เมื่อปฏิทินเปลี่ยนผ่านมาถึงหน้าสุดท้ายของปี ทุกคนคงสัมผัสได้ได้ถึงบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งความสุขและการเฉลิมฉลอง กับเทศกาลแห่งการให้ ส่งต่อของขวัญแทนความรู้สึกแก่คนสำคัญ วันนี้เราจึงอยากแนะนำไอเดียของขวัญทรงคุณค่า อย่างเรือนเวลาสุดพิเศษจาก OMEGA ซึ่งแต่ละเรือนต่างมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร โดดเด่นด้วยตัวตน สไตล์ และวัสดุที่น่าหลงใหล เปรียบได้กับเกล็ดหิมะที่เมื่อขยายดูโครงสร้างภายในจะพบกับเสน่ห์ของรูปทรงที่แตกต่าง รับรองว่าแต่ละรุ่นแต่ละเรือนคือของขวัญที่เหนือกาลเวลา พร้อมเติมเต็มความสุขที่สมบูรณ์แบบทั้งผู้ให้ และผู้รับแน่นอน เริ่มต้นที่เรือนแรกกับ OMEGA Seamaster Diver 300M ตัวเลือกคลาสสิก ในฐานะของขวัญสำหรับผู้รักการเดินทางและการผจญภัย กับคุณสมบัติสุดแกร่งผสานดีไซน์งดงาม สามารถติดตามผู้สวมใส่ไปได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นห้องประชุม, งานเลี้ยง, ลุยป่าเขา หรือแม้กระทั่งในมหาสมุทร ผลิตในสวิตเซอร์แลนด์ทว่าพร้อมที่จะไปทุกแห่งหน นาฬิกาขนาด 42 มม. รุ่นตัวเรือนที่ผลิตจากสแตนเลสสตีลและทอง Sedna™ 18K นี้มาพร้อมกับหน้าปัดและขอบตัวเรือนที่ผลิตจากเซรามิกสีดำ โดดเด่นด้วยรายละเอียดระดับไอคอนิกอย่างลวดลายคลื่นอันโด่งดังและเข็มนาฬิกาแบบฉลุ สำหรับ OMEGA De Ville Prestige ที่ได้มีการปรับเส้นสายงานออกแบบให้มีรูปลักษณ์ที่บริสุทธิ์และเพรียวบางมากขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ก็ยังคงติดอันดับคอลเลกชันของขวัญที่เจิดจรัสอยู่เสมอมา ทั้งในรุ่นขนาด 34 มม. ที่ผลิตจากวัสดุสเตนเลสสตีลและทอง Sedna™ 18K มาพร้อมกับหน้าปัดเปลือกหอยมุกซึ่งดูคล้ายกับหิมะที่โปรยปราย รวมไปถึงเรือนเวลา De
กว่าจะขึ้นแท่นตำนานเจ้าสมุทรของ OMEGA ในทุกวันนี้ เมื่อพูดถึงเรื่องราวจุดเริ่มต้นของ Seamaster ต้องย้อนไปในปี 1932 ซึ่ง ณ ขณะนั้นชื่อของ Seamaster ยังไม่ถูกกล่าวขาน แต่เป็นปีที่โลกได้รู้จักกับบรรพบุรุษของ Seamaster อย่าง OMEGA “Marine” เรือนเวลาที่มาจากฝันอันทะเยอทะยานในการสร้างนาฬิกาที่มีเทคโนโลยีสำหรับใช้งานใต้น้ำ เพียบพร้อมไปด้วยนวัตกรรมที่สามารถนำนักสำรวจให้ดิ่งลึกไปยังโลกเบื้องล่างที่ไม่มีใครรู้จัก นอกจากนี้ “The Marine” ยังครองตำแหน่งนาฬิกาดำน้ำรุ่นแรกของโลกที่วางจำหน่ายให้แก่พลเรือน ถือเป็นการปูเส้นทางให้กับอนาคตของนาฬิกาดำน้ำ ก่อนที่ OMEGA จะให้กำเนิด Seamaster ในปี 1948 หลังจากผ่านมา 16 ปี ก็ได้เวลาที่ประวัติศาสตร์ของ Seamaster เริ่มต้นจารึกเรื่องราวปฐมบท เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงในปี 1945 ทาง OMEGA ได้ใช้เวลาหลังจากนั้นร่วม 3 ปี ในการนำความรู้ทางการทหารจากประสบการณ์การสนับสนุนเครื่องบอกเวลาให้เหล่านักบินของกองทัพอากาศ และราชนาวีแห่งสหราชอาณาจักรมากกว่า 110,000 เรือน มาประยุกต์ให้เป็นคอลเลกชั่นเรือนเวลาสำหรับใช้งานในชีวิตประจำวัน และผลลัพธ์ที่ได้คือนาฬิกา OMEGA Seamaster ซึ่งเปิดตัวในปี 1948