาวคุณจะไม่แพ้ ผมไม่ได้พูดว่าคุณจะรวยนะ รวยนี่ต้องใช้อีกขั้นหนึ่ง แต่ผมเชื่อว่าความรู้ที่ทุกคนถ่ายทอดให้เนี่ยคุณจะไม่แพ้ อาจจะมีขาดทุนบ้าง แต่คุณก็จะรู้จักการ stop loss ระยะยาวผมเชื่อว่าคุณสามารถอยู่ได้ตลอดไป คล้าย ๆ ปณิธานว่า เราจะทำสิ่งที่เป็น Center ให้คนได้ศึกษาเรื่องลงทุนนี้ให้เข้ามาหาเราเพราะมันไม่มีค่าใช้จ่ายครับ

พูดถึงเรื่องการลงทุนมาเยอะแล้ว พี่ซันมีวิธี Work Life Balance อย่างไรบ้าง

คุณซัน : จริง ๆ ยอมรับเลยครับว่าตอนนี้ Work Life Balance ไม่ดีเลย แต่ก็พยายาม หลัง ๆ นี้ผมมีความคิดที่เปลี่ยนไป สมัยก่อนเคยคิดว่าตัวเองอยากรวย หลังจากที่ตัวเองประสบความสำเร็จ หลังจากที่ผมมีหลักล้าน ผมก็อยากมีสิบ วันที่ผมอยากมีสิบผมอยากมีร้อย พอวันที่ไปถึงร้อยจริง ๆ ผมอยากมีหลักพัน แต่มันนำมาซึ่งความเครียดครับ คือวันที่เราลงทุน 10 ล้านเนี่ย เราขาดทุนได้ช่องละแสน ช่องหนึ่งประมาณ 1% แต่ละวันที่ผมลงทุน 100 ล้าน ผมจะขาดทุนช่องละล้าน และบางครั้งมันไม่ได้ลงช่องเดียว เช่นผมซื้อหุ้นตัวหนึ่ง 100 ล้านบาท ผมอาจจะโดน 10 ช่อง ช่องละ 10 ล้าน ซึ่งผมทำใจรับมันไม่ได้

คราวนี้ผมเปลี่ยนใหม่ ให้โจทย์ใหม่ว่า แทนที่เราจะตั้งตัวเลขว่าวันนี้เรามาตรงนี้ เราอยากไปตรงนั้นผมละทิ้งหมดเลย ผมมองว่าจริง ๆ มันพึ่งมาเป็นปีนี้นะ มีเท่าไหร่ก็กินเท่าเดิม มีเท่าไหร่เราก็กินข้าว 3 มื้อ เรามีบ้าน เรามีรถ ครอบครัวเรามีความสุข เรามีอาชีพเรามีธุรกิจ ผมมองว่าการเทรดเป็นสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุข ผมไม่อยากเครียดแล้ว ผมเลยแบ่งเงินส่วนหนึ่ง เดี๋ยวนี้เทรดน้อยลงไปเยอะแล้วครับ เดี๋ยวนี้แบ่งเงินส่วนหนึ่งไปในหุ้นปันผล ไปซื่อพวกกอง Lease กอง Property Fund บางทีถ้าเกิดมีหุ้นกู้ที่เกรดดี ๆ ผมก็จะซื้อ ซึ่งผมไม่ต้องเอาเงินทั้งหมดไปใส่ไว้กับการเทรดซึ่งมันเครียดมาก และตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมไม่เคยตั้งเป้าเรื่องเงินอีกเลย ผมแค่รู้สึกว่าตอนนี้มีความสุข ครอบครัวมีความสุข แล้วมีเวลาก็พยายามไปออกกำลังกายครับ เนื่องจากมีธุรกิจด้วยก็พยายามที่จะ Put the Right Man on the Right Job เพราะผมไม่สามารถดูแลเองได้ทั้งหมดอยู่แล้ว พยายามและกำลังจะบาลานซ์อยู่ เพราะแต่ก่อนไม่เคยบาลานซ์เลยครับ

เป้าหมายสูงสุดในการดำเนินชีวิตคืออะไร มีอะไรที่อยากจะ UNLOCK ตัวเองอีกมั้ย

คุณซัน : โดยส่วนตัวผมคิดว่าผมปลดล็อคตัวเองไปแล้วนะครับ ส่วนปณิธานเลยนะ ผมอยากจะปลดล็อคคนไทยจากความไม่รู้ทางการเงิน คือบางทีผมอ่านข่าวเนี่ย ยกตัวอย่างสองเรื่องละกัน อย่างแรกคนเราไปกราบไหว้วัวสามขา หมูตาบอด หรือหลักกิโลเนี่ย เอาจริง ๆผมไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ ผมนับถือศาสนาพุทธ ผมกราบพระพุทธรูป ผมจะไม่ไปไหว้หมูสามขา ถ้าพูดตรง ๆ คือคนไทยยังมีกลุ่มคนที่งมงายเรืองพวกนี้อยู่ แล้วก็บางทีมองว่าความจนเพราะว่าตัวเองมีกรรม ซึ่งผมว่าไม่จริง

ความจนความรวยเกิดจากการกระทำ เพราะฉะนั้นผมอยากจะปลดล็อคความคิดของคนไทย ที่ยังงมงายหรือไขว่คว้าหาอะไรที่มันไม่จริงที่จะทำให้ตัวเองรวยขึ้น ผมมีความคิดมาตลอดว่า คนที่จะรวยขึ้นมาได้มันขึ้นอยู่กับการกระทำตัว การทำสัมมาอาชีวะ เก็บหอมรอมริบ ประหยัด ลงทุนให้เป็น อันนี้คือวิธีของความรวยครับ

3 ข้อคิด ฝากถึงมือใหม่ที่อยากก้าวเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น

คุณซัน : จริง ๆ มีมากกว่าสาม แต่เอาสามอันที่มีประโยชน์กับมือใหม่ก่อนเลยคือ

1. คนเราสามารถรวยได้แต่ต้องใช้เวลา ผมเชื่อว่าหลายคนที่เข้ามาในตลาดหุ้นมีความเชื่อว่าทำยังไงให้รวยเร็วที่สุด อยากให้เปลี่ยนความคิดใหม่ครับ ให้คิดว่าเราสามารถสร้างพอร์ตให้เติบโตให้ยั่งยืนที่สุดดีกว่า ต้องเปลี่ยน MINDSET เลย เพราะบางทีการที่เร่งความเร็วมากไปเนี่ยคือหายนะครับ คนที่เร่งความเร็วต้องไปเล่นพวก block trade ไปเล่นพวก DW แล้วถ้ายังไม่มีความรู้ ไปใช้พวกสินค้า Leverage สูง ก็อาจทำให้พอร์ตระเบิดนะครับ

2. อะไรที่เราเคยคิดว่ามันเป็นอย่างนั้น มันจะไม่ใช่อย่างนั้นเสมอไป คือ ถ้าคนที่อยู่ในตลาดมานานพอแบบผมเนี่ย จะรู้ว่าวิธีการในอดีต ที่เคยใช้ได้ บางอย่างยังใช้ได้ แต่บางอย่างมันใช้ไม่ได้ หน้าที่ของเราก็คือ เราต้องจับธรรมชาติของมันให้ออก แล้วเปลี่ยนปรับสภาวะของตัวเองให้สามารถเข้าไปลงทุนได้ถูกจังหวะ แล้วเราถึงจะมีกำไรและอยู่ในตลาดหุ้นได้ตลอดรอดฝั่ง

3. อาชีพ TRADER จริง ๆ ใน Real Sector เค้ามองว่าเราเป็นคนไร้ค่าทางเศรษฐกิจ เพราะว่าเราไม่ก่อให้เกิด productivity อะไรเลย คือ ถ้าเราผลิตสินค้าเราก็ยังสร้างสินค้า แต่การเป็นเทรดเดอร์เหมือนคุณกำลังพยายามจะฉวยโอกาสตอนที่มันถูกแล้วเอาไปขายแพง แล้วถามว่าคุณให้อะไรกับเศรษฐกิจบ้างอันนั้นผมไม่เถียงนะ ผมเลยจะบอกว่าใครประสบความสำเร็จในเรื่องของการเทรดเนี่ย ผมอยากจะให้เอาเงินตรงนี้ แบ่งเอาไปช่วยคนตกทุกข์ได้ยากบ้าง คนที่ยังลำบากยังมีอีกเยอะ

ได้อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว เราเชื่อว่าหลายคนต้องได้แนวความคิดการลงทุน การใช้ชีวิต แนวทางการรับมือ วางแผนการลงทุนในตลาดหุ้นไม่มากก็น้อย ซึ่งต้องบอกว่าทุกคนมีโอกาสที่จะรวยได้ แต่ต้องรู้จักที่จะเริ่มศึกษาหาแนวทางที่เหมาะสมกับตนเอง และเริ่มตั้งใจตั้งแต่วันนี้ ส่วนใครสนใจที่จะเริ่มศึกษาการลงทุนในตลาดหุ้นในแนวทางนี้สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Super Trader Thailand

Lady P.
WRITER: Lady P.
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line