

Life
คนที่คุณอยากจะเป็น ?
By: unlockmen November 4, 2015 17978
เชื่อว่าทุกคนจะต้องเคยเจอกับช่วงเวลาที่สับสนในการเลือกเส้นทางการใช้ชีวิต ไม่ว่าคนที่เลือกเส้นทางชีวิตไปแล้ว ลองทำงานนู่นลองทำงานนี่ หรือคนที่ยังไม่ได้เริ่มอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่แปลกหรอกที่จะสับสน ลองคิดดูเลือกซื้อเสื้อผ้ายังเลือกนานเลย เลือกร้านข้าวอีก นี่เลือกเส้นทางชีวิตของตัวเองนะ ก็ต้องเรื่องใหญ่สิ
เป็นเรื่องธรรมดา ทำให้ย้อนคิดถึงคำถามหนึ่งที่เราต้องเจอกันมาตั้งแต่เด็กๆ เลย คือ โตขึ้นอยากเป็นอะไร ตอนเด็กคงจะมีคำตอบกันอยู่ ไม่กี่อย่างไม่ทหาร ก็ตำรวจ ไม่ก็หมอ พยาบาล แต่พอโตขึ้นเราก็เริ่มเรียนรู้ ซึมซับ จากสิ่งรอบตัวเรามากมายไม่ว่าจะเป็น ครอบครัว เพื่อนฝูง สังคมรอบข้าง สื่อวิทยุ โทรทัศน์ ภาพยนตร์ พอถึงมัธยมก็น่าจะได้ลองคิดลองฝัน วาดภาพตัวเองไว้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อ เราเริ่มมองถึงความชอบส่วนตัวของเรา ว่าเราจะเลือกศึกษาต่อในแนวทางไหนดี
ตอนนั้นบางคนก็เลือกตามเพื่อน ตามที่ครอบครัวแนะนำ บางคนเลือกที่ความชอบ บางเลือกตามสิ่งที่เราทำได้ดี บางคนเลือกไป เพราะคะแนนถึง ไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตาม ตอนนั้นคุณอาจจะยังเป็นเด็กที่คิดว่าตัวเองโตแล้ว พร้อมที่จะออกไปเผชิญกับโลกภายนอกแล้ว แต่พอคุณได้เริ่มเรียนในระดับมหาวิทยาลัย คุณก็คิดว่าคงจะเจอกับคนที่มีความชอบแบบเดียวกับคุณเต็มไปหมด สนุกสนานเมามายหลงระเริงไปกับอิสรภาพที่ปราศจากความรับผิดชอบ มีหน้าที่เรียนก็เรียนไป ( ไม่นับบางคนหาเงินส่งเสียตัวเองเรียน ) เที่ยวเล่นสนุกไปตามภาษา
คุณก็เริ่มมาฉุกได้อีกที่เมื่อตอนใกล้จะจบ เริ่มเห็นรุ่นพี่ออกไป บางคนไปได้ไกล บางคนประสบความสำเร็จ บางคนยังไม่ได้ไปไหน นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่คุณเริ่มคิดถึงเรื่องอนาคตแบบจริงจัง ผ่านไปไม่นานก็ถึงตราคุณมายืนเป็นพี่ใหญ่สุดในคณะแล้ว ไม่นานก็คงจะถึงเวลาที่ลาแล้วแยกย้ายออกไปตามเส้นทางของตัวเอง อ่านมาถึงตรงนี้คุณคงคิดได้ว่าคุณเจอเรื่องให้ตัดสินใจมากมายในชีวิตตั้งแต่เด็กยันโต สุดท้ายนี้ก็เพื่อให้คุณรู้ว่าคุณอยากจะเป็นคนอย่างไรนั้นเอง ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องชีวิต
ถึงแม้ตอนนี้คุณคงกลับไปแก้ไขสิ่งใดในอดีตไม่ได้ แต่ตอนนี้นี่สิคุณเริ่มลงมือทำกับสิ่งที่คุณอยากจะเป็นแล้วหรือยัง หรือทางที่คุณกำลังเลือกเดินอยู่ตอนนี้มันใช่อย่างที่คุณคิดหรือเปล่า ผมเชื่อว่าไม่ว่าคนเราจะอายุเท่าไหร่ การเริ่มต้นก็ยังสามารถทำได้อยู่ตลอด บางทีเหนื่อยไปก็ลองหยุดพักนั่งนึกดูก็ได้ พอให้หายเหนื่อยล้า หายอ่อนแรง ไม่จำเป็นจะต้องตะบี้ตะบันก้าวไปข้างหน้าอยู่ตลอดเวลา
แล้วที่สำคัญ อย่าพึ่งเอาตัวเองไปเป็นข้อเปรียบเทียบกับคนอื่น แบบว่าดูคนโน่นสิประสบความสำเร็จอย่างนั้นอย่างนี้ เขาเป็นแบบนี้ เขาทำแบบนั้น ทำงานเดือนนึงได้เงินตั้งเยอะ มันยิ่งจะทำให้คุณท้อแท้ไปอีก ผมเชื่อความสำเร็จของคนเราไม่เหมือนกัน อยากจะให้คุณลองคิดทบทวนดูดีๆ ว่าคุณอยากจะทำอะไรจริงๆ แล้วก็ทำมันสุดความสามารถแล้วหรือยัง ผมชอบข้อความของ วรพจน์ พันธุ์พงศ์ ที่ว่า
“ก้าวถัดไปของนักแต่งเพลง ต้องออกไปเป็นศิลปินหรือเปล่า ช่างภาพเก่งๆ หมายถึงช่างภาพแฟชั่นเท่านั้นใช่ไหม หรือที่สุดแล้ว นักข่าวต้องก้าวกระโดดไปเป็นนักเขียนอิสระ นั่นถึงจะเรียกว่าเจ๋งจริง ฯลฯ “ จากหนังสือ ที่อยู่ของหัวใจ
ใช่แล้วความฝันของคนเราไม่เหมือนกัน ความคิดของคนเราก็ไม่เหมือนกัน จะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นทำไม อย่าพึ่งรีบร้อนในบางครั้ง ยิ่งเป็นเด็กพึ่งจบใหม่ยิ่งอย่าพึ่งรีบร้อน คุณยังมีเวลาอีกเยอะความสำเร็จไม่ใช่สิ่งที่จะสร้างกันได้กัน ปี สองปี หรือวันสองวัน สิ่งที่คุณดูความสำเร็จของเขาก็เหมือนกับแต่ยอดภูเขาน้ำแข็ง แต่ไอส่วนที่มันจมอยู่คุณไม่เคยจะรู้
ตอนนี้อยากจะให้ลองคิดดูอีกครั้งว่าคำตอบยังเป็นเหมือนตอนอนุบาลไหม เหมือนไม่เหมือนไม่ใช่ประเด็น เพราะเวลาที่ผ่านทำให้คุณได้รู้สิ่งที่ชอบ และไม่ชอบ แต่อยากให้คุณลองถามตัวเองดูว่าวันนี้คุณพยายามที่จะเป็นเหมือนคนอื่นไหม คุณใจร้อนอยากจะประสบความสำเร็จไปหรือเปล่า อย่าลืมว่าการรอคอย การใช้เวลาเพื่อมั่นปรับปรุงพัฒนาตนเองก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จำเป็น คุณเต็มที่ให้กับสิ่งที่คุณอยากจะเป็นขนาดไหน ถ้ายังไม่เต็มที่ต่อจากนี้ก็ขอทำมันให้สุดความสามารถ เราไม่อยากเห็นคุณต้องมานั่งเสียใจทีหลัง
เดินไปในทางของคุณเองให้ดี ไม่ต้องเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร เป็นตัวเองแล้วค้นหาความสำเร็จในในแบบคุณ