ขณะที่คนหันมารณรงค์เรื่องงดใช้พลาสติกกันเต็มสูบ ลุกมาเปลี่ยนภาชนะหรือหิ้วปิ่นโตตอนไปซื้อของกันให้ควั่ก แต่ส่ิงที่ถูกกลบฝังอย่างไร้มาตรการแก้ไขที่ชัดเจนกลับเป็นการจัดการขยะพลาสติกที่เราใช้ไปแล้ว ว่าเราควรทำอย่างไรกับมันกันแน่ แน่นอนว่า “ทะเล” คือสถานที่ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดเวลาพูดถึงพลาสติก เพราะสิ่งมีชีวิตในทะเลได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างไร้ทางสู้ เช่นเดียวกับดินแดนภารตะที่พบปัญหาเดียวกันในสถานที่นี้และลุกขึ้นมาจัดการกับมันอย่างเป็นระบบ กลุ่มคนที่ลุกขึ้นมาจัดการปัญหาในครั้งนี้ อาจไม่ใช่ผู้ทิ้งแต่เป็นคนที่ใช้ชีวิตผูกพันกับท้องน้ำอย่างชาวประมง เบื้องหลังการจัดการลากพลาสติกขึ้นบกที่สวนทางกับคนที่ตั้งใจจะทิ้งขยะเหล่านี้ลงน้ำมีที่มาน่าสนใจอย่างไร ลองมาดูไปพร้อมกัน พลาสติกในมือ 11 กิโลต่อคนต่อปี จากการสำรวจสถิติการผลิตขยะพลาสติกของประชากรอินเดียปัจจุบันพบว่าหากเฉลี่ยประชากรกับขยะที่มีแล้ว พลเมืองหนึ่งคนผลิตขยะพลาสติกสูงถึง 11 กิโลกรัมต่อคนต่อปี (จำนวนประชากรทั้งหมดของประเทศคือ 1.3 พันล้านคน) และปลายทางของขยะที่ทิ้งส่วนใหญ่จบลงที่ทะเลอาหรับกับมหาสมุทรอินเดีย ไม่เพียงแค่จำนวนคนกับจำนวนขยะที่อุ้มกันมาเท่านั้น งานวิจัยด้านสิ่งแวดล้อมของ Helmholtz Center ยังเผยข้อมูลที่หลายคนไม่รู้อีกว่า ทุกวันนี้แหล่งของขยะที่ปกคลุมมหาสมุทรและทะเลทั่วโลกแท้จริงมาจากแม่น้ำหลักเพียง 10 สายในโลก ซึ่ง 2 ใน 10 สายนั้นอยู่ที่แม่น้ำ Indus และ Ganges ของประเทศอินเดีย ชาวประมงอินเดียตอนใต้เมือง Kerala ที่ต้องเผชิญกับภาวะพลาสติกเต็มทะเล โยนอวนไปกี่ทีก็ได้ทั้งปลาทั้งพลาสติกจึงลุกขึ้นมาลดปัญหาขยะพลาสติกในมหาสมุทรอย่างจริงจัง จากเดิมที่แค่แยกแล้วโยนกลับลงทะเลก็เลือกหันมาเปลี่ยนวิธี เก็บกวาดทะเลด้วยการลากพลาสติกขึ้นบกแทน โดยสร้างแคมเปญที่ชื่อ Suchitwa Sagaram หรือที่แปลเป็นไทยว่า “ทำความสะอาดทะเล” ขึ้น Suchitwa Sagaram