บทความนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของคนชอบดูหนังคนหนึ่งเท่านั้นและมีการสปอยตอนจบของภาพยนตร์หลายเรื่อง ครั้งก่อนเราเขียนถึงเพลงตอนจบภาพยนตร์สุดประทับใจ (ย้อนอ่านได้ที่ 7 เพลงตอนจบภาพยนตร์สุดประทับใจ) แต่ยังไม่หมดแค่นั้น ตอนจบภาพยนตร์คือสิ่งที่เราหลงใหล วันนี้เราจะพูดถึงตอนจบภาพยนตร์เพียว ๆ แบบไม่มีเพลงมาเกี่ยวข้อง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ประทับใจไม่รู้ลืม ตกผลึกอยู่ในความทรงจำไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน Gone with the Wind (1939) Director: Victor Fleming, George Cukor ‘Frankly, my dear, I don’t give a damn’ นี่คือประโยคสุดท้ายจากภาพยนตร์เรื่อง Gone with the Wind และเป็นประโยคอันดับ 1 ตลอดกาลจากการจัดอันดับของ American Film Institute ถ้าใครไม่เคยดู Gone with the Wind คงสงสัยว่าประโยคนี้มีอะไรพิเศษ ก็ดูเป็นประโยคตัดความสัมพันธ์ธรรมดา แต่สิ่งที่ทำให้มันพิเศษคือเรื่องราวภายใต้ประโยคนี้ ถ้าจะอธิบาย Gone with the Wind ให้เข้าใจโดยง่าย มันคือละครน้ำเน่าที่มาในรูปแบบภาพยนตร์ โศกนาฏกรรมความรักท่ามกลางบรรยากาศสงคราม ผู้พูดประโยคนี้คือตัวละคร Rhett Butler
บทความนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวจากคนชอบดูหนังคนหนึ่งเท่านั้นและมีการสปอยตอนจบของภาพยนตร์หลายเรื่อง ตลอดระยะเวลาชั่วโมงครึ่ง 2 ชั่วโมง หรืออาจมากกว่านั้นของภาพยนตร์หนึ่งเรื่อง ทุกช็อต ทุกซีน ทุกไดอะล็อก ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามซีนที่ทำให้ผู้ชมจดจำภาพยนตร์เรื่องนั้นได้ดีที่สุดและตราตรึงในใจไปอีกนานสำหรับเรามันคือซีนจบ เพราะมันคือการสรุปเรื่องราวทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นการปูทางให้เราได้รู้ชีวิตของตัวละครหลัง End Credit ที่เราจะไม่ได้เห็นแล้ว ภาพยนตร์ทุกเรื่องมีตอนจบในแบบของตัวเอง แต่สำหรับเราตอนจบจะสมบูรณ์ยิ่งขึ้นถ้าได้เพลงเพราะ ๆ เข้ากับเนื้อเรื่องบรรเลงขึ้นมา วันนี้เราจะมาพูดถึงเพลงเหล่านั้น เป็นการย้อนรำลึกความทรงจำ ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ความประทับใจก็ไม่เคยเสื่อมคลาย Song: A Real Hero – College & Electric Youth Movie: Drive (2011) แค่ชื่อเพลง A Real Hero ก็อธิบายภาพยนตร์เรื่องนี้ได้หมดทุกอย่างแล้ว เพราะ Drive ผลงานการกำกับของ Nicolas Winding Refn เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับนักขับรถนิรนามอย่าง Driver ที่ในตอนกลางวันประกอบอาชีพสุจริตเป็นสตันท์แมนให้กับกองถ่ายภาพยนตร์ แต่ในตอนกลางคืนเขาอาศัยอยู่ในโลกมืด ทำหน้าที่ขับรถพาอาชญากรหลบหนี ชีวิตแต่ละวันของ Driver ผ่านไปอย่างไร้ความหมาย จนกระทั่งเขาได้เจอกับเพื่อนบ้านสาวอย่าง Irene ความสัมพันธ์ที่งดงามก็ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ แต่ทั้ง 2 ต่างก็รู้ดีว่ามันคือความรักที่เป็นไปไม่ได้