บุหรี่ “light” ทำให้คุณเลิกบุหรี่ได้ และมีอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดาจริงหรือ ?

ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าบุหรี่นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่ก็ไม่รู้เพราะเหตุใดทุก ๆ ปีจะมีอัตราแนวโน้มผู้สูบบุหรี่เพิ่มขึ้นตลอดเวลา ยิ่งในปัจจุบันบุหรี่ได้แพร่หลายไปอย่างกว้างขวางทั้งเพศหญิง ชาย และที่น่าตกใจคือช่วงวัยของผู้เริ่มต้นสูบบุหรี่ก็ลดลงเรื่อย ๆ ทั้งที่มีกฎหมายห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ซื้อขายบุหรี่

ซึ่งเหตุผลที่ผู้สูบบุหรี่ยังคงมีจำนวนเพิ่มขึ้น ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งมาจากความเชื่อที่ผิด ๆ เกี่ยวกับเรื่องการสูบบุหรี่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่คนคิดว่าสูบบุหรี่แล้วทำให้หายเครียด ซึ่งแท้จริงความเครียดดังกล่าวเกิดจากที่ร่างกายต้องการได้รับสารนิโคตินจากบุหรี่ที่เคยสูบ เนื่องจากหากขาดสารนิโคตินเรามักจะกระวนกระวาย หงุดหงิด ขาดสมาธิ มึนศีรษะ เหม่อลอย บางคนนอนไม่หลับ และบางคนมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ครั่นเนื้อครั่นตัว ถ้าคุณไม่มีความตั้งใจแน่วแน่เข้มแข็งในการเลิกสูบ สักวันก็จะหวนกลับไปสูบบุหรี่ได้อีก

รวมทั้งความเชื่อในเรื่องของบุหรี่ชนิดที่เรียกว่า “light” (รสชาติอ่อน)  เหมาะสำหรับคนที่กำลังคิดจะเลิกสูบบุหรี่ เพราะเชื่อกันว่าบุหรี่รสอ่อนมีอัตรายน้อยกว่าบุหรี่ปกติ  ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้ากันใจผิดอย่างมาก และได้เวลาทำความเข้าใจกันใหม่เสียที

การศึกษาล่าสุดของศูนย์มะเร็งประจำมหาวิทยาลัย Ohio State เปิดเผยว่า จริง ๆ บุหรี่ประเภท mild , light , ultralight ล้วนเป็นคำโฆษณาหลอกลวงผู้บริโภคจากบริษัทผู้ผลิตบุหรี่ ด้วยการลดปริมาณนิโคติน และทาร์ลง เพื่อให้ผู้สูบหลงผิดเชื่อว่าบุหรี่ไลท์มีอันตรายต่อสุขภาพน้อยกว่าบุหรี่ทั่วไป  ซึ่งจากการสำรวจพบว่าผู้สูบร้อยละ 75 เชื่อว่าบุหรี่สารทาร์ต่ำมีอันตรายต่อสุขภาพน้อยกว่าบุหรี่ทั่วไป การสำรวจผู้สูบบุหรี่ 500 คนพบว่าร้อยละ 27 เชื่อว่าบุหรี่ “ไลท์” ทำให้ความเสี่ยงต่อการที่จะเป็นมะเร็งปอดน้อยลง

*จากการสำรวจ Gallup poll 

แต่นั่นคือเรื่องเข้าใจผิด เพราะจริง ๆ แล้วการสูบบุหรี่เป็นพฤติกรรมเสพติดของผู้สูบที่มีความต้องการนิโคตินเข้าไปให้เพียงพอกับปริมาณที่ร่างกายเคยได้รับในแต่ละวัน

การเลือกสูบบุหรี่ light ที่มีรสชาติ และปริมาณนิโคตินที่น้อยลงจึงกลายเป็นการเร่งพฤติกรรมการสูบให้มีความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสูบถี่ขึ้น, สูดลึกขึ้นในแต่ละครั้ง  และแน่นอนว่าย่อมส่งผลต่อจำนวนของมวนบุหรี่ที่ในแต่ละวันให้มีมากขึ้น

นอกจากนี้จากบุหรี่ light ที่มีทาร์น้อย ก้นกรองจะเกิดการเผาไหม้ช้าลงเพื่อให้สามารถคายความร้อนออกมาได้มากขึ้น  ซึ่งกระบวนการเหล่านี้จะยิ่งก่อให้เกิดส่วนประกอบที่เป็นพิษเข้าสู่ร่างกายแบบเต็ม ๆ  จนนำไปสู่มะเร็งปอดที่เกิดจากการสูบบุหรี่ที่เรียกว่า asenocarcinomas

จะเห็นได้ว่าบุหรี่ light ไม่ได้ช่วยให้เปอร์เซ็นต์การหยุดบุหรี่ลดลง หรือให้อันตรายจากการสูบลดลง ตามโฆษณาชวนเชื่อที่มักจะบอกให้เราเชื่อว่า “แม้จะเลิกสูบบุหรี่ไม่ได้ แต่การหันมาสูบบุหรี่ประเภท Light ที่มีรสนุ่มนวล มีสารนิโคตินน้อยกว่าคือทางเลือกที่ดี” นับตั้งแต่ยุค 50s ที่บุหรี่ประเภท light เริ่มออกสู่ตลาด

นับว่าเป็นเรื่องที่ผู้บริโภคต้องใส่ใจเป็นอย่างมาก เพราะนี่ถือเป็นอีกหนึ่งความเชื่อที่ผิดเพี้ยนไปอย่างน่ากลัว แต่ที่น่ากลัวกว่าคือกลับไม่มีกฎหมาย หรือภาครัฐที่ออกมาพูดถึงเรื่องนี้แบบจริงจัง จะมีก็เพียงแค่นักวิชาการ หรือคนในวงการแพทย์ที่ออกมาคอยย้ำเตือนถึงโทษของบุหรี่ไม่ว่าจะเป็นประเภทใดก็ตาม แต่เอาจริง ๆ แล้ว คงจะรอให้เกิดความเคลื่อนไหวจากภาครัฐอย่างเดียวคงไม่ได้ เพราะการจะเลิกบุหรี่ได้หรือไม่มันขึ้นอยู่กับใจของเราล้วน ๆ