Guide

VISIT SINGAPORE : รวมพิกัดสุดเจ๋งในสิงคโปร์ที่มากกว่าแค่ช้อปกับ “SG COLLECTOR TRIP”

By: Lady P. March 25, 2018

ถ้าให้นึกถึงประเทศท่องเที่ยวเน้นการช้อปปิ้งแบบจัดเต็ม ไม่ต้องนั่งเครื่องบินไกล หนึ่งในประเทศที่เราพลาดไม่ได้เลยคือ สิงคโปร์ ประเทศที่ถือเป็นสวรรค์ของนักช้อปสำหรับแบรนด์สินค้าชั้นนำ สินค้าหายากที่ควรค่าแก่การครอบครอง ประเทศที่เต็มไปด้วยแฟล็กชิพสโตร์ และร้านค้าเอ็กซ์คลูซีฟจากแบรนด์ระดับท็อปซึ่งเลือกสิงคโปร์เป็นสถานที่ตั้งที่แรกในโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้กระทั่งแบรนด์หรูอย่างหลุยส์วิตตอง ก็ยังเลือกสิงค์โปร์เป็นที่มั่นสำคัญในการเปิดคอนเซ็ปสโตร์แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือเป็นที่รู้จักกันในหมู่นักท่องเที่ยวว่า ‘Island Maison’ รวมถึงแบรนด์ดังอื่น ๆ อย่าง Off White สตรีทแวร์ชื่อดังจากอเมริกา, Victoria’s Secret, Muji, Uniqlo และ Apple store

Credit image : Pinterest

“Passion Made Possible : ทุกความชอบที่ใช่ เป็นไปได้ที่สิงคโปร์”  คือ แคมเปญล่าสุดที่การท่องเที่ยวสิงคโปร์ ผลักดันให้ประเทศสิงคโปร์ให้เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวสไตล์ Collectors  จับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ที่ไม่อาจห้ามใจไปกับสีสันสดใส คัตติ้งสุดเนี้ยบ ผลงานชิ้นเอก และมองโอกาสที่จะตามล่าหาของสุดโปรดเพื่อแสดงความเป็นตัวตนออกมา พูดได้ว่าไม่ใช่เพียงแค่การช้อปปิ้งเท่านั้น แต่เป็นการเลือกสิ่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและสามารถสร้างมูลค่าได้ในอนาคตด้วย

พูดมาถึงตรงนี้ เราไม่รีรอที่จะพาทุกคนไปสัมผัสพิกัดสุดเจ๋ง ที่เราได้คัดเลือกมาแล้วสำหรับเหล่า Collectors ให้ได้ไปลองค้นหาแรงบันดาลใจ ของขวัญ ของสะสมชิ้นพิเศษให้ได้มาครอบครอง

 

Limited Edt Vault @ 313 Somerset

Limited Edt เป็นร้านบูติกที่ขายรองเท้าผ้าใบชั้นนำของประเทศสิงคโปร์ ที่มีสาขามากมายทั่วประเทศ ซึ่งแต่ละร้านจะนำเสนอคอนเซปที่แตกต่างกันออกไป ร้าน Limited Edt ขึ้นชื่อในหมู่ผู้ชื่นชอบรองเท้าผ้าใบว่าเป็นแหล่งรวมรองเท้ารุ่นพิเศษที่หายาก และรุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น จากแบรนด์ชั้นนำมากมาย อาทิ Nike, New Balance, Adidas, Vans, Puma, Reebok, converse, Saucony เป็นต้น ซึ่งลูกค้าส่วนมากก็เป็นผู้ที่หลงใหลในรองเท้าผ้าใบจากทุกเพศทุกวัย และเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะจากประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย

Nike Air Mag back to the future

Mandeep เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแบรนด์ Limited Edt ที่เปิดในปี พ.ศ. 2546 และนับว่าเป็นร้านแรกในสิงคโปร์ที่เน้นขายรองเท้าผ้าใบเพียงอย่างเดียว เขาเห็นศักยภาพในตลาด ‘athleisure’ ที่สิงคโปร์มานาน ก่อนที่จะกลายเป็นแฟชั่นอย่างในบุคปัจจุบัน ในปัจจุบัน ร้าน Limited Edt มีทั้งสิ้น 12 สาขาทั่วเกาะ เช่นที่ ศูนย์การค้า Queensway, ศูนย์การค้า Peninsula, 5 ร้านที่ 313@Somerset และMarina Bay Sands ซึ่งทุกร้านต่างมีแนวคอนเซปที่แตกต่างกันออกไป อาทิ ร้านที่ตั้งอยู่ที่ 313 Somerset ได้แก่ :

– Limited Edt Underground สำหรับผู้ชื่นชอบรองเท้าผ้าใบเท่ห์ๆ หายาก แต่ราคาจับต้องได้
– Limited Edt. Vault: สำหรับรองเท้ารุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น รองเท้ารุ่นพิเศษที่เน้นการทำ special collaboration ร่วมกันระหว่างศิลปิน รวมถึงเครื่องจำลองอินเตอร์แอคทีฟที่ทำให้ลูกค้าสามารถทดลองใส่รองเท้าคู่โปรดได้
– Limited Edt สำหรับผู้ชื่นชอบกีฬาบาสเก็ตบอล สเก็ตบอร์ด และรองเท้าผ้าใบสำหรับผู้หญิง และเด็กโดยเฉพาะ

 

SBTG

SBTG ก่อตั้งโดย มาร์ค ออง เป็นผู้เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะวางเส้นทางชีวิตของตัวเอง ผลักดันให้เขาต่อต้านกับความคาดหวังทางสังคม และเปลี่ยนความหลงใหลที่มีต่อการออกแบบให้กลายมาเป็นอาชีพ ความเชื่อในอิสรภาพที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความเป็นพังก์และการเล่นสเก็ตบอร์ด ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้เขาจนถึงวันนี้ ในปี 2545 มาร์คได้ตัดสินใจวางขายผลงานการตกแต่งรองเท้าแบรนด์ไนกี้คู่แรกทางออนไลน์ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางของเขาในฐานะผู้บุกเบิกงานออกแบบรองเท้าผ้าใบ นับจากนั้นมา SBTG แบรนด์ที่ก่อตั้งโดยมาร์ค ออง กลายเป็นแบรนด์ที่ได้รับความสนใจจากบรรดาเซเลบบริตี้ทั่วโลก อาทิ โคบี้ ไบรอัน เป็นต้น

 

 Surrender

Surrender เป็นร้านค้าที่รวมแบรนด์สินค้าแนวสตรีทหลากหลายแบรนด์ไว้ด้วยกัน ซึ่งไม่ได้มีเพียงแต่แบรนด์จากดีไซเนอร์ชั้นนำเท่านั้น แต่ยังรวมถึงนักออกแบบรุ่นใหม่ที่มาจากทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะจากญี่ปุ่น นิวยอร์ก และ แอลเอ โดยการตกแต่งภายในของร้านจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะมีพื้นที่ส่วนกลางเป็นวงกลมที่ดูคล้ายกับพื้นที่จัดนิทรรศการ เพราะแนวคิดสำคัญของร้านคือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างแฟชั่น การดำเนินชีวิต และวัฒนธรรม สำหรับ Surrender เกณฑ์ในการคัดเลือกสินค้าคือเน้นเรื่องคุณภาพและการออกแบบ ในช่วงหลายสิบปีผ่านมา Surrender ดำเนินธุรกิจในฐานะร้านค้าที่ให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยวและชาวสิงคโปร์เกี่ยวกับเทรนด์ของสตรีทแฟชั่น

 

Off White

แบรนด์ OFF-WHITE โดย Virgil Abloh ยังคงเป็นแบรนด์ที่มีอิทธิพลอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดสาขาใหม่ในสิงคโปร์ ผ่านความร่วมมือกับร้านค้าปลีกท้องถิ่นอย่าง Surrender โดยมี “WINDOWS” แบรนด์ล่าสุด ที่เปิดร้านค้าขนาด 160 ตารางเมตร และอยู่ใจกลางย่านถนนออร์ชาด หรือย่านช้อปปิ้งชื่อดังของสิงคโปร์ ซึ่งร้านนี้ดีไซน์ร่วมกับ Dong Ping Wong และ Oana Stanescu จากบริษัทด้านสถาปัตยกรรมชื่อดัง Family NY ทำให้ร้านดูมีความกว้างขวาง เรียบ ดูสะอาดตา ซึ่งเหมาะกับสไตล์ของAbloh ที่เรียนด้านสถาปัตยกรรมมาเช่นกัน โดยร้านตกแต่งด้วยกระจกใสโดยรอบ ประกอบด้วยผนังคอนกรีตหนา พื้นคอนกรีตขัดมัน ไฟสปอร์ตไลท์บนเพดานกว้าง ซึ่งทำให้บรรยากาศของร้านดูมีความทันสมัย ซึ่งร้าน WINDOWS ที่สิงคโปร์เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา พร้อมการจัดงานเลี้ยงที่มีเหล่าผู้หลงใหลในแฟชั่นแนวสตรีทมาร่วมงานด้วยมากมาย

 

Malmaison by The Hour Glass

Malmaison คือร้านนาฬิกาสุดหรูบนพื้นที่ 8,000 ตารางฟุตบนถนนออชาร์ด ภายใต้การบริหารงานของ Hourglass ที่มาในธีม Residential inspired luxury emporium ภายในร้านตกแต่งอย่างหรูหราสไตล์ฝรั่งเศสยุคพระเจ้านโปเลียน และพระมเหสีโจเซฟีน ซึ่งนอกจากนาฬิกาแบรนด์หรูชั้นนำแล้ว Malmaison by The Hour Glass ยังจำหน่ายสินค้าสุดพิเศษ อาทิ น้ำหอม และเครื่องหนัง

เมื่อเปิดประตูเข้ามา คุณจะพบกับ The Great Hall ห้องโถงซึ่งตกแต่งด้วยไม้สีเข้ม ให้ความรู้สึกถึงความหรูหรามีเสน่ห์ของยุคเก่า ท่ามกลางคอลเลกชั่นนาฬิกาแบรนด์ดัง เครื่องดนตรีโบราณของ Reuge จากศตวรรษที่14 และเทียนหอมของ Cire Trudon The Napolean Room ได้รับแรงบันดาลใจจาก the Château de Malmaison อันโด่งดังในศตวรรษที่ 19 ของพระเจ้านโปเลียน และพระมเหสีโจเซฟีน ภายในห้องตกแต่งด้วยกำแพงกำมะหยี่สีน้ำฟ้าดูทันสมัย ตัดกับเครื่องประดับและข้าวของเครื่องใช้โบราณจากศตวรรษที่ 18

บริเวณชั้นบนของ Malmaison จะมีความสว่างจากแสงที่ดูเป็นธรรมชาติ โดยมีแบรนด์ดังอย่าง Cartier’ Piaget และ Harry Winston จัดแสดงอยู่

 

Pedder on Scotts

ไม่มีที่ไหนเหมาะกับการช้อปปิ้งแบรนด์รองเท้าสุดหรูมากไปกว่าที่ Pedder on Scotts ที่ได้รับการแปลงโฉมใหม่ ร้านนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก Scotts Square เท่าใดนัก และมีอาณาบริเวณกว้างขวางถึง 20,000 ตารางฟุต ซึ่งรวบรวมแบรนด์ชั้นนำเอาไว้มากมาย อาทิ Alexander Wang ไปจนถึง Christian Louboutin ความโดดเด่นของร้านค้าแห่งนี้คือการแบ่งโซนร้านค้าปลีกออกเป็น 6 โซนด้วยกัน และแต่ละโซนจะจัดขึ้นเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่หลากหลาย อาทิ Pedder ที่เน้นขายรองเท้าของสุภาพสตรีและเครื่องประดับจากแบรนด์หรูชั้นนำ โซน Pedder Men ซึ่งเป็นร้านเดียวนอกเหนือจากที่ประเทศฮ่องกงที่มีโซนจัดไว้สำหรับสุภาพบุรุษโดยเฉพาะ โซน New Generation ที่วางขายแบรนด์รองเท้าแนวสตรีท โซน Weekend & Sports ที่เน้นขายรองเท้าผ้าใบแบบลำลอง และรองเท้าผ้าใบกีฬาดีไซน์ล้ำ โซน Cool Kids สำหรับเด็กแนวๆ และ Kiosks ซึ่งเป็นบริเวณที่จัดไว้สำหรับอาหารและแสดงงานศิลปะโดยเฉพาะ

การออกแบบ Pedder on Scotts เป็นความพยายามร่วมกันระหว่าง Abraham Chan สถาปนิกชาวอเมริกันชื่อดัง และ Raymond Chan สถาปนิกจากบริษัทสถาปนิก PLY Union ในฮ่องกง ซึ่งแต่ละโซนจะมีสไตล์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ที่ช่วยเสริมให้บรรยากาศในการช้อปปิ้งเป็นไปอย่างสุนทรีย์ แบรนด์ในห้างนี้รวมถึง Adidas, AKID, Alexander Wang, Aquazzura, Ash, Athletic Propulsion Labs, Birkenstock, Charlotte Olympia, Gianvito Rossi, Giuseppe Zanotti Design, Havaianas, Herschel, Joshua Sanders, Lanvin, Native, Neil Barrett, Nike, Nicholas Kirkwood, Pedder Red, Puma, Rene Caovilla, Sam Edelman, Sons and Daughters, Sophia Webster, Stuart Weitzman, Superga, Tomorrowland และ Vans.

 

Bynd Artisan

Bynd Artisan ก่อตั้งขึ้นมาเมื่อปี 2014 โดยเป็นการต่อยอดธุรกิจเครื่องเขียนครอบครัว จนปัจจุบัน แบรนด์เครื่องเขียนทำมือนี้เป็นเจ้าของรางวัล “Best Shopping Experience at the Singapore Tourism Awards 2017” และ “President’s Design Award – Design of the Year 2016.” ความโดดเด่นของ Bynd Artisan อยู่ที่ลูกค้าสามารถเลือกสมุดโน้ตที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่ซ้ำใคร ที่นอกจากจะเก๋ไก๋ไม่ซ้ำใครแล้ว ยังช่วยสร้างคุณค่าทางจิตใจให้กับผู้รับได้อีกด้วย ในราคาเพียง S$35 คุณสามารถเลือกแบบปก กระดาษ สันเข้าเล่มและสายรัดสมุดได้ตามใจชอบ และหากว่าใช้สมุดหมดแล้ว แต่ยังอยากเก็บดีไซน์ไว้ใช้ต่อ ก็สามารถนำสมุดกลับมาให้ที่ร้านทำใหม่ได้ในราคาเพียง S$10 เท่านั้น

 

Dover Street Market @Dempsey

Dover Street Market รีเทลชื่อดังจากลอนดอน ได้เปิดสาขาแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ ประเทศสิงคโปร์ เป็นส่วนหนึ่งในโครงการ COMO Dempsey ศูนย์รวมของไลฟ์สไตล์พื้นที่กว่า 12,325 ตารางเมตรด้วยการสร้างสรรค์ร่วมกันระหว่าง Club21 และ DSM International

Dover Street Market Singapore สร้างขึ้นจากอาคารค่ายทหารเก่า เป็นอาคารชั้นเดียว มีพื้นที่โล่งกว้าง ประกอบด้วยโครงสร้างเพดานที่สูงถึง 10 เมตร พื้นที่ส่วนกลางและพื้นที่ทั้งหมดรวมถึงร้าน Comme des Garcons นั้นดีไซน์โดย Rei Kawakubo ขณะเดียวกัน Rei ก็ได้ให้อิสระกับแบรนด์ต่างๆ ในการดีไซน์ตกแต่งพื้นที่ของตัวเองได้อย่างเต็มที่ โดย Dover Street Market Singapore มีแบรนด์ที่ขายอยู่ในร้านกว่า 25 แบรนด์ เช่น Comme des Garçons, Black Comme des Garcons, Anti Social Social Club, Céline, The Row, Balenciaga, Gucci, Sacai, Celine, Thom Browne, Undercover และ NikeLab DSM SGP โดยหลายแบรนด์เช่น Dover Street Market Singapore Special T-Shirts, Dover Street Market Singapore Special Edition by Gosha Rubchinskiy, Gucci x Dover Street Market และ Nike x Dover Street Market Vintage Re-edition T-Shirts จะดีไซน์คอลเล็กชั่นพิเศษสำหรับ DSM เท่านั้น

 

K+ Curatorial Space

K+ คือพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะและ curatorial space ซึ่งเป็นแหล่งรวมผลงานและผลิตภัณฑ์ดีไซน์ที่มีความน่าสนใจและเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ จากผลงานการออกแบบของดีไซเนอร์ชาวสิงคโปร์ และนักออกแบบจากหลากหลายประเทศทั่วโลก โดยเป้นโปรเจ็กต์ที่จัดตั้งขึ้นโดยเอเจนซี่ด้านแบรนด์ดิ้ง Kinetic Singapore และ Scotts Square โดยมีการแบ่งพื้นที่เป็นโซนต่างๆ เช่น  GALLERY จัดแสดงผลงานด้านศิลปะและการออกแบบของศิลปะและนักออกแบบทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ , RETAIL ขายสินค้าด้านการออกแบบที่น่าสนใจ ทั้งของที่ระลึก เครื่องประดับ สินค้าไลฟ์สไตล์ และ COMMUNITY พื้นที่ที่จัดขึ้นพิเศษสำหรับบรรดานักออกแบบและนักเรียนที่สนใจด้านศิลปะและงานดีไซน์ให้ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนแบ่งปันความรู้ คำแนะนำและความคิดดีๆ และยังมีทีมงานของ K+ ที่ช่วยให้คำแนะนำอีกด้วย โดยตัวอย่างของนักออกแบบที่ประสบความเร็จจากพื้นที่ Community ของ K+ ก็คือ Schaffen Watches แบบนาฬิกาแบบ Customizable ผลงานของนักออกแบบรุ่นใหม่วัย 20 ต้นๆ อย่างสองพี่น้อง Jonathan และ Nicholas Han ที่ผลิตนาฬิกาที่ผู้ใส่สามารถดีไซน์และเลือกส่วนประกอบได้เอง

 

Je t’aime Perfumery

ร้านน้ำหอม Je t’aime Perfumery ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2555 โดย Prachi Saini Garg ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการทำน้ำหอม ที่ศึกษาด้านศาสตร์การทำน้ำหอมแบบสมัยเก่า และส่วนประกอบในการทำน้ำหอมจากเอเชียมาเป็นระยะเวลาหลายปี ร้านนี้ยังศึกษาเกี่ยวกับ “Orchids Original of Singapore” หรือดอกกล้วยไม้ของสิงคโปร์ เพื่อกลั่นน้ำมันจากกล้วยไม้เก้าชนิดอีกด้วย

ด้วยราคาเพียง 115 เหรียญสิงคโปร์ คุณสามารถเข้าร่วมเวิร์คชอปเพื่อทำน้ำหอมในแบบของคุณ (10 ม.ล. สำหรับขวดทดลอง และ 75 ม.ล. สำหรับน้ำหอมแบบ eau de toilette พร้อมขวดที่สลักชื่ออย่างสวยงาม

นี่เป็นเพียงพิกัดเจ๋ง ๆ บางส่วนที่เราคัดเลือกมาให้คุณได้ไปสัมผัส ซึ่งต้องบอกว่าสิงคโปร์ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกมากมาย ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟสไตล์ของคุณ สำหรับคนที่หลงใหลในการท่องเที่ยวค้นหาแรงบันดาลใจดี ๆ สามารถติดตามข้อมูลการท่องเที่ยวสิงคโปร์ได้เพิ่มเติมที่  VisitSingapore

Lady P.
WRITER: Lady P.
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line