“JAMES DEAN” พระเอกผู้หลงใหลความเร็วกับรถยนต์คันสุดท้ายที่ถูกเรียกว่ารถต้องคำสาป !

ผู้ชายกับรถยนต์เป็นเหมือนสิ่งที่แยกขาดจากกันไม่ได้ เพราะความหลงใหลในความเร็วสามารถเกิดขึ้นได้กับหนุ่ม ๆ ทุกคน ไม่เว้นแม้แต่นักแสดงสุดไอคอนอย่าง เจมส์ ดีน

เจมส์ ดีน เป็นนักแสดงที่ทรงอิทธิพลคนหนึ่งในช่วงต้นยุค 90’s หรือนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นดารารุ่นใหม่ในเวลานั้นที่กลายเป็นต้นแบบสำคัญให้กับผู้ชายทั้งโลก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสไตล์การแต่ง รสนิยมในการฟังเพลง รวมไปถึงหนึ่งในกิจกรรมที่ตัวเขาใหลเหนือสิ่งอื่นใดอย่าง “ความเร็ว”

time

ในช่วงเริ่มต้นอาชีพการแสดง เจมส์ ดีน มักจะแบ่งเงินค่าจ้างของตัวเองส่วนนึงไว้สำหรับโลกแห่งความเร็วโดยเฉพาะ เริ่มจากซื้อมอเตอร์ไซค์สัญชาติสโลวาเกีย aZ 125 A, Royal Enfield และ Indian Warrior TT  ต่อมาเมื่องานด้านการแสดงเริ่มไปได้สวยและได้เซ็นสัญญากับ Warner Brothers ค่าเหนื่อยที่เพิ่มขึ้นทำให้เขาเลือกซื้อรถยนต์อย่าง MG TF รุ่นปี 1953 มาใช้งาน

ต่อมา หลังประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงมากขึ้นจากภาพยนตร์เรื่อง East of Eden ในเวลาเดียวกัน ความชอบที่มีในรถชนิดต่าง ๆ ของเจมส์ก็เพิ่มมากขึ้นไปพร้อมกัน ตัวเขาจึงตัดสินใจซื้อหนึ่งในรถสปอร์ตที่ดีที่สุดของยุคสมัยอย่าง Porsche 356 Speedster  ซึ่งเป็นรถยนต์คันโปรดของพระเอกร่วมยุคอย่าง Steve McQueen 

เจมส์ ได้นำ Porsche 356 Speedster  ที่ทรงพลัง มาปรับแต่งให้กลายเป็นรถแข่ง ก่อนจะเริ่มแข่งขันเป็นครั้งแรกในงานที่ Palm Spring มีนาคม 1955 และเริ่มสนุกกับโลกแห่งความเร็วมากขึ้น จนกระทั่งมีเพื่อนสนิทเป็นวิศวกรปรับแต่งเครื่องยนต์จาก Porsche

เจมส์ ดีนกับ Porsche 356 Speedster ของเขา

The Little Bastard

หลังจากเริ่มคลุกคลีอยู่ในวงการมอเตอร์สปอร์ต เจมส์ ดีน มีโอกาสได้พบกับ Porsche 550 Spyder รถยนต์คันใหม่ล่าสุดของ Porsche ในเวลานั้น ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษที่ผลิตออกมาเพียง 90 คัน มาพร้อมดีไซน์และสมรรถนะจากรถแข่ง ไม่ว่าจะเป็นตัวถังสีเงินที่ขึ้นรูปด้วยมือ ดีไซน์เป็นรถยนต์เปิดประทุนที่มีน้ำหนักตัวเพียง 550 กิโลกรัม

Porsche

Porsche 550 Spyder ใช้เครื่องยนต์ Flat-4 110 แรงม้าสุดทรงพลัง ทำให้มันกลายเป็นรถยนต์ที่ครองความยิ่งใหญ่ในกลุ่มเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เหนือกว่ารถยนต์ทุกค่ายในเวลานั้น ก่อนเขาจะไหว้วานให้ George Barris ช่างแต่งรถฝีมือเยี่ยมจาก Hollywood มาช่วยปรับแต่ง Porsche 550 Spyder ไม่ว่าจะเป็นชุดเบาะผ้าตาข่าย, หมายเลข 130 ที่เขียนเอาไว้บนฝากระโปรงรถ และลวดลายสีแดงตรงส่วนบังโคลนหลัง พร้อมตั้งชื่อใหม่ให้ว่า “Little Bastard” โดยเขียนเอาไว้ตรงส่วนฝาครอบเครื่องยนต์

The Outlierman

ขณะเดียวกัน Alec Guinness หรือชายที่เราคุ้นเคยในบทบาทของ Obi-Wan Kenobi จากภาพยนตร์ STAR WARS ซึ่งเป็นเพื่อนเจมส์ในเวลานั้น ที่เพิ่งทราบข่าวว่านักแสดงหนุ่มซื้อรถคันใหม่ ก็ออกปากเตือน เจมส์ ดีน ให้หลีกเลี่ยงการขับรถแข่งในช่วงนั้น แต่อีก 7 วันต่อมา คำเตือนนั้นก็กลายเป็นความจริง

30 กันยายน 1955 เจมส์ ดีน และ รอล์ฟ วูธีริช (ช่างเครื่องยนต์ของปอร์เช่) ได้ร่วมกันปรับแต่ง Porsche 550 Spyder เพื่อให้พร้อมสำหรับลงแข่งขันในเมืองซาลินาส โดยแผนเดิมคือพวกเขาจะนำรถคันดังกล่าวขึ้นรถเทรลเลอร์ไปยังสนามแข่ง แต่เจมส์กลับเปลี่ยนแผนให้ขับรถไปกันเอง โดยหวังจะสร้างความคุ้นเคยกับรถที่ปรับจูนมาใหม่

กระทั่งพวกเขาเดินทางมาถึงทางหลวงหมายเลข 41 ได้รถยนต์ Ford Tudor Coupe รุ่นปี 1950 สีดำ-ขาว ที่ขับโดยชายที่ชื่อ Donald Turnupspeed วิ่งสวนทางพุ่งข้ามเลนเข้ามาปะทะกับรถยนต์ของเจมส์ ดีนด้วยความเร็วสูง อุบัติเหตุในครั้งนั้นส่งผลให้นักแสดงวัยเพียง 24 เสียชีวิตทันที ส่วนช่างที่นั่งมาด้วยกันมีเพียงอาการบาดเจ็บเท่านั้น

nunesfireandice

รถยนต์ต้องคำสาป

การเสียชีวิตของ เจมส์ ดีน นำมาซึ่งความโศกเศร้าของแฟนภาพยนตร์และผู้ที่ชื่นชอบในตัวเขาอย่างมาก แต่เรื่องราวของ Little Bastard คันนี้ยังไม่จบ เพราะไม่ว่ารถคันนี้ไปอยู่ที่ไหน ก็มักจะมีปัญหาเกิดขึ้นอยู่เสมอ จึงถูกเรียกว่าเป็นรถที่มี “คำสาป” ซ่อนอยู่

โดยหลังจากเกิดอุบัติเหตุ รถยนต์คันดังกล่าวก็ถูก George Barris ซื้อต่อโดยหวังจะนำไปแยกชิ้นส่วนขาย แต่ในระหว่างเคลื่อนย้าย รถกลับถอยลงมาทับขาของช่างเครื่องยนต์จนได้รับบาดเจ็บ

ต่อมารถยนต์คันดังกล่าวถูกยืมไปจัดแสดงในนิทรรศการด้านความปลอดภัยบนทางหลวงของสหรัฐอเมริกา ก็มาเกิดเหตุไฟไหม้ในโรงจอดรถอีก อย่างไรก็ตาม Porsche 550 Spyder กลับไม่ได้รับความเสียหาย และสุดท้ายนิทรรศการครั้งนั้นก็ถูกยกเลิกไปในที่สุด

ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะรถยนต์เจ้าของฉายา Little Bastard คันนี้ยังปิดตำนานของตัวเองด้วยการเลื่อนลงมาทับร่างของ George Barris จนเสียชีวิต หลังจากนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

ทั้งหมดคือเรื่องราวของพระเอกหนุ่มผู้หลงใหลในความเร็วและรถยนต์คันสุดท้ายในชีวิต แม้ว่าตัวเขาจะจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ชายที่ชื่อ เจมส์ ดีน ก็ยังคงทิ้งอิทธิพลในด้านต่าง ๆ เอาไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่น รวมไปถึงความรักที่มีต่อความเร็ว

Source: 1/2/3