เทคนิคการตัดสินใจให้ประสบผลสำเร็จทุกสถานการณ์ ของ Dr. Travis

เชื่อว่าเรื่องการตัดสินใจ ถือเป็นหนึ่งในสิ่งปฏิบัติที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของทุกคนอยู่แล้ว จากการทำการวิจัยของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย พบว่า จากสถิติคนเราจะต้องตัดสินใจอย่างต่ำมากกว่า 70 ครั้งต่อวัน การตัดสินใจก็สามารถแบ่งได้เป็นหลายประเภท คือการตัดสินใจทั่วไป เช่น เที่ยงนี้จะกินอะไรดี, วันนี้จะไปดูหนังที่ไหนดี และการตัดสินใจที่ค่อนข้างต้องใช้การไตร่ตรองสูง เช่น จะไปเรียนต่อเมืองนอก, ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่จังหวัดอื่น หรือแม้แต่การตัดสินใจเรียนต่อปริญญาโท หรือปริญญาเอก สิ่งเหล่านี้ล้วนต้องผ่านการตัดสินใจที่คิดว่าเราจะต้องไม่เสียใจในอนาคต เมื่อมองย้อนกลับมา

นี่เองเป็นเหตุผลที่ในวันนี้ เราได้หยิบงานเขียน ของ Dr. Travis Bradberry มาฝากกัน โดยเขาคนนี้เป็นถึงนักเขียนอันดับต้นๆ ของโลกเลยทีเดียว เขามีหนังสือขายดีด้านจิตวิทยา ที่ขึ้นอันดับหนึ่ง Bestseller ทั่วโลกมามากมาย เช่น Emotional Intelligence 2.0 โดยหนังสือของเขาถูกแปลมาแล้วกว่า 25 ภาษา และออกวางขายใน 150 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งเขายังเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทผู้ให้บริการทดสอบด้านความฉลาดของโลกอย่าง Talent Smart อีกด้วย

ซึ่งครั้งนี้ เขาได้ทำการวิจัย และศึกษาถึงวิธีการตัดสินใจของบรรดาผู้ประสบความสำเร็จของโลกว่าพวกเขาเหล่านั้น มีกระบวนการการตัดสินใจอย่างไร และจึงได้นำเอากระบวนการและวิธีคิดเหล่านั้นมาแยกเป็นข้อๆ ได้ถึง 8 ข้อ เพื่อให้สามารถง่ายต่อการเข้าใจ ใน “เทคนิคตัดสินใจอย่างไรให้ประสบความสำเร็จทุกสถานการณ์ ของ Dr. Travis”  ตามมาดูกันเลยครับ ไม่แน่อ่านจบแล้ว คุณอาจจะได้แง่คิดอะไรดีๆ จากกระบวนการคิดเหล่านี้ไปคิดต่อก็ได้

1. หมั่นฝึกตัดสินใจต่อเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ให้เป็นกิจวัตรประจำวัน

Dr. Travis กล่าวว่า การตัดสินใจ ก็เปรียบเสมือนกล้ามเนื้อของร่างกาย ยิ่งใช้มาก ยิ่งออกแรงมาก ก็ยิ่งกลับมาแข็งแรงมากกว่าเดิม เพราะฉะนั้นการตัดสินใจก็เช่นกัน ยิ่งคิดมาก ยิ่งตัดสินใจมาก กระบวนการการติดสินใจของคุณก็จะยิ่งแข็งแรงมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นหากคุณฝึกตัดสินใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ได้อย่างเฉียบขาด และทำเป็นกิจวัตรประจำวัน ไม่นาน การตัดสินใจของคุณก็จะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแน่นอน

2. เรียงลำดับการตัดสินใจ

การเรียงลำดับการตัดสินใจ ตามสูตรของ Dr. Travis เป็นสูตรที่สามารถทำให้สมองของคุณมีประสิทธิภาพในการตัดสินใจต่อสิ่งต่างๆ มากขึ้น โดย Dr. Travis ได้กล่าวว่า ให้เรานำการตัดสินใจที่สำคัญๆ มาไว้ในช่วงเช้า เพราะสมองของเรายังปลอดโปร่ง และสามารถคิดวิเคราะห์ต่อสิ่งต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ และอีกเทคนิคหนึ่งที่เขาแนะนำก็คือ ถ้ารู้ว่าพรุ่งนี้จะต้องมีการตัดสินใจอะไรบางอย่าง ให้รีบเข้านอนแต่หัวค่ำ เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ และตื่นด้วยตัวของมันเอง เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้เสียงรบกวนปลุกให้ตื่น อย่าง นาฬิกาปลุก เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวกระตุ้นให้สมองเราทำงานผิดปกติ และอาจมีผลต่อการตัดสินใจนั่นเอง

3. ให้ตรวจเช็คสภาพอารมณ์ของตัวเองขณะตัดสินใจ

โดยจากผลการวิจัยพบว่า มีเพียงแค่ 36 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนประชากรทั้งหมดเท่านั้น ที่สามารถรู้ตัวได้ว่าตอนนี้อารมณ์ของตัวเองไม่อยู่ในระดับคงที่ หรือปกติ ใครเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “อย่าตัดสินใจด้วยอารมณ์” ไหมครับ ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ดี หรืออารมณ์ไม่ดีก็ตาม ก็ถือว่าไม่ควรทั้งนั้น เพราะด้วยเจ้าอารมณ์เหล่านี้ จะคอยครอบงำจิตใจของคุณให้การตัดสินใจของคุณผิดเพี้ยนไป ถึงกับเคยมีคำกล่าวว่า “อย่าสัญญา เมื่อคุณมีความสุข” (Don’t promise when you’re happy) เลยนะครับ เพราะเมื่ออารมณ์คุณกลับคืนสู่สภาพเดิมแล้ว คุณอาจจะรู้สึกว่าการติดสินใจนั้น ไม่ใช่การตัดสินใจที่คุณต้องการก็ได้

4. ประเมินตัวเลือกให้ถี่ถ้วน

Dr. Travis ได้แนะนำเทคนิคที่จะสามารถทำให้คุณมองการตัดสินใจได้ทะลุปรุโปร่งขึ้นง่ายๆ โดยการให้คุณประเมินตัวเลือกที่คุณมีให้ถี่ถ้วน วิเคราะห์ และแยกแยะความสำคัญต่างๆ ออกมา มองตัวเลือกให้ทะลุปรุโปร่งว่าตัวเลือกนี้ หากได้เลือกไปแล้ว จะมีประโยชน์มากน้อยแค่ไหน หรือมีผลเสียอย่างไร แล้วให้คุณลองจินตนาการไปว่า ถ้าคุณเลือกตัวเลือกเหล่านี้ไปแล้ว สถานการณ์จะเป็นอย่างไร ถ้าคุณทำตามขั้นตอนนี้แล้ว เชื่อว่าไม่แน่บางทีคุณอาจพบทางออกที่ดีที่สุดได้ไม่ยาก

5. หลับอย่างน้อยหนึ่งตื่น

เรื่องนี้อาจจะเห็นเป็นเรื่องตลก แต่ความจริงแล้ว ตามหลักของ Dr. Travis สิ่งนี้ถือเป็นอีกเทคนิคหนึ่งที่สำคัญเลยทีเดียว Dr. Travis ได้กล่าวว่า เมื่อเราได้รับข้อมูลให้ตัดสินใจอะไรบางอย่างแล้ว นอกจากที่เราจำเป็นที่จะต้องให้เวลากับมัน เราจำเป็นต้องให้เวลาก้บสมองของเราด้วย และจากการอ้างอิงจากผลวิจัยหลายตัว พบว่า การนอนหลับหลังจากได้รับข้อมูลมาแล้ว ถือเป็นการให้สมองได้คิดวิเคราะห์ได้ดีที่สุด เมื่อคุณตื่นมา คุณจะพบว่าสมองได้ซึมซับข้อมูลเหล่านั้นไว้อย่างครบถ้วนแล้ว เผลอๆ เมื่อคุณตื่นขึ้นมาอีกครั้ง คุณอาจมีคำตอบในใจแล้วก็ได้ นอกจากนี้เทคนิคนี้ ยังเป็นเคล็ดลับที่ดาราฮอลลีวู้ดชื่อดังอย่าง Will Smith เลือกใช้อีกต่างหาก

6. ให้คำนึงถึงศีลธรรม และความถูกต้อง

ข้อนี้ถือเป็นอีกข้อหนึ่งที่สำคัญเลยทีเดียว เมื่อคุณได้รับโอกาสให้ตัดสินใจอะไรบางอย่าง จินตนาการ และความคิดของคุณอาจเตลิดเปิดเปิงไปไกล จนทำให้คุณสับสนในคำตอบได้ โดย Dr. Travis ได้แนะนำว่า หากเป็นเช่นนั้น ให้คุณย้อนคิดถึงศีลธรรม และความถูกต้อง โดยเจ้าตัวศีลธรรมนี้เอง จะคอยช่วยคุณวิเคราะห์ว่า การตัดสินใจที่คุณเลือก เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้วหรือไม่ เพราะเชื่อว่า ไม่ใช่แค่การตัดสินใจที่คุณจะได้รับผลประโยชน์เพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่จะถือเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุด แต่การตัดสินใจที่ดีที่สุด ควรจะอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องด้วย

7.  ปรึกษาคนที่ไม่มีส่วนเกี่่ยวข้อง

ทุกการตัดสินใจ เรามักถูกอคติบางอย่างครอบงำโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเป็นด้านผลประโยชน์ ด้านการเห็นอกเห็นใจ หรือองค์ประกอบอื่นๆ ที่เรามีส่วนเกี่ยวข้อง ดังนั้น นี่เองจึงเป็นเหตุจำเป็นที่เราจะต้องได้รับความคิดเห็นของคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น ปรึกษาเพื่อนสนิท ปรึกษาครอบครัว หรือแม้แต่ผู้อาวุโสที่คุณเคารพ แล้วจากนั้นให้คุณดึงเอาความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์เหล่านั้น มาหลอมรวมกับความคิดเห็นเดิมของคุณ เชื่อว่าด้วยวิธีนี้ สามารถทำให้คุณมองโอกาสต่างๆ ได้ทะลุปรุโปร่งขึ้น และมีโอกาสที่จะตัดสินใจได้ง่ายขึ้นก็ได้นะครับ

8. ดึงบทเรียนจากประสบการณ์ในอดีตมาคำนวณ

คำพูดที่ว่า “ประสบการณ์ในอดีตเป็นสิ่งที่สอนเราได้ดีที่สุด” ยังคงใช้ได้กับทุกสถานการณ์จริงๆ แม้แต่ในสถานการณ์การตัดสินใจ โดย Dr. Travis ได้ยืนยันอีกเสียงว่า ประสบการณ์ในอดีตของมนุษย์เรา สามารถนำมาวิเคราะห์ต่อสถานการณ์ปัจจุบันได้ ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ของเมื่อ 1 อาทิตย์ที่แล้ว 1 เดือนที่แล้ว หรือแม้แต่ 1 ปีที่แล้วก็ตามที ทุกเหตุการณ์ถือเป็นสถิติที่จะเอามาวิเคราะห์ของสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้นั่นเอง

อ่านกันจบแล้วเป็นอย่างไรกันบ้างครับ เชื่อว่าหากใครนำงานเขียนตัวนี้ของ Dr. Travis Bradberry ของเราไปปรับใช้กับสถานการณ์การตัดสินใจต่างๆ คงมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยทีเดียว แต่ที่สำคัญที่เราอยากจะบอกก็คือ ไม่ว่าการตัดสินใจที่คุณกำลังไตร่ตรองอยู่จะเป็นอะไรก็ตาม ก็อย่าลืมว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือการตัดสินใจครั้งนั้นต้องไม่ทำให้คนรอบข้าง ครอบครัว หรือตัวคุณเองต้องมานั่งเสียใจภายหลังเด็ดขาดนะครับผม

Source : www.businessinsider.com