ต่อให้ผู้ชายอย่างคุณจะไม่ได้อินในสายสัมพันธ์โรแมนติก หรือถูกจริตกับการคิดหาสารพัดวิธีเซอร์ไพรส์แฟนมากเท่าหนุ่มนักรักคนอื่น ๆ แต่เราเชื่อว่าคุณยังศรัทธา ‘ความรัก’ และคำนามธรรมคำนี้คงมีพลังมากพอจะช่วยขับเคลื่อนชีวิตคุณ แม้จะคิดว่าความรักเริ่มต้นมาจากความรู้สึกในจิตใจที่สั่งการไปยังสมองส่วนรับรู้และทำให้รู้ว่าเรารัก แต่วิทยาศาสตร์กลับมองความรักเป็นสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์เท่านั้น เชื่อว่ามนุษย์ต้องรักและสืบพันธุ์เพียงเพื่อรวมกลุ่มหรือต่อต้านภัยคุกคาม ซึ่งความคิดนั้นอาจไม่ได้น่าเชื่อถือเท่าไรในยุคที่ผู้คนถลําลึกลงในรักและเสียน้ำตาให้กับรักนับไม่ถ้วน บางคนบอกว่าความรักเปลี่ยนแปลงพวกเขาให้เป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิม บ้างว่าเปี่ยมไปด้วยขุมพลังที่ช่วยให้ฝ่าฟันอุปสรรคโดยไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก แต่ไม่ว่าข้อดีของความรักจะเป็นอย่างไร ในบรรดาความรักหลากหลายเฉดสีบนโลกมีคำว่า ‘Limerence’ หรือ สภาวะลุ่มหลงทางอารมณ์ปะปนอยู่ด้วย ถ้าคุณเคยตกหลุมรักใครสักคนหมดหัวใจหรือหมกมุ่นนึกถึงสาวคนใดหัวปักหัวปำ เราอยากชวนคุณมาสังเกตรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของการตกหลุมรัก ย้อนไปในวันที่โดนความสวยและน่ารักโจมตีเข้าอย่างจัง ราวต้องมนต์สะกดและตกอยู่ในภวังค์ที่ยากจะหลุดพ้น ในวันนั้นคุณตกหลุมรักหรือแท้ที่จริงแค่ตกหลุมพรางจากความหลงใหลกันแน่? Limerence ความหลงใหลที่ทำให้ใครเข้าใจว่ารัก Stephen Snyder เจ้าของหนังสือ Love Worth Making: How to Have Ridiculously Great Sex in a Long-Lasting Relationship มองว่า Limerence เปรียบได้กับซอฟต์แวร์ด้านจิตวิทยาที่มนุษย์เราต้องใช้สำหรับชีวิตคู่ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่จะช่วยให้เราตกหลุมรักใครสักคนและนำมาซึ่งการใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน จริง ๆ แล้วคำว่า ‘Limerence’ ปรากฏขึ้นครั้งแรกบนหนังสือ