ต้องยอมรับว่าพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมานั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดด เทรนด์การจับจ่ายสินค้าในบ้านกำลังปรับตัวสู่ความเป็น Cashless Society หรือสังคมไร้เงินสดอย่างชัดเจนมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ย่อมส่งผลให้ผู้ประกอบการ จำเป็นต้องปรับตัวให้ทันพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และไม่ใช่เพียงแค่การปรับตัวของร้านค้ายิบย่อย แต่หมายความรวมถึงการปรับตัวในภาพใหญ่ของตลาด ใครมองเห็นช่องทาง สามารถสร้าง Solution การใช้จ่ายที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ได้ ก็ย่อมคว้าโอกาสในการเพิ่มศักยภาพการใช้จ่าย ช่วยดึงเม็ดเงินเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจได้เป็นกอบเป็นกำ ด้วยเทรนด์ที่ชัดเจน มองเห็นโอกาสที่กำลังเปิดกว้างขนาดนี้ ยักษ์ใหญ่แห่งวงการการเงินก็อย่างกสิกรไทยก็ไม่รอช้า ร่วมมือกับการรถไฟฯ ผุดโปรเจ็กต์สร้างจุดขายให้กับตลาดนัดจตุจักร แถมยังมองไกลไปถึงกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงอย่างนักท่องเที่ยวชาวจีน ด้วยการนำงานสตรีทอาร์ตระดับโลกมาสร้างจุดขายดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน ให้เข้ามาช้อป แชะ แชร์ พร้อมโปรโมชันพิเศษจากช่องทางการใช้จ่ายผ่าน e-wallet ที่คิดขึ้นมาบนพื้นฐานความเข้าใจ และตอบสนองต่อพฤติกรรมการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีนซึ่งนิยมการชำระเงินผ่านมือถือให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีนให้เติบโตขึ้นอีก 20% ตามเป้าที่หวังไว้ และยังเป็นการช่วยสร้างยอดขายให้กับร้านค้าในตลาดนัดจตุจักรที่รองรับบริการ K PLUS SHOP ที่รับชำระเงินได้ทั้ง Alipay และ WeChat Pay ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่นักท่องเที่ยวจีนนิยมใช้ คุณพิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ได้เล่าถึงกลยุทธการเพิ่มยอดขายให้กับตลาดนัดจตุจักรให้เราฟังว่ามันเริ่มต้นมาจากการเล็งเห็นโอกาสจากจุดแข็งของธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทย และน่าจะต่อยอดสร้างแรงกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนถือเป็นกลุ่มที่น่าสนใจ ด้วยตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก และยังมีกำลังซื้อที่อยู่ในระดับสูง “ธุรกิจท่องเที่ยวเป็นธุรกิจที่สำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทย