เข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์กันอีกครั้ง สำหรับหนุ่ม ๆ ที่มีคนข้างกายทั้งหลายก็ต้องเริ่มมองหาของขวัญเตรียมไว้ให้คนรักในวันวาเลนไทน์ บางคนมองหาร้านอาหารบรรยากาศดี หรือมองหาช่อดอกไม้สวย ๆ สักช่อเพื่อมอบให้เธอคนนั้นในวันที่แสนพิเศษ คนที่นึกออกแล้วว่าจะทำอะไรหรือซื้อของขวัญแบบไหนให้คนเราขอแสดงความยินดีด้วย แต่เราก็ยังเชื่อว่าจะต้องมีชาว UNLOCKMEN อีหลายคนที่ยังคิดไม่ตก คิดไม่ตกว่าจะซื้ออะไรดี จนได้มาเห็นคอลเลกชันพิเศษของ Adidas ที่ออกมายั่วน้ำลายทั้งชายหญิงไปพร้อมกัน พอปฏิทินเดินมาถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ แบรนด์เครื่องกีฬาที่เราคุ้นเคยอย่าง Adidas ก็ปล่อยคอลเลกชันพิเศษ Valentine’s Day เอาใจคนมีคู่ด้วยการนำโมเดลคลาสสิกรุ่น Stan Smith และ Continental 80 มาปัดฝุ่นใหม่ แต่งแต้มลวดลายให้เข้ากับเดือนแห่งความรัก สนีกเกอร์ทั้งสองคู่ในคอลเลกชันนี้จะมีสีเป็นขาวล้วน จากนั้นจึงค่อยแต่งแต้มสีสันและลวดลายที่สื่อถึงความรัก เริ่มจาก Continental 80 รองเท้าออกกำลังกายในร่มสุดฮิตจากช่วงตนยุค 80 กันก่อน โดย Adidas ได้ประทับหัวใจสีแดงไว้บริเวณส้นรองเท้า หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าหัวใจสีแดงก็มีขีดสามเส้นที่เน้นย้ำถึงสัญลักษณ์ของแบรนด์ แถมยังไม่ลืมประทับโลโก้สีแดงสดไว้ที่ลิ้นรองเท้า ส่วนบริเวณเส้นด้านข้างถูกแต้มด้วยด้ายสีทองเสริมให้รองเท้าผ้าใบพื้นขาวโดดเด่นยิ่งขึ้น ส่วนอีกคู่ในคอลเลกชันแห่งความรักกับรองเท้าเทนนิส Stan Smith ก็คงคอนเซ็ปต์เรียบง่ายแต่โดนใจวัยรุ่นด้วยการนำหัวใจแดงที่มีแถบสามขีดเหมือนกับคู่ Continental 80 มาไว้บริเวณด้านข้างแทน และแทนที่ด้วยสัญลักษณ์ของแบรนด์สีทองเงาวับไว้ตรงส้นรองเท้า ส่วนบริเวณลิ้นรองเท้าก็ใช้สีทองแบบเดียวกับโลโก้แบรนด์เพิ่มความหรูหราได้อย่างน่าประทับใจ
Sneakersnstuff อยู่ในช่วงฉลองครบรอบ 20 ปี การก่อตั้งร้าน หลังที่ทั้งปีนี้ร่วมงานกับแบรนด์รองเท้ามากมายโดยปล่อยงานคอลแลปส์คู่พิเศษออกมา เป็นคอลเลกชันที่ทำร่วมกับ Adidas ประกอบไปด้วยรองเท้าทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกัน Sneakersnstuff (SNS) ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในประเทศสวีเดนโดย Peter Jansson และ Erik Fagerlind ในปี 1999 ก่อนรีเทลชื่อดังจะมีคนรู้จักมากขึ้นเรื่อย ๆ ล่าสุดพวกเขาเตรียมฉลองสาขาใหม่ที่กำลังจะเปิดในลอสแอนเจลิส โดยคอลเลกชันรองเท้าชุดใหม่ที่ทำร่วมกับ Adidas ก็ได้แรงบันดาลใจการออกแบบมาจากเรื่องราวของเมืองแห่งนี้ ผ่านมุมมองของ SNS คอลเลกชันฉลองครบรอบ 20 ปี และร้านสาขาใหม่ในสหรัฐอเมริกาประกอบไปด้วยรองเท้าทั้งหมด 3 รุ่น คู่แรกคือ Adidas ZX400 4D มี 2 โทนสีคือ Day และ Night คู่แรกเป็นสีส้มที่หมายถึงช่วงประอาทิตย์ขึ้นของลอสแอนเจลิส ส่วนคู่ที่ 2 เป็นสีชมพู-ม่วงที่หมายถึงช่วงพลบค่ำของมหานครที่ไม่เคยหลับใหล ทั้งสองมากับมิดโซล 4D Futurecraft สี Mint Green
ถ้าพูดถึงโมเดลรองเท้าตัวแทนจาก Adidas Original ชื่อของ Stan Smith คงเป็นโมเดลที่หลายคนนึกถึง เพราะนี่คือรองเท้าที่มีส่วนสำคัญในการผลักดันค่ายสามขีดให้ประสบความสำเร็จอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน และทุกวันนี้ผู้คนยังนิยมอยู่เสมอจากความสวยงามที่แสนคลาสสิกของมัน แม้จะวางขายมานานกว่า 50 ปีแล้วก็ตาม ขณะเดียวกันเมื่อยุคสมัยและทิศทางของตลาดรองเท้าเริ่มเปลี่ยนแปลงไป Adidas ก็เริ่มปรับเปลี่ยนและพัฒนา Stan Smith ให้เข้ากับกระแสความนิยม รวมถึงทำเทคโนโลยีให้ล้ำสมัยมากขึ้น โดยพวกเขาหวนกลับไปทำงานกับแบรนด์เสื้อผ้าที่เน้นฟังก์ชันของวัสดุและเทคโนโลยีอย่าง GORE-TEX หลังจากที่เคยประสบความสำเร็จร่วมกันเมื่อครั้งทำ Stan Smith GORE-TEX ในปี 2017 ด้วยการนำโมเดลเดียวกันนี้ มาเคลือบนวัตกรรมกันน้ำในรองเท้า จนขายหมดทุกสต็อก วันนี้ทั้งสองค่ายกลับมาร่วมงานอีกครั้งกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยและตอบโจทย์การใช้งานได้มากกว่าเดิม แถมยังเลือก Back to Basic ด้วยการใช้ Stan Smith สี OG อย่างขาว-เขียวมา ส่วนงานออกแบบปรับดีไซน์เล็กน้อย โดยตรงส่วนลิ้นจะไม่มีรูปคุณปู่แสตนในรุ่นนี้ รวมถึง Heel Tap สีเขียวซึ่งจะไม่มีโลโก้ Adidas Original แต่ด้านข้างก็มีตราพิมพ์แบบยุบลงไปของ GORE-TEX และป้ายที่เขียนถึง GORE-TEX Infimium เย็บติดเอาไว้
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า Adidas Stan Smith เป็นรองเท้าผ้าใบสามัญประจำบ้านของใครหลายคนไปแล้ว ด้วยรูปทรงที่เรียบง่ายสุดคลาสสิก คงไว้ด้วยเรื่องราวจากยุค 1967 แถมยังเข้ากับสไตล์ที่หลากหลาย ด้วยเหตุผลหลายอย่างที่กล่าวมาจึงทำให้ Stan Smith กลายเป็นรองเท้าในดวงใจ ที่ครั้งนี้จะสร้างความตื่นเต้นใหม่ให้กับทุกคนด้วยการร่วม collaboration กับแบรนด์สุดเท่อย่าง Fucking Awesome Fucking Awesome เป็นแบรนด์แฟชั่นสตรีตและสเกตบอร์ดชื่อจากสหรัฐอเมริกาของ Jason Dill แชมป์สเกตบอร์ดในตำนาน เขาเคยเป็นชายที่ติดยาเสพติดและท้ายที่สุดก็สามารถพาตัวเองออกจากวงจรนั้นมาตั้งแบรนด์ของตัวเองได้สำเร็จ ด้วยเรื่องราวที่เปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจและไอเทมเท่ ๆ ที่ปล่อยออกมาให้เราได้รับชมอยู่เสมอจึงทำให้ Fucking Awesome เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่เด็กสเกตจะต้องรู้จักกันเป็นอย่างดี เมื่อแบรนด์ดังอย่าง Adidas มาเจอกับแบรนด์เก๋าของวงการสเกต จึงทำให้ Adidas Stan Smith รองเท้าสุดคลาสสิกมีสีสันที่แตกต่างจากเดิม การเจอกันระหว่าง Adidas กับ Fucking Awesome ไม่ใช่การเจอกันครั้งแรก แต่การเจอกันในครั้งนี้กลับสร้างการพูดถึงเป็นวงกว้างด้วยสีสันจัดจ้านที่อยู่บนรองเท้าดีไซน์วินเทจ ด้วยการหยิบสีสันสดใสอย่างสีส้มและสีม่วงมาอยู่บนรองเท้า สลัดความวินเทจออกไปเพื่อให้ความทันสมัยเข้ามาแทนที่ จากนั้นเติมลูกเล่นตรงบริเวณด้วยพินที่มีข้อความว่า Fucking Awesome สีทองประทับไว้ตรง Upper หรือบริเวณด้านข้างของรองเท้า แค่สีสันจัดจ้านคงไม่ทำให้
ผู้ชายอย่างเราคงไม่มีใครไม่รู้จักรองเท้าโมเดลในตำนานอย่าง Stan Smith เพราะตลอดเวลากว่า 5 ทศวรรษที่ผ่านมา มันคือหนึ่งในรองเท้าที่มียอดขายดีที่สุดของค่ายสามขีด ทั้งยังคงความนิยมต่อเนื่องมาจนถึงยุคปัจจุบัน ที่แม้ตลาดรองเท้าจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน แต่มันก็ไม่เคยล้าสมัยในสายตาของเหล่า Sneakerhead เลย ความสำเร็จทั้งหมดทำให้ Adidas ตัดสินใจตอบแทนชายผู้เป็นแรงบันดาลใจให้รองเท้าคู่นี้ นั่นคือ Stanley Roger Smith เจ้าของใบหน้าบนลิ้นรองเท้าที่คุ้นเคยกันดี ด้วยสัญญาตลอดชีวิตที่เป็นเหมือนการการันตีว่าเราจะได้เห็นรองเท้าคู่นี้ต่อไปอีกนานอย่างแน่นอน ถ้าถามถึงจุดเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ของ Adidas และ Stan Smith คงต้องย้อนกลับไปในปี 1965 เมื่อ Adidas ตัดสินใจเปิดตลาดรองเท้าเทนนิสขึ้นมา โดยรองเท้าคู่แรกได้ใช้ Robert Haillet มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ก่อนเขาจะประกาศวางมือไป ช่องว่างตรงนั้นเองทำให้พวกเขามองหาตัวตายตัวแทนนักเทนนิสชื่อดัง ซึ่งหวยก็มาตกที่ Mr. Stan Smith ซึ่งกำลังอยู่ในยุครุ่งเรืองของอาชีพ ณ ขณะนั้น โดยเจ้าของแชมป์ Grand Slam 2 สมัยคงยังไม่รู้ว่า ตัวเองกำลังจะกลายมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ของรองเท้าระดับ Iconic ซึ่งต่อมามีอิทธิพลต่อทั้งวงการแฟชั่นรวมถึงกลายเป็น Pop-Culture ทั่วโลกในเวลาต่อมา ด้วยดีไซน์การออกแบบของ Classic Stan Smith อันเรียบง่ายแต่มีจุดเด่นที่ส่วน