นั่งไทม์แมชชีนย้อนสู่ยุค 90 ยุคที่เรายังฟังเพลงจาก Walkman ไม่ใช่ Spotify ยุคที่เรายังดูภาพยนตร์จากวิดิโอหรือซีดีไม่ใช่ Netflix ยุคที่เรายังสื่อสารกันผ่านเพจเจอร์ ไม่ใช่ Facebook แต่แน่นอนว่าพวกเราทุกคนไร้ซึ่งพลังพิเศษ ไม่อาจหวนสู่คืนวันเหล่านั้นได้อีก เช่นเดียวกับ Thomas Ollivier ดีไซน์เนอร์ไอเดียเจ๋งที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิดเหล่านี้ จนนำไปสู่ผลงานการออกแบบที่เห็นแล้วต้องหลงรัก โดยเฉพาะกลุ่ม Gen-X ตอนปลาย Gen-Y ตอนต้นที่ชีวิตช่วงวัยรุ่นอยู่ในยุค 90 ปัจจุบันบริการ Online Streaming ต่าง ๆ คือช่องทางหลักที่เราใช้เสพสิ่งบันเทิงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหนัง, ซีรีส์ หรือเพลง เมื่อเป็นเช่นนี้ Thomas Ollivier จึงจับ Spotify หนึ่งใน Music Online Streaming ยอดฮิตมาอยู่ในเครื่องเล่นเทปซึ่งเป็นตัวแทนแห่งการฟังเพลงเมื่อยุคสมัยนั้น เช่นเดียวกับ Netflix หนึ่งใน Online Streaming ที่รวบรวมความบันเทิงไว้มากที่สุดในปัจจุบัน ถูกจับแปรสภาพกลายเป็นเครื่องเล่น VCD ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ Y2K โทรศัพท์มือถือยังราคาแพงหูฉี่ ดังนั้นทางเลือกที่ได้รับความนิยมในการติดต่อสื่อสารกับคนอื่นคงหนีไม่พ้นเพจเจอร์ ตรงกันข้ามกับปัจจุบันที่การสื่อสารทำได้ง่ายเพียงแค่ปลายนิ้วจิ้ม นอกจากนั้นยังรวบรวมข่าวสารจากทั่วทั้งโลกมาไว้ภายใต้ตัว F และพื้นหลังสีฟ้า เช่นเดียวกันกับการถ่ายรูปที่ในปัจจุบันทุกอย่างรวดเร็ว เพียงไม่ถึง 1
ทำไมเราเล่น Instagram ถึงเจอแต่โพสต์จากคนซ้ำ ๆ บางคนที่เรา Follow เหมือนกัน แต่เรากลับแทบไม่เคยเห็นโพสต์เขาเลย เหตุการณ์เหล่านี้เกิดจากอะไร ? และที่เชื่อว่าหลายคนต้องสังเกตแน่นอน โดยเฉพาะคนที่มีคนที่แอบชอบ Follow ตัวเองอยู่ นั่นคือการดูว่ามีใครมาดู Story เราบ้าง ที่สำคัญกว่านั้นคือลำดับของคนที่เข้ามาดูมันเรียงตามอะไร? แน่นอนว่าไม่ได้เรียงตามลำดับก่อนหลังในการเข้ามาดูแน่นอน เนื่องจากทุกครั้งมันจะค่อนข้างซ้ำกัน เอาล่ะ ก่อนที่เราจะเข้าข้างตัวเองไปมากกว่านี้ ไปหาคำตอบกันเลยดีกว่า! Your Newsfeed จากการเปิดเผยของ Julian Gutman หัวหน้าทีม Product ของ Instagram บอกว่าการแสดงผล Newsfeed ของผู้ใช้แต่ละคนนั้นขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยคือความสนใจ, ช่วงเวลา และ ความสัมพันธ์ Instagram จะเก็บข้อมูลว่าเราให้ความสนใจหรือมักจะกด Like โพสต์ประเภทไหน ใครเป็นคนโพสต์ Instagram มีแนวโน้มที่จะแสดงผลจากโพสต์ล่าสุดให้เราได้เห็นก่อนโพสต์เก่า ๆ ถ้าเรามีปฏิสัมพันธ์กับใครผ่านทาง Instagram บ่อย ๆ เช่นกด Like ให้กัน Comment ตอบกัน
การแชร์เพลงบนหน้า Newsfeed มันก็เหมือนเป็นการโชว์ไลฟ์สไตล์ของเราในรูปแบบนึง ไม่ว่าจะแชร์เพื่อแลกเพลงกันฟังกับเพื่อน เพื่ออัพเดตเพลงใหม่ ๆ หรือจะเป็นเหตุผลยอดฮิตอย่างแชร์เพลงในมู้ดตอนนั้นของเรา เหมือนอย่างตอนสมัย MSN ที่เรามักจะลิงก์กับโปรแกรม WindowMedia Player ให้โชว์ว่าเรากำลังฟังเพลงอะไรอยู่ นั่นก็ไม่ต่างกับการแชร์เพลงในตอนนี้เหมือนกัน ถ้าจะมัวมาแชร์บน Facebook มันก็น่าเบื่อไปแล้ว UNLOCKMEN จะพามาอัพเดตฟังก์ชั่นแจ่ม ๆ จาก Spotify ร่วมกับ Instagram จะเป็นอะไรนั้น มาดูกัน ใครที่ใช้ Spotify อาจยังไม่ทันสังเกตว่ามันมีฟังก์ชั่นใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นในเมนู Share ของเรา เพราะปกติแล้วหากวันไหนเกิดครึ้มอกครึ้มใจอยากจะแชร์เพลงจาก Spotify ขึ้นมา เรามักจะ Copy URL หรือแชร์ลง Facebook กันแบบดื้อ ๆ ตามสไตล์ใครสไตล์มัน และอีกอย่างที่เห็นกันบ่อย ๆ คือ การ Capture หน้าจอตอนฟังเพลงใน Spotify แล้วเอาลง IG Story เพื่อเป็นการแชร์เพลงในมู้ดตอนนั้นของเราแบบชั่วคราว (ตามสไตล์ของ IG
ก่อนที่เราจะไปแนะนำวิธีเพิ่ม Followers กัน UNLOCKMEN ขอพูดเกริ่นแสดงความยินดีกับ Hashtag ที่หลายคนอาจคุ้นหน้าคุ้นตากับเครื่องหมาย # หรือที่เรียกกันว่า Hashtag กันดีอยู่แล้ว แต่รู้เปล่าว่าตอนนี้เขาครบรอบ 10 ปีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว Hashtag เป็นเสมือนตัวช่วยให้เราสามารถเข้าถึงข่าวสารยอดฮิต ณ ขณะนั้น ๆ ได้แบบง่ายดาย โดยเริ่มต้นมาจากนักเทคโนโลยีหัวใสคนหนึ่ง พยายามค้นหาวิธีให้กลุ่มคนพูดคุยกันได้ง่ายขึ้นบนทวิตเตอร์ เพราะมันจำกัดตัวอักษรที่พิมพ์ได้แค่ 140 ตัวอักษรเท่านั้น how do you feel about using # (pound) for groups. As in #barcamp [msg]? — ⌗ChrisMessina (@chrismessina) August 23, 2007 ครั้งแรกในการใช้งานเกิดจาก Chris Messina ใช้โพสต์ข้อความบน Twitter ว่า #barcamp เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2007 หลังจากนั้นก็มีการนิยมใช้กันมาเรื่อย
UNLOCKMEN มีอัพเดทข่าวด่วนที่เป็นเรื่องใกล้ตัวกันกว่าที่คิด โดยบริษัท Eset ผู้พัฒนาโปรแกรมและแอป Antivirus ชื่อดัง อย่าง Nod32 ได้ประกาศการค้นพบมัลแวร์ตัวใหม่ที่แฝงภัยมากันแบบไม่รู้ตัว ในชื่อว่า Turla โดยเจ้า Turla เนี่ย ปลอมตัวแฝงเป็นคอมเม้นท์ต่าง ๆ ใต้รูปใน Instagram โดยพุ่งเป้าไปที่คนดังหรือเหล่าเน็ทไอดอลที่มียอดผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก ซึ่งล่าสุดคนที่โดนก็คือ Instagram ของ Britney Spears ที่มีผู้ติดตามมากถึง 16.9 ล้านคน โดยหลักการทำงานของมันก็ง่ายแบบแทบเราไม่ทันสังเกตกันด้วยซ้ำ เพราะเหล่าคนดังเหล่านี้ เมื่อมีการโพสต์รูปแต่ละที มักจะมีคนเห็นและเข้ามาคอมเม้นท์เป็นจำนวนมากซึ่งเป็นปกติอยู่แล้ว พวกแฮคเกอร์ก็หัวหมอ ทำการฝังโค้ดเอาไว้ในคอมเม้นท์เหล่านั้น ไปกับพวกแฮชแท็กที่ฝังโค้ด แบบ URL ของเว็บไซต์ คล้ายกับพวกลิงค์ย่ออย่าง Bit.ly หรือ Goo.gl ทำให้คนทั่วไปไม่สามารถแยกแยะได้เลยว่าตัวไหนมีหรือไม่มีมัลแวร์ฝังไว้อยู่ เมื่อเราเผลอกดเข้าไปดู ก็จะทำให้มัลแวร์เหล่านี้ติดลงไปในเครื่อง จากนั้นก็จะขโมยข้อมูลของเราส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของแฮคเกอร์ที่ตั้งไว้ และส่วนใหญ่ผู้ใช้งานที่โดนมัลแวร์ตัวนี้จะเป็นคนที่ใช้งานผ่านหน้าเว็บไซต์เป็นหลักมากกว่าพวกสมาร์ทโฟน แต่ยังไงก็วางใจไม่ได้อยู่ดี เพราะเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าข้อมูลของเราถูกเอาไปใช้ไหนทางไหน ตอนนี้จากการตรวจสอบ พบว่ายังไม่มีวิธีไหนสามารถแยกแยะได้ว่าแฮชแท็กที่เราเห็น อันไหนของจริง อันไหนมีมัลแวร์บ้าง เพราะฉะนั้นทางที่ป้องกันได้ดีและได้ผลที่สุด ก็คืออย่าคลิกลิงค์หรือแฮชแท็กที่เราไม่คุ้นเคย จนกว่าจะมีการแก้ไขปัญหาตรงนี้