นิสัยของ”มหาเศรษฐีที่รวยด้วยตัวเอง 177 คน”มีตรงกันและเราควรใช้เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น

เงินไม่ใช่ตัวชี้วัดความสำเร็จเสมอไป เพราะแต่ละคนก็มีเป้าหมายในชีวิตที่แตกต่างกัน บางคนอาจวัดความสำเร็จจากความสุข บางคนอาจวัดความสำเร็จจากความรักความเข้าใจในครอบครัว แต่ถ้าถามถึงตัวเลขที่พอจะวัดได้มากกว่าเรื่องนามธรรมอื่น ๆ สักหน่อยก็คงหนีไม่พ้นเรื่องเงินนี่เอง

นี่จึงเป็นที่มาให้ Thomas C. Corley ใช้เวลาตลอด 5 ปี คลุกคลีตีวงอยู่กับคนรวยระดับโลกจำนวน 177 คน โดยมีข้อแม้ว่าต้องไม่ใช่คนที่รวยมาก่อนแล้ว หรือพ่อแม่รวยอยู่แล้ว แต่เป็นคนที่ค่อย ๆ สร้างสถานะทางการเงินของตัวเองจนกลายเป็นเศรษฐีพันล้านหมื่นล้านขึ้นมาได้ ก่อนจะเขียนหนังสือออกมาเป็นเรื่องเป็นราว โดยหนังสือที่ว่าคือ Rich Habits – The Daily Success Habits of Wealthy Individuals

Thomas C. Corley บอกว่าคนที่ประสบความสำเร็จด้านการเงินระดับโลกมีนิสัยบางอย่างที่เหมือน ๆ กันอยู่ UNLOCKMEN จึงเห็นว่าเป็นเรื่องน่าสนใจถ้าเราจะลองเอานิสัยดี ๆ ของพวกเขามาใช้กันบ้าง

แม้จะไม่มีอะไรการันตีว่าถ้าเราทำแบบนี้แล้วจะประสบความสำเร็จได้แบบพวกเขา แต่การได้รู้ว่าคนที่เขาประสบความสำเร็จทำอะไร แล้วเรามองหาข้อดีของการทำแบบนั้นเจอแล้วนำมาปรับใช้กับชีวิตเราบ้างก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีไม่ใช่น้อย

รายได้ไม่ได้มาจากแค่ 1 ทาง

ผู้ประสบความสำเร็จด้านการเงินทั้งหลายไม่ได้ตั้งตารอคอยรายได้ที่มาจากแค่ 1 ทางเท่านั้น จากการสังเกตของ Thomas C. Corley พบว่า 65% ของเหล่ามหาเศรษฐี มีรายได้มาจากอย่างน้อย 3 ทางเพื่อสร้างเงินล้านก้อนแรกของพวกเขา

แม้เราจะยังเป็นพนักงานเงินเดือนอยู่ แต่การหารายได้ให้มีมากกว่า 1 ทางก็ดูไม่เกินความสามารถของเรามากนัก อาจเริ่มจากการหาอะไรมาขายที่ทำงาน การขายของออนไลน์ หรือจะลองเล่นหุ้นดูสักหน่อย ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจดีใช่ไหมล่ะ

คิดอะไรเงียบ ๆ คนเดียวอย่างน้อยวันละ 15 นาที

จุดร่วมอีกอย่างหนึ่งของเหล่ามหาเศรษฐีที่ Thomas C. Corley ค้นพบมาก็คือการที่พวกเขาเหล่านั้นใช้เวลาในการอยู่กับตัวเองเงียบ ๆ ลำพัง โดยเฉพาะในตอนเช้า เป็นเวลาอย่างน้อย 15 นาที เพื่อทบทวนเรื่องต่าง ๆ ในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงิน ครอบครัว สุขภาพ การงาน

เหล่ามหาเศรษฐียังชอบตั้งคำถามง่าย ๆ แต่ทรงพลังกับตัวเองในแต่ละวันด้วย เช่น เราจะทำยังไงเพื่อหาเงินได้มากขึ้นอีก? นี่งานของเราทำให้เรามีความสุขดีแล้วหรือยัง? เราออกกำลังกายพอดีกับสุขภาพแล้วหรือเปล่า?

คำถามง่าย ๆ เหล่านี้หากเราลองถามตัวเราเองดูบ้าง แม้จะเป็นคำถามที่ฟังแล้วไม่มีอะไรยาก แต่เชื่อว่ากว่าเราจะตอบคำตอบให้ตัวเองได้ ย่อมต้องผ่านการทบทวนพอสมควร นี่จึงเป็นอีกหนทางที่ดีในการคิดว่าชีวิตแต่ละวันเราควรพุ่งเป้าหมายไปที่อะไร และทำอย่างไรเพื่อให้ไปถึงจุดนั้น

อ่านหนังสือสม่ำเสมอ

แม้การเป็นคนที่ประสบความสำเร็จด้านการเงินในระดับโลกจะทำให้เรารู้สึกว่าพวกเขาต้องยุ่งกับการทำงานในแต่ละวันจนไม่มีโอกาสได้ทำสิ่งอื่น แต่ Thomas C. Corley กำลังตีแผ่ให้เราเห็นว่าคุณกำลังคิดผิดถนัดเลยล่ะ เพราะเหล่ามหาเศรษฐีทั้งหลายมักทุ่มเทเวลาให้กับการอ่านหนังสืออย่างสม่ำเสมอ

88% ของผู้ประสบความสำเร็จทางด้านการเงินอ่านหนังสืออย่างน้อยวันละ 30 นาที โดยหนังสือที่พวกเขามักอ่านกันมี 3 ประเภท ได้แก่ หนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ หนังสืออัตชีวประวัติของบุคคลผู้ประสบความสำเร็จ และหนังสือแนวพัฒนาตัวเอง

แม้การอ่านหนังสืออาจดูเป็นเรื่องไม้เบื่อไม้เมากับคนที่ใจไม่รักไปสักหน่อย แต่เราเชื่อว่าทุกวันนี้มีหนังสือที่ย่อยง่ายแต่เต็มไปด้วยสาระมากมายให้เราเลือกอ่าน ตอนเริ่มต้นเราอาจจะเริ่มอ่านแค่วันละ 3-4 หน้าไปก่อนก็ได้ เรารวบรวมหนังสืออ่านง่ายได้ความรู้ไว้ให้คุณแล้ว

ออกกำลังกายด้วยนะ

76% คือจำนวนของเหล่าเศรษฐีที่ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีทุกวัน โดยวิธีการออกกำลังกายก็แตกต่างกันไปมีตั้งแต่วิ่ง ขี่จักรยาน เดิน ว่ายน้ำ

การออกกำลังกายนั้นไม่ใช่แค่ดีต่อสุขภาพและร่างกายของเราเท่านั้น แต่ยังดีต่อสมองของเราด้วยเนื่องจากการออกกำลังกายช่วยให้เซลล์สมองของเราเติบโต นอกจากนั้นการออกกำลังกายยังเพิ่มปริมาณกลูโคสที่เป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างดูแลเซลล์สมอง จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่ายิ่งออกกำลังกาย เราก็ยิ่งแข็งแรง และคิดอะไร ๆ ได้มากขึ้นในแต่ละวันด้วย

การเป็นมนุษย์เงินเดือนอาจเหนื่อยจนเราท้อใจที่จะออกกำลังกาย ก็ลองเริ่มต้นจากการเดินให้มากขึ้น ขยับตัวให้มากขึ้น หรือแบ่งเวลาในวันหยุดมาออกกำลังกายบ้างก็ถือเป็นวิธีที่ดีไม่แพ้กัน

ตั้งเป้าหมายให้ชัดแล้วพุ่งไปหามันด้วย Passion

ดูจะเป็นเรื่องธรรมดาสามัญเหลือเกิน เมื่อมีใครคอยบอกเราว่าหนทางแห่งความสำเร็จคือการตั้งเป้าหมายและไปให้ถึงเป้าหมายนั้น แม้จะเป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็บอก แต่เมื่อได้รับการยืนยันจากเหล่ามหาเศรษฐีตัวจริง วิธีนี้ก็ยิ่งดูน่าสนใจใช่ไหมล่ะ?

พวกเขาบอกว่าการตั้งเป้าหมายให้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายของแต่ละวัน แต่ละเดือน หรือแต่ละปี เป็นการสร้างความเชื่อมโยงเพื่อเดินทางไปถึงความสุขในระยะยาว

ในขณะที่การมี passion จะช่วยให้การเดินไปสู่เป้าหมายของเราเป็นไปอย่างสนุก เต็มไปด้วยสีสัน และทำให้เราอยากเอาชนะอุปสรรคได้มากขึ้น

ดังนั้นก็อย่ารอช้าค่อย ๆ ตั้งเป้าหมายของตัวเองกันไปทีละระดับ ถ้ารู้สึกว่าการหาเป้าหมายที่ชัดเจนในชีวิตยังเป็นเรื่องยาวไกลเกินไป ก็ลองตั้งเป้าหมายในแต่ละเดือน แต่ละอาทิตย์ หรือแต่ละวัน แล้วหา passion ในการทำสิ่งนั้นให้เจอ

แม้การเป็นคนที่มีรายได้มหาศาลจะมีข้อแตกต่างจากเราทั้งทางด้านเวลา รายได้ และทรัพยากรอื่น ๆ แต่นั่นอาจไม่ใช่ข้ออ้างในการเริ่มทำอะไรดี ๆ ให้กับตัวเอง ถ้าเวลา สุขภาพร่างกายยังไม่พร้อมมากพอให้อ่านหนังสือได้นาน ๆ ออกกำลังกายได้มาก ๆ ก็ค่อย ๆ แบ่งเวลามาทำทีละเล็กละน้อย แค่คิดจะเริ่มต้นก็เป็นการตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ ให้ความสำเร็จในแต่ละวันที่ดีได้เหมือนกัน

SOURCE1, SOURCE2, SOURCE3, SOURCE4