

Girls
LOVE OR LIMERENCE? รักหมดใจหรือแค่หลงใหลคลั่งไคล้ อาการตกหลุมรักของคุณเป็นแบบไหน
By: unlockmen March 4, 2020 177712
ต่อให้ผู้ชายอย่างคุณจะไม่ได้อินในสายสัมพันธ์โรแมนติก หรือถูกจริตกับการคิดหาสารพัดวิธีเซอร์ไพรส์แฟนมากเท่าหนุ่มนักรักคนอื่น ๆ แต่เราเชื่อว่าคุณยังศรัทธา ‘ความรัก’ และคำนามธรรมคำนี้คงมีพลังมากพอจะช่วยขับเคลื่อนชีวิตคุณ
แม้จะคิดว่าความรักเริ่มต้นมาจากความรู้สึกในจิตใจที่สั่งการไปยังสมองส่วนรับรู้และทำให้รู้ว่าเรารัก แต่วิทยาศาสตร์กลับมองความรักเป็นสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์เท่านั้น เชื่อว่ามนุษย์ต้องรักและสืบพันธุ์เพียงเพื่อรวมกลุ่มหรือต่อต้านภัยคุกคาม ซึ่งความคิดนั้นอาจไม่ได้น่าเชื่อถือเท่าไรในยุคที่ผู้คนถลําลึกลงในรักและเสียน้ำตาให้กับรักนับไม่ถ้วน
บางคนบอกว่าความรักเปลี่ยนแปลงพวกเขาให้เป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิม บ้างว่าเปี่ยมไปด้วยขุมพลังที่ช่วยให้ฝ่าฟันอุปสรรคโดยไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก แต่ไม่ว่าข้อดีของความรักจะเป็นอย่างไร ในบรรดาความรักหลากหลายเฉดสีบนโลกมีคำว่า ‘Limerence’ หรือ สภาวะลุ่มหลงทางอารมณ์ปะปนอยู่ด้วย
ถ้าคุณเคยตกหลุมรักใครสักคนหมดหัวใจหรือหมกมุ่นนึกถึงสาวคนใดหัวปักหัวปำ เราอยากชวนคุณมาสังเกตรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของการตกหลุมรัก ย้อนไปในวันที่โดนความสวยและน่ารักโจมตีเข้าอย่างจัง ราวต้องมนต์สะกดและตกอยู่ในภวังค์ที่ยากจะหลุดพ้น ในวันนั้นคุณตกหลุมรักหรือแท้ที่จริงแค่ตกหลุมพรางจากความหลงใหลกันแน่?
Stephen Snyder เจ้าของหนังสือ Love Worth Making: How to Have Ridiculously Great Sex in a Long-Lasting Relationship มองว่า Limerence เปรียบได้กับซอฟต์แวร์ด้านจิตวิทยาที่มนุษย์เราต้องใช้สำหรับชีวิตคู่ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่จะช่วยให้เราตกหลุมรักใครสักคนและนำมาซึ่งการใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน
จริง ๆ แล้วคำว่า ‘Limerence’ ปรากฏขึ้นครั้งแรกบนหนังสือ Love and Limerence (1979) ของนักจิตวิทยาสาว Dorothy Tennov เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้กลั่นมาจากประสบการณ์ความรักของเธอ ผสมกับบทสัมภาษณ์ผู้คนกว่า 500 คน เกี่ยวกับเรื่องความรัก
Dorothy Tennov เชื่อว่า Limerence เป็นสภาวะอารมณ์ลุ่มหลงหรือช่วงเวลาแห่งความเสน่หา ที่ดึงดูดและกระตุ้นให้ผู้คนตื่นตัว ย้ำคิดย้ำทำ ตลอดจนมีอารมณ์แปรปรวนอันเนื่องมาจากการตกหลุมรัก
สภาวะอารมณ์ลุ่มหลงนี้จะไม่มีระยะเวลากำหนดตายตัว อาจเกิดขึ้นภายในไม่กี่สัปดาห์แล้วหายไป หรือกินระยะเวลานานหลายปี ขึ้นอยู่กับว่าความรู้สึกลุ่มหลงนั้นได้รับการตอบสนองหรือไม่ ซึ่งถ้าได้รับการตอบสนองความลุ่มหลงก็จะยิ่งทรงพลังขึ้น
บางครั้งความลุ่มหลงทำให้คนหลงใหลคลั่งไคล้จนอยากจะครอบครองอีกฝ่าย คิดเพ้อฝันไปไกลถึงชีวิตคู่ และปรารถนาจะรักษาความสัมพันธ์เอาโดยไม่สนใจเหตุผลใด ๆ ทั้งที่เพิ่งตกหลุมรักกันเพียงไม่กี่วันเท่านั้น
Limerence หรือ ความลุ่มหลง อาจทำให้คุณยอมลางานเพื่อไปเที่ยวกับสาว เพิกเฉยต่อเพื่อนและคนในครอบครัว หรือหมกมุ่นอยู่กับกันและกันแบบไม่สนใจโลกรอบตัว เพราะความปรารถนาเพียงหนึ่งเดียวคือการได้เห็นหน้าเธอคนนั้นทุกวี่วัน
ความลุ่มหลงจะทำให้คุณมองไม่เห็นตัวตนที่แท้จริงของเธอ ไม่ว่าเธอจะเดิน เหิน หรือทำอะไรก็ถูกตาถูกใจคุณไปเสียหมด เพราะคุณได้สร้างตัวตนใหม่ให้กับเธอแล้ว ในสายตาคุณผู้หญิงคนนั้นจึงเป็นสาวไร้ที่ติหรืออาจเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ
ในทางตรงกันข้ามความรักจะเกิดจากความผูกพันที่ลึกซึ้ง มีความรู้สึกและระยะเวลาช่วยบ่มเพาะ ความรักทำให้คุณมองเห็นข้อบกพร่องทั้งหมดของเธอคนนั้น ยอมรับได้ว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบและไม่ได้พิเศษกว่าใคร แต่ก็ยังยินดีและเต็มใจจะรัก
เมื่อคนที่กำลังลุ่มหลงได้รับความสนใจหรือการยอมรับจากอีกฝ่ายจะทำให้พวกเขามีความสุขและตื่นเต้นได้เช่นเดียวกับคนมีความรัก หากสิ่งที่แยกระหว่าง “หลง” กับ “รัก” คือปริมาณชีวเคมีในสมอง เพราะสมองของคนลุ่มหลงเทียบได้กับคนติดเสพสารเสพติด
Helen Fisher นักมานุษยวิทยาชาวอเมริกัน พบว่าสมองของคนที่กำลังลุ่มหลงมีลักษณะคล้ายกับสมองของผู้เสพยาโคเคน แถมระหว่างที่เราลุ่มหลงฮอร์โมนเซโรโทนินจะลดต่ำลงมาจนอยู่ในระดับเดียวกันกับคนที่เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ (OCD)
ขณะเดียวกันฮอร์โมนโดพามีนที่สัมพันธ์กับความร่าเริงและตื่นตัวกลับพุ่งสูงขึ้น จึงไม่แปลกถ้าคนที่ตกอยู่ในสภาวะลุ่มหลงทางอารมณ์จะถูกกระตุ้นให้ตื่นตัว ย้ำคิดย้ำทำ และมีอารมณ์แปรปรวนได้ง่ายกว่าคนที่ตกหลุมรัก
จริงอยู่ที่ความรักอาจมีความลุ่มหลงผสมอยู่ด้วย แต่แก่นของความรักนั้นไม่ใช่ความลุ่มหลงและไอ้ความลุ่มหลงนี้มันก็ทำลายชีวิตคนได้จริง ๆ ย่ิงถ้าสมองของคนลุ่มหลงไม่ต่างอะไรจากสมองของคนเสพยาตามที่วิทยาศาสตร์อ้าง คงไม่ต้องจินตนาการเลยว่าผลกระทบหลังเลิกยาโดยไม่ได้ใช้ยาในรูปแบบนี้จะร้ายแรงขนาดไหนกัน
UNLOCKMEN อยากให้คุณสำรวจตัวเองและชีวิตคู่ดูว่า ตอนนี้คุณกำลังรักหรือแค่ตกอยู่ในภวังค์แห่งความหลงใหลลุ่มหลง และความสัมพันธ์ของคุณกับเธอที่เข้ากันได้ดีตอนนี้จะมั่นคงต่อไปในระยะยาวหรือไม่
อย่าให้ความหลงซ่อนอยู่ในความรัก จงรักด้วยเหตุและผล พิจารณาถึงประโยชน์ โทษ และพร้อมปลีกตัวออกจากรักทุกเมื่อถ้ามันสร้างบาดแผลให้ตัวเองหรือคนรอบข้าง