

Life
เมื่อมนต์ขลังของเกมส์ลูกหนังได้หมด เพราะเหล่าบุคคลดังต่อไปนี้ที่ UNLOCKMEN คัดมา
By: unlockmen December 28, 2016 49940
ว่ากันว่ากีฬาฟุตบอลเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมอันดับหนึ่งของมวลมนุษย์ชาติ ซึ่งอันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN ก็เห็นด้วยเช่นนั้นทุกประการ เพราะหากไปลองถามใครคงไม่มีใครตอบว่า ตะกร้อ หรือมวย ที่เป็นกีฬาอันดับหนึ่งอย่างแน่นอน เนื่องด้วยความสนุกบนสนาม กติกาเข้าใจง่ายไม่ยากเย็น ทำให้ฟุตบอลเป็นมหกรรมความบันเทิงสำหรับทุกเพศทุกวัย แม้ว่าฟุตบอลสมัยใหม่จะได้รับการปรับปรุง เพิ่มเทคโนโลยีให้มีความสอดคล้องกับวัฒนธรรมสมัยใหม่มากยิ่งขึ้น แต่นั่นก็ทำให้หมายถึงการมาพร้อมกับเรื่องเงินๆ ทองๆ มีธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้เหมือนว่าแฟนฟุตบอลรุ่นเก่าๆ จะเริ่มเบือนหน้าหนี ให้กับธุรกิจฟุตบอล
สืบเนื่องจาก นิตยสาร Forbes เคยทำการวิเคราะห์เกี่ยวกับผลการแข่งขันกีฬาประเภทนี้ โดยใช้ผลการแข่งขันของลีก ( League) ประเทศอังกฤษ พบว่าก่อนทศวรรษที่ 1960 ผลการแข่งขันที่พลิกล๊อก ทีมต่ำชั้นชนะทีมใหญ่เกิดได้บ่อยครั้ง พูดได้ว่าโอกาสชนะของแต่ละทีมมีพอๆกัน แต่หลังจากการทำลายการจำกัดเพดานค่าเหนื่อยให้แก่ผู้เล่น ( Wages ) ทีมใหญ่เงินหนามีทุนมากกว่า ได้ตัวผู้เล่นดีๆไป ทำให้ทีมเหล่านั้นเริ่มมีการผูกขาดชัยชนะ( monopoly ) การพลิกล็อกเกิดขึ้นน้อยลงเป็นเท่าตัว
แต่เนื้อแท้ของเกมฟุตบอลนั้น การแข่งขัน (competition) ถือว่าเป็นองค์ประกอบของเกมนี้ ถึงแม้ว่าทีมใหญ่ต้องการที่จะผูกขาดความสำเร็จ แต่ในแต่ละลีกอาจจะมีทีมแบบนี้ซัก 3-4 ทีม การแข่งขันแบบบอลลีกมันจึงเป็นแบบ oligopoly ( มีทีมใหญ่ประจำลีคอยู่ 3-5 เจ้า เพื่อแข่งขันกัน )
ผลลัพธ์ความสำเร็จด้านการแข่งขันในเกม มิใช่หลักประกันความสำเร็จของทีมฟุตบอลอย่างเดียวอีกแล้ว ตัวอย่างทีมที่จัดการบริหารด้านการเงินไม่ดี ที่เห็นแน่ๆ 2 ทีม คือ ลีดส์ ของอังกฤษ ที่เคยใช้เม็ดเงินในการสร้างทีมจนสามารถคว้าความสำเร็จด้านการแข่งขันได้ แต่หลังจากนั้นมา ทั้งสองทีมเกิดวิกฤติการเงินอย่างหนักเป็นหนี้สินบานเบอะ และส่งผลทำให้ผลงานช่วงหลังย่ำแย่ลง หรือแม้แต่องค์ประกอบอื่นอาทินักเตะเริ่มขาดเคารพต่อตนสังกัด การทำการค้ากับเกมส์ฟุตบอล ทำให้วันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN ได้รวมเอาตัวการที่ทำลายมนต์ขลังของเกมส์ฟุตบอลมาแชร์กัน
อันดับ 1 Florentino Pérez
เขาเป็นคนที่ทำให้นักฟุตบอลยิ่งใหญ่กว่าสโมสร ด้วยนโยบายการดึงนักเตะที่ดีที่สุดในโลกเข้ามายังสโมสร เรอัล มาดริด นั่นคือการทำให้ทีมผูกขาดชัยชนะ ไม่ว่าใครเด่น ดัง หรือแม้แต่แค่มีภาพลักษณ์ที่สามารถนำมาขายต่อได้ในเชิงพาณิชย์ ประธานสโมสรผู้นี้จะไม่รีรอที่คว้าลายเซ็นต์ของนักเตะคนนั่นมา โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโค้ช หรือ ทีมต้องการนักเตะคนดังกล่าวหรือเปล่า เรื่องว่าโปรเจค “กาลาคติกอส”
อาทิกรณีของ เดวิด แบ็คแฮม ภายในสโมสรไม่ได้มีปัญหาหรือความต้องการนักเตะคนนี้อยู่ในแผนการทำทีมเลย แต่เป็นประธานสโมสรจอมแสบ ที่มองเห็นถึงประโยชน์เรื่องภาพลักษณ์ของนักเตะว่าสามารถนำมาขายต่อได้ เพื่อเพิ่มฐานแฟนบอลของตน เขาจึงจัดการซื้อนักเตะคนนี้มา และไม่ได้มองถึงสมดุลย์ของทีมฟุตบอล พยายามยัดเยียดให้โค้ชส่ง เดวิด แบ็คแฮม ลงสนามกลับกลายเป็นว่าในช่วงนั้นทีมล้มเหลวไม่เป็นท่าเรื่องผลงาน แต่ยอดขายที่ได้รับถล่มทลาย
อันดับ 2 Jimmy Hill
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว นักฟุตบอลได้รับค่าจ้าง 20 ปอนด์ต่อสัปดาห์ กระทั้งปี 1960 จิมมี่ ฮอลล์ เลขานุการสมาคมนักเตะอาชีพอังกฤษ ก็ยื่นคาง เข้ามา และค่าจ้างในการลงสนามของนักเตะก็ขึ้นเอา ขึ้นเอา จนปัจจุบันนักเตะอย่าง เวยน์ รูนีย์ได้รับค่าเหนื่อยต่อสัปดาห์อยู่ที่ 300,000 ปอนด์ และก็มีแต่ท่าทีว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนในอนาคตอันใกล้นี้ เราเชื่อว่าทีมฟุตบอลขนาดเล็กอาจไม่มีเงินเพียงพอต่อการจ้างนักฟุตบอลดีๆ เพื่อมาแข่งขันกับทีมใหญ่ๆ อีกต่อไป แล้วหลังจากนั้นเสน่ห์มนต์ขลังของเกมส์ลูกหนังคงหมดไป
อันดับ 3 Pini Zahavi
เขาคือซุปเปอร์หน้านายคนแรก ที่ทำให้นักเตะเพิ่มอำนาจต่อรองกับสโมสรได้ อดีตนักข่าวชาวอิสราเอลท่านนี้เปรียบดังปีศาจกระหายที่เงิน เพราะเขาได้เปลี่ยนทีมฟุตบอลให้กลายเป็นของเล่นของมหาเศรษฐี รวมถึงการลักลอบเจรจานักเตะกับสโมสรอื่นโดยที่ไม่สนใจข้อตกลงที่มีอยู่เดิม พยายามยั่วยุนักเตะให้เกิดการย้ายทีมบ่อยครั้งที่สุด เพื่อเพราะให้ได้เงินเข้ากระเป๋าของตัวเขาเองเป็นพอ อย่างเช่นกรณี ที่เขาเป็นกรรมสิทธ์ในตัว คาร์ลอส เตเวซ และ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ทำให้การซื้อขายระหว่างสองสโมสร มีเจ้า ซาฮาวี่เป็นอีกหนึ่งตัวแปรให้ราคานักเตะพุ่งพรวดอย่างเกินจริง
อันดับ 4 Rupert Murdoch
ชายผู้นี้อาจทำให้ลีคอังกฤษเป็นลีคที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ด้วยการโฆษณา และขายสิทธ์การถ่ายทอดสดไปทั่วโลก แต่เขาก็ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างลีคระดับสูง และลีคระดับล่างเช่นกัน เพราะพวกเขาไม่สนใจในเรื่องระยะเวลาการพักฟื้นร่างกายของนักเตะอีกต่อไป โปรแกรมการแข่งขันถูกวางอย่างไม่เป็นธรรม เพียงเพื่อรองรับการถ่ายทอดสดเพื่อเรียกเรตติ้งของสถานี เมื่อคุณได้ทำข้อตกลงกับปีศาจแล้ว คุณก็ไม่สามารถบ่นอะไรได้ นั่นคือคำกล่าวที่ เซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสัน ใช้กล่าวว่า Rupert Murdoch
อันดับ 5 Jean Marc Bosman
จุดจบของความจงรักภักดีของนักฟุตบอลกับสโมสร เริ่มต้นจากจุดนี้ เพราะครั้งหนึ่งนาย บอสแมน ชาวเบลเยี่ยม ที่ถูกปฎิเสธการย้ายทีมจากต้นสังกัด เนื่องจากไม่ได้รับค่าตัวตามต้องการ ทำให้ นาย บอสแมน ไปร้องขอต่อศาลยุโรป ที่น่าเศร้าคือเขาเป็นฝ่ายชนะ ด้วยเหตุนี้กฎบาสแมนจึงถูกนำมาใช้ และนักเตะที่หมดสัญญาก็สามารถเลือกย้ายสังกัดได้อย่างอิสระ รวมทั้งยังเป็นการล้มเลิกการกำหนดโควตาของนักเตะในกลุ่มประเทศสมาชิก EU ที่แต่ละทีมสามารถมีได้อีกด้วยกล่าวอีกอย่างคือกฎนี้ทำให้นักเตะสามารถทรยศสโมสรของตัวเองได้ และทำให้ทีมในลีคอังกฤษมีนักเตะต่างชาติเฉลี่ยทีมละ 17 คน
อันดับ 6 Andy Webster
กฎนี้เป็นเหมือน บอสแมน เวอร์ชั่นสอง คือกฎที่เปิดช่องว่างให้นักฟุตบอลที่อายุเกิน 28 ปี สามารถซื้อสัญญาที่เหลือของตัวเองได้ หลังจากรับใช้ทีมมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ปี กฎนี้ยิ่งทำให้นักเตะไร้ซึ่งความเคารพต่อสโมสร เพราะเมื่อเขารู้สึกเบื่อหน่าย หรือไม่พอใจต้นสังกัด และมีทีมอื่นมาสนใจ พวกเขาอาจจะทำข้อตกลงลับๆ เพื่อให้สโมสรใหม่มาซื้อสัญญาที่เหลือ นั้นทำให้บางทีค่าดำเนินการในการย้ายทีม ถูกกว่าซื้อผ่านสโมสรโดยตรงหลายเท่า แต่กฎนี้ไม่ค่อยมีใครมาใช้กันมากนัก เพราะเป็นการไม่ให้เกียรติ และเป็นการทรยศต่อกันอย่างรุนแรง
อันดับ 7 Posh Spice
เมื่อนักกีฬาในต่างประเทศได้กลายเป็นคนดัง ทำให้พวกเขามีสิทธิ์ใกล้ชิด และเป็นแฟนกับดารา นางแบบดัง แต่นั่นก็เป็นเหมือนดาบสองคมให้กับนักฟุตบอล เพราะความสนใจในโลกกีฬาของพวกเขาจะลดน้อยลงตามไปเช่นกัน ดังเช่นกรณีของ วิคตอเรีย แบ็คแฮม จะบอกว่าเธอเป็นตัวการทำให้อาชีพนักฟุตบอลของสามีเธอ เดวิด แบ็คแฮมไม่ได้รับรางวัลโทรฟี่ในสนามมากเสียเท่าทีควรก็ไม่ผิดเพี้ยน แต่จะบอกว่านั้นเป็นสิ่งที่ผิดก็ไม่ได้อีกเช่นกัน เพราะจากการที่เธอดึงเอาสามีออกไปเชิดฉายตามรันเวย์ งานเลี้ยง อยู่ในสปอต์ไลท์ ทำให้ เดวิด แบ็คแฮม กลายเป็นนักกีฬาที่มีเงินทองไหลเข้ามาทางการเป็นพรีเซนเตอร์สินค้ามากที่สุดในโลก แต่นั้นไม่ได้ทำให้เขาได้รับเหรียญรางวัลเช่นกัน
อันดับ 8 Francis Lee
หากคุณบอกว่า หลุย์ ซัวเรส แอชลีย์ ยัง คือบ่นทำลายวงการฟุตบอลจากการพุ่งล้ม สำออยแล้วละก็ ต้องย้อนกลับไปถึง เจ้า Francis Lee ที่มีการพุ่งล้ สำออย เล่นละคร ตบตากรรมการ ซึ่งในสมัยก่อนยังไม่มีเทคโนโลยีภาพ replay เข้ามาช่วย เขาจึงได้รับผลประโยชน์จากการได้จุดโทษบ่อยครั้ง การตบตาผู้ตัดสินของ Francis Lee ทำให้ตนสังกัดได้รับจุดโทษ 15 ครั้ง จนได้รับฉายา Lee Won Pen
อันดับ 9 Peter Kenyon
ชายผู้เปลี่ยนความสวยงามของฟุตบอลให้การเป็นธุรกิจที่น่าชิงชัง หลังจากที่ช่วยให้ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลายเป็นแบรนด์ระดับโลก นักบริหารที่บอก ตัวเองเป็นแฟนบอลของทีมนี้ตลอดชีวิต ดันย้ายหนีไปช่วยเชลซีหน้าตาเฉย เข้าเขามาปรับเปลี่ยนเชลซีให้เป็นแบรนด์สินค้าเหมือนดังเช่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยไม่สนใจภาวะเงินเฟ้อ หรือการขึ้นค่าตั๋วเข้าชม เพียงเพื่อให้ได้ซึ่งกำไรเม็ดเงินเข้าสโมสรเพียงอย่างเดียว
อันดับ 10 Alan Ball
คนนี้ไม่ได้ร้ายแรงเหมือนกรณี อื่นๆ แต่เขาคือนักเตะคนแรกที่สวมรองเท้าสีขาวลงในสนาม จึงเป็นจุดเริ่มต้นทำให้แฟชั่นกับกีฬาฟุตบอลเข้ามาบรรจบกัน จนปัจจุบันนักกีฬาบางคนสนใจในเรื่องเสื้อผ้ารองเท้า มากกว่าผลงานในสนามเสียอีก