FASHION

AUDEMARS PIGUET : จัดเต็ม 14 รุ่นไอคอนนิค ROYAL OAK OFFSHORE ที่สุดแห่งเรือนเวลาที่บรรดาหนุ่ม ๆ หมายปอง

By: Lady P. February 16, 2018

ถ้าให้พูดถึงเรือนเวลาที่หนุ่ม ๆ หมายปอง คงปฎิเสธไม่ได้เลยว่า หนึ่งในนั้นต้องมีแบรนด์ โอเดอมาร์ ปิเกต์ (AUDEMARS PIGUET) สุดยอดแบรนด์เครื่องบอกเวลาเหนือระดับจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งนาฬิการุ่นยอดนิยมและมีชื่อเสียงอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน คงต้องยกให้กับเรือนเวลาลุคสปอร์ตอย่าง รอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ (ROYAL OAK OFFSHORE) กับตัวเรือนทรงแปดเหลี่ยมขอบตัวเรือนทำจากเหล็ก ตกแต่งด้วยสกรูแบนหกเหลี่ยมฝังเข้าไปกลายเป็นดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ แสดงถึงความสมดุลระหว่างพลังและความหรูหราเหนือเวลา  เพื่อเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของแบรนด์ที่เติบโตมาอย่างยาวนานและเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปี ในปี 2018 นี้  ทีมงาน UNLOCKMEN  ขอนำท่านย้อนเวลาสู่ความท้าทายครั้งสำคัญกับ 14 เรือนเวลาที่รังสรรค์จากหลากวัสดุชั้นเลิศ ทั้งยังครองใจเหล่านักแสดง แร็ปเปอร์ นักแข่งรถ นักกีฬามืออาชีพ หรือแม้แต่เซเลบริตี้ทั่วโลกมาจนถึงปัจจุบัน

1993 รอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ เรือนแรกของโลก FIRST ROYAL OAK OFFSHORE

เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกที่บาเซิลเวิลด์ในปี 1993 เรือนเวลาที่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของตระกูล รอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ (ROYAL OAK OFFSHORE) กับดีไซน์ที่ฉีกกฎการออกแบบอันแสนท้าทาย บนตัวเรือนสเตนเลสสตีลขนาด 42 มิลลิเมตร นับเป็นการพลิกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับแวดวงเครื่องบอกเวลาชั้นสูงสู่คนรุ่นใหม่ในยุคสมัยนั้น ทั้งยังหลอมรวมจิตวิญญาณของเรือนเวลาต้นแบบอย่าง รอยัล โอ๊ค ไว้อย่างแยบยล ขับเคลื่อนการทางานด้วยกลไกไขลานอัตโนมัติ คาลิเบอร์ 2126/2840 พร้อมฟังก์ชั่นโครโนกราฟ

 

1997 รอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ เพอร์เพทชวล คาเลนดาร์ ROYAL OAK OFFSHORE Perpetual Calendar

รอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ ที่ผสานฟังก์ชั่นปฏิทินถาวรและโครโนกราฟบนตัวเรือนสเตนเลสสตีลไว้อย่างยอดเยี่ยม โดดเด่นด้วยส่วนแสดงปีอธิกสุรทินที่มอบความเที่ยงตรงสูงจนถึงปี 2100 ขับเคลื่อนการทางานด้วยกลไกไขลานอัตโนมัติ คาลิเบอร์ 2226/2839

 

1999 ROYAL OAK OFFSHORE End of Days

– เรือนเวลา ลิมิเต็ด อิดิชั่น รุ่นแรกของ รอยัล โอ๊ค ออฟชอร์
– ตัวเรือนสแตนเลสสตีล สีดำ รุ่นแรกของ โอเดอมาร์ ปิเกต์
– รอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ รุ่นแรกที่บอกเวลาด้วยตัวเลขอารบิก

เรือนเวลาดังกล่าวถูกสวมใส่โดยนักแสดงมากความสามารถอย่าง อาร์โนลด์ ชวาเซเนกเกอร์ (Arnold Schwarzenegger) ในขณะเข้าฉากถ่ายทาภาพยนตร์เรื่อง “End of Days” ซึ่งชวาเซเนกเกอร์ถือเป็นผู้ร่วมดีไซน์คนสาคัญในครั้งนี้ รังสรรค์พิเศษเพียง 500 เรือนทั่วโลก โดยรายได้จากการจำหน่ายมูลค่ากว่า 1 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐยังช่วยเหลือองค์กรการกุศลอย่าง After School All Stars อีกด้วย

 

2003 ROYAL OAK OFFSHORE Arnold Schwarzenegger

ปี 2003 ชวาเซเนกเกอร์ (Schwarzenegger) ถูกรับเลือกในฐานะผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่ โอเดอมาร์ ปิเกต์ รังสรรค์เรือนเวลารุ่นพิเศษนี้ขึ้น โดยครั้งนี้มาบนตัวเรือนเยลโลว์โกลด์ พร้อมฝาหลังสลักลายเซ็น ผลิตจำกัดเพียง 400 เรือน

 

2004 ROYAL OAK OFFSHORE T3

เรือนเวลาอีกหนึ่งรุ่นที่ โอเดอมาร์ ปิเกต์ จับมือกับ ชวาเซเนกเกอร์ (Schwarzenegger) มาพร้อมตัวเรือนไทเทเนียมขนาดใหญ่ถึง 48 มิลลิเมตร ผลิตจำนวน 1,000 เรือน โดยเปิดตัวพร้อมกับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง คนเหล็ก 3 (Terminator 3: Rise of the Machines) ฝาหลังสลักโลโก้ T3

 

2005 ROYAL OAK OFFSHORE Rubens Barrichello

เรือนเวลาที่ถูกแต่งเติมไปด้วย 3 สีสันหลักของธงชาติบราซิล อย่าง เหลือง น้ำเงิน เขียว ออกแบบขึ้นเพื่อเชิดชู รูเบนส์ บาร์ริเคลโล (Rubens Barrichello) อดีตนักขับรถฟอร์มูล่าวันชื่อดังชาวบราซิล ตัวเรือนทาจากไทเทเนียม มอบความแข็งแรง ทนทาน และมีน้าหนักเบา ผลิตจำกัดเพียง 150 เรือน

 

2007 ROYAL OAK OFFSHORE Safari

รอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ รุ่นแรกที่จับคู่สายหนังจระเข้ส่วน “Hornback” สีนำ้ตาล คัตติ้งสุดหรูที่มอบทั้งความคลาสสิคและเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้อย่างไร้ที่ติ มาพร้อมตัวเรือนสเตนเลสสตีลขนาด 42 มิลลิเมตร

2008 ROYAL OAK OFFSHORE Volcano

รอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากการปะทุของภูเขาไฟ โดดเด่นด้วยโทนสีส้มของตัวเลขและเข็มบอกเวลาบนหน้าปัด ที่สะท้อนถึงความร้อนแรงของลาวาที่ คุกรุ่น ทั้งยังออกแบบให้รับกับลวดลายบนหน้าปัด แบบเมกะ ตาปิสเซอรี่ (Mega Tapisserie) ได้อย่างลงตัว

 

2008 ROYAL OAK OFFSHORE Singapore Race

รอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ สายหนังดีไซน์สปอร์ต โดดเด่นด้วยพื้นหน้าปัดสีแดงเข้มบนตัวเรือนคาร์บอนไฟเบอร์และสเตนเลสสตีล เรือนเวลาที่สื่อถึงจิตวิญญาณอันมุ่งมั่นบนสนามแข่งอันแสนท้าทาย ดังเช่นเทศกาลแข่งรถฟอร์มูล่า วัน ณ ประเทศสิงคโปร์ ที่อัดแน่นไปด้วยเหล่านักแข่งที่พร้อมปลดปล่อยอะดรีนาลีนเพื่อพิชิตเป้าหมายครั้งสาคัญ

 

2009 ROYAL OAK OFFSHORE “Bumblebee”

ด้วยโทนสีเหลืองดำอันเป็นเอกลักษณ์ ที่มาพร้อมตัวเรือนเซรามิกและคาร์บอน ไฟเบอร์ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เหล่าผู้ชื่นชอบเรือนเวลาต่างขนานนาม รอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ รุ่นนี้ว่า “บัมเบิลบี” (Bumblebee) ตามคาแรคเตอร์หลักของหุ่นยนต์ ตัวเอกจากภาพยนตร์เหนือจินตนาการอย่าง “ทรานส์ฟอร์เมอร์ส”

 

2011 ROYAL OAK OFFSHORE Ginza

รอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ ลิมิเต็ด อิดิชั่น ผลิตจำกัดเพียง 200 เรือน หลอมรวมความประณีตจากหลากวัสดุชั้นเลิศ อาทิ ตัวเรือนเซรามิกและคาร์บอน ไฟเบอร์ น้าหนักเบาเพียง 99 กรัม ฉีกดีไซน์ให้แตกต่างด้วยหน้าพื้นปัดสีดำเรียบหรู โดดเด่นด้วยเลข “7” ประดับเพชร สื่อถึงย่านกินซ่า (Ginza) ซึ่งเป็นที่ตั้งของ โอเดอมาร์ ปิเกต์ บูติค โตเกียว

 

2013 ROYAL OAK OFFSHORE Pride of Siam

รอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ ที่สะท้อนถึงเกียรติภูมิของประเทศไทย โดดเด่นที่ขอบตัวเรือนเซรามิกสีขาว สื่อถึงช้างเผือกที่พระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาใช้ในการทาศึกสงครามเมื่อ 700 กว่าปีที่แล้ว ฝาหลังสเตนเลสสตีลสลักรูปช้างเผือกที่ได้แรงบันดาลใจจากธงช้างเผือกทรงเครื่องยืนแท่นบนพื้นแดง ซึ่งเคยเป็นธงราชการของประเทศไทยในอดีต ผลิตจำกัดเพียง 100 เรือนทั่วโลก

 

2015 ROYAL OAK OFFSHORE Pride of Indonesia

ตัวแทนของ รอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ ไพรด์คอลเลคชั่นอีกหนึ่งรุ่น บนตัวเรือนไทเทเนียม สลักหลังตราแผ่นดินของอินโดนีเซีย ผลิตจำกัดเพียง 100 เรือนทั่วโลกเช่นกัน

 

2018 ROYAL OAK OFFSHORE Tourbillon Chronograph

ปิดท้ายด้วย 2 โมเดลล่าสุดเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปี ให้กับ รอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ กับอัพเดทลุคที่ฉีกกรอบขอบตัวเรือนทรง 8 เหลี่ยมอันคุ้นเคยด้วยโครงสร้างดีไซน์หน้าปัดอันล้ำสมัย ครั้งแรกของ รอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ กับตัวเรือนขนาด 45 มิลลิเมตร มีให้เลือกทั้งแบบพิ้งค์โกลด์ หรือ สเตนเลสสตีล ขับเคลื่อนการทางานด้วยกลไกไขลานด้วยมือ คาลิเบอร์ 2947 พร้อมฟังก์ชั่นตูร์บิญองและโครโนกราฟ สำรองพลังงานขั้นต่ำ 173 ชั่วโมง เม็ดมะยมและปุ่มจับเวลารังสรรค์จากแบล็กเซรามิก จับคู่สายยางสีดำ กันน้ำลึกได้ 100 เมตร ผลิตจำกัดเพียงสีละ 50 เรือน

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถพบกับเรือนเวลาจาก โอเดอมาร์ ปิเกต์ (Audemars Piguet) ที่ โอเดอมาร์ ปิเกต์ บูติค แห่งเดียวในประเทศไทย ณ ชั้นจี ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเอ็มบาสซี โทร. 02-160-5838

Lady P.
WRITER: Lady P.
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line