เศรษฐกิจมันไม่ดี ขนาดทีมแชมป์เปี้ยนปีล่าสุดยังขาดทุนยับ หรือต้นเหตุมาจากค่าเหนื่อยนักกีฬาเฟ้อเกินไป

ชั่วโมงนี้จะลงทุนทำธุรกิจอะไรขอให้คิดดีเสียก่อน เพราะการผันผวนอันน่าใจหายของวงการเศรษฐกิจโลก ทำให้เจ้าของบริษัทหลายๆ แห่งนั่งกุมขมับ เพราะนี่เพิ่งจะผ่านปี 2017 ได้มาไม่ถึงเดือน กลับมีสัญญาณหลายๆ อย่าง ที่ดูน่าจะเหนื่อยหนัก เพราะตัวอย่างกรณี ทีมบาสเก็ตบอลประจำเมือง  Cleveland Cavalier  ที่เป็นแชมป์เปี้ยนประจำฤดูกาล  2015-2016  กลับประสบปัญหาขาดทุนถึง  $40  ล้านเหรียญสหรัฐ (Before Interest and Tax) จากการรายงานของ  Forbes

ทำให้เราเริ่มจะเห็นภาพอนาคตที่สั่นไหวไม่แน่นอนของวงการกีฬา ว่าในปี  2017  นี้ จะมีเหตุการณ์สำคัญในการทำธุรกิจที่จะต้องระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก เนื่องจากกีฬาเป็นธุรกิจที่มีต้นทุนค่อนข้างสูง โดยเฉพาะค่าเหนื่อยนักกีฬาระดับแนวหน้า ไม่งั้นอาจประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับกรณีทีม  Cleveland Cavalier  ได้ โดยในฤดูกาล 2015 -2016 เจ้าของทีมอย่าง Dan Gilbert ได้ลงทุนไปกว่า $185 ล้านเหรียญสหรัฐ เฉพาะค่าจ้างผู้เล่นของเขา แม้ว่าทีมจะคว้าชัยชนะและได้เงินตอบแทนกลับมากว่า $115 ล้านเหรียญ แต่ก็ยังทำให้เขาขาดทุนอยู่ดี

โดย  Dan Gilbert  แจกแจงถึงการลงทุนของเขาซึ่งเป็นสถิติอันดับสองตลอดกาลของ NBA ในการลงทุนการใช้เงินต่อหนึ่งฤดูกาล ( อันดับ 1 คือ ทีม  Brooklyn Nets  ในปี  2013-2014  ด้วยจำนวนเงิน  $205  ล้านเหรียญสหรัฐ ) เพื่อหวังที่จะทำให้เมือง  Cleveland  กลับมาคว้าแชมป์เปี้ยนอีกครั้ง และสร้างความสุขให้กับชาวเมือง ซึ่งแม้ว่าประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย แต่เขากลับพบว่า ทีมขาดทุนด้วยจำนวนเงินก้อนมหาศาลน่าตกใจ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยังดีที่พวกเขาได้ค่าลิขสิทธ์จากการถ่ายทอดสด มาช่วยลดตัวเลขจำนวนการขาดทุนเหลือเพียง $5.1 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ในมุมมองนักธุรกิจก็ยังถือว่าขาดทุน นี่มีข่าวลือว่านักกีฬาในทีมอย่าง  LeBron James  กำลังเรียกขอค่าตอบแทนเพิ่มมากขึ้นอีกหนึ่งเด้ง เป็นจำนวนไม่ร้อยเลยทีเดียว (ดังแล้วไม่เห็นใจเจ้าของทีมเลย)

ทำให้เราค่อนข้างเป็นห่วงสถานการณ์ธุรกิจโลกกีฬาว่าจะเป็นอย่างไรในอนาคต เพราะค่าเหนื่อยของนักกีฬาแต่ละคนดูจะเฟ้อขึ้นอย่างรวดเร็วปานจรวดทุกปีๆ  ในขณะที่เงินรางวัล และรายได้จากช่องทางอื่นๆ เช่นผู้สนับสนุน ช่องทางการถ่ายทอด กลับไม่ได้สูงขึ้นตามไปด้วย ไม่ใช่แค่ในวงการ  NBA  แต่วงการฟุตบอลก็มีข่าวการขาดทุนออกมาอยู่เรื่อยๆ  ถ้าขนาดทีมกีฬาที่ระดับแชมป์โลกยังสามารถขาดทุนได้ แล้วอนาคตของทีมเล็กๆ จะเป็นยังไง  พอปั้นคนให้ดังขึ้นมา เริ่มมีทีมใหญ่มาทาบทาม ก็เรียกค่าตัวสูงขึ้น จะรั้งไว้ก็ต้องยอมตามใจ รายจ่ายก็บานปลายกลายเป็นงูกินหาง

แล้วทางออกของอนาคตธุรกิจกีฬาจะไปทางไหน อันนี้ก็ต้องรอดูกันต่อไปยาวๆ เพราะบอกได้เลยว่ารายรับสโมสรมันมีเพดานจำกัดอยู่ ในขณะที่ความต้องการของนักกีฬานั้น มันไร้ก้นบ่อแบบไม่มีขีดจำกัดนั่นเอง หรือวงการกีฬาอาจจะหาวิธีรับเงินจากผู้สนับสนุนได้หลากหลายทางและสร้างสรรค์ขึ้น ไม่งั้นเราคงได้เห็นชุดแข่งกีฬา ที่เต็มไปด้วย  logo  แบรนด์ต่างๆ ตั้งแต่หัวยันท้าย หน้ายันหลัง ตลอดทางไปจนถึงเงาแน่นอน