Life

ZERO TO HERO: VANNDA แร็ปเปอร์ผู้ปลุกจิตวิญญาณเขมรให้ลุกโชนทั่วโลกด้วยดนตรีฮิปฮอป

By: JEDDY April 21, 2022

แม้ประเทศจะมีเส้นแบ่งกั้นพรมแดน แต่สำหรับโลกของดนตรี มันสามารถข้ามพ้นขีดจำกัดเหล่านั้นได้ มันสามารถแทรกซึมไปได้ทั่วทุกหย่อมหญ้าอย่างง่ายดาย กระจายตัวอย่างรวดเร็วราวกับไวรัสที่แพร่ระบาดเจาะเข้าไปสร้างอิทธิพลให้กับผู้ฟังถึงขนาดที่ทำให้ใครซักคนหนึ่งได้ก้าวขึ้นมาเป็นศิลปินระดับโลกได้เลยทีเดียว 

Vannda คือหนึ่งในนั้น แร็ปเปอร์หนุ่มวัย 25 ปี จากประเทศกัมพูชา ที่รับเอาวัฒนธรรมดนตรีฮิปฮอปเข้ามาแบบลงลึกถึงชั้น DNA เขาได้กลายเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย หลาย ๆ แทร็กมียอดเข้ารับชมถล่มทลายหลายสิบล้านวิว 

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้พูดคุยกับ Vannda และเราทำได้ วันนี้ UNLOCKMEN ขอพาทุกคนไปทำความรู้จักตัวตนและแนวคิดของ Vannda ให้มากกว่าเดิม ผ่านเรื่องราวที่ส่งออกมาจากบทเพลงของผู้ชายคนนี้กันครับ


VannDa หรือ Mann VannDa เกิดมามีชีวิตที่ไม่แตกต่างจากเด็กธรรมดาทั่วไป ผู้ใหญ่ภายในบ้านต่างคาดหวังให้เขาเติบโตไปมีการมีงานที่ดี อยากให้เป็นนักธุรกิจ เป็นหมอ หรือเป็นทนายความ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ได้มาเจอกับดนตรีฮิปฮอป

“ตอนผมอายุ 6 ขวบ ผมชอบฟังเพลงจากเครื่องเล่น MP3 มาก ๆ จนมีอยู่วันหนึ่ง วันดี พี่ชายของผมได้แนะนำให้รู้จักกับเพลงฮิปฮอป หลังจากนั้นเป็นต้นมาผมก็เลยกลายเป็นคนที่ชื่นชอบฮิปฮอปไปเลย ผมชอบมันมากครับ”

นี่คือจุดเริ่มต้นง่าย ๆ กับเส้นทางความฝันที่ย่ิงใหญ่ของ VannDa


หลังจากที่ค้นหาตัวตนเจอ Vannda จึงมีความมุ่งมั่นที่ต้องการก้าวขึ้นมาเป็นแร็ปเปอร์ให้ได้ เขาตัดสินใจทิ้งบ้านของตัวเองไว้ข้างหลังและออกเดินทางไปยังกรุงพนมเปญ เมืองหลวงของประเทศกัมพูชา พร้อมกับเงินเพียง 3,000 บาท แม้จะต้องยอมมีปัญหากับครอบครัวเพราะความไม่เข้าใจ พวกเขาไม่คิดว่า VannDa จะประสบความสำเร็จบนเส้นทางดนตรีได้ แต่มันก็ไม่อาจหยุดยั้งแพชชั่นอันร้อนแรงที่สะท้อนผ่านแววตาของเขาได้เลย

“ตอนแรก ๆ ที่บ้านเขาไม่อยากให้เป็นนักร้องหรือแร็ปเปอร์เลยครับ ผมก็คิดว่าทำไมผมจะทำมันไม่ได้หล่ะ ผมแค่อยากไล่ตามความฝันของตัวเอง

ตอนผมออกจากบ้าน ผมมีเงินอยู่แค่ 100 เหรียญ ตอนนั้นผมรู้สึกอิสระ แต่ก็ยังไร้บ้านนะครับ บางครั้งก็ต้องอดอาหาร หรือบางครั้งก็ได้ออกไปเที่ยวได้เจอทั้งคนดีและไม่ดีปะปนกันไป แต่ผมก็ชอบใช้ชีวิตแบบนั้นมาก เพราะผมต้องการทำความฝันให้สำเร็จ พวกเราทุกคนต่างมีความฝันกันทั้งนั้นครับ

แม่ผมบอกว่าแกออกไปได้อาทิตย์เดียวเดี๋ยวก็กลับมาแล้ว แต่สุดท้ายผมก็เอาตัวรอดที่พนมเปญได้ แม้ตอนแรกจะมีปัญหากับที่บ้าน แต่ว่าตอนนี้พวกท่านเข้าใจแล้ว พวกเขาก็รักผมและคงมองว่าผมยังเด็กไปสำหรับพวกท่าน ตอนนี้คุณแม่ยังโทรหาผมทุกวันอยู่เลยครับ”


หลังจากที่บุกบั่นมาไล่ล่าความฝันถึงกรุงพนมเปญ VannDa รู้ตัวเองดีกว่าเขามีทักษะการเขียนเพลงซึ่งได้เรียนรู้มาจากความชื่นชอบในเพลงฮิปฮอป เขาเริ่มรู้ตัวว่าเขามีพลังวิเศษบางอย่างในตัวเองเมื่อช่วงปี 2016 จึงได้เริ่มต้นทำเพลง J+O ขึ้นมา และนี่คือก้าวแรกของการเป็นศิลปินของ VannDa

“ผมได้พูดคุยกับ BARAMEY โปรดิวซ์เซอร์คนปัจจุบันที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยมีมา เขาถามผมว่าอยากมาร่วมงานกันไหม ผมก็เลยได้มีโอกาสโชว์ผลงานเพลงตัวเองให้พวกเขาฟังกัน พวกเขาตื่นเต้นกันมากเมื่อได้ฟังผลงานของผม

ผมเป็นเด็กที่ไม่พูดเยอะครับ แต่เน้นทำให้เห็นซะมากกว่า นั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงอยากจะแสดงให้พวกเขาเห็นว่านี่คือตัวผม แล้วสุดท้ายผมก็เซ็นสัญญากับ BARAMEY มาจนถึงทุกวันนี้ และเป็นสิ่งที่ทำให้ผมมีวันนี้ด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นผมคิดว่า J+O เป็นเพลงที่ดีที่สุดจากผม เพลงที่ทำให้ผมได้รู้จักกับเสียงของตัวเอง เพลงที่ทำให้ทุกคนได้รู้จักว่า Vannda คือใครครับ”


$KULL THE ALBUM คือผลงานอัลบั้มแรกของ VannDa วางแผงไปเมื่อปี 2020 เขาใช้เวลาทำนานถึง 4 ปี มันอัดแน่นไปด้วย 18 เพลง และคำว่า “$KULL” ยังแฝงความหมายไว้ทั้งหมด 3 คำ คือ “IF I DIE (ถ้าฉันตาย)” 

“เนื้อหาในเพลงผมเขียนเกี่ยวกับความรู้สึกทุกอย่างของผม ทุกอย่างที่ออกมาคือความจริง ไม่มีการโกหก มีแต่ความใสสะอาดบริสุทธิ์ ผมพยายามจะมอบแต่เพลงดี ๆ ให้ผู้คน และสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเขา ไม่ใช่ต้องมาเป็นแบบผมนะ แต่เป็นตัวของตัวเองนั่นแหล่ะ ลุยไปให้สุด

ผมใช้เวลานานมากในการทำอัลบั้มให้เสร็จ และก็ปล่อยมันออกมาช่วงโควิดพอดี ช่วงนั้นมันไม่มีงานคอนเสิร์ต ไม่มีอะไรเลย ผมแค่อยากจะปล่อยอัลบั้มเพราะอดใจรอไม่ไหวแล้ว มันผ่านมา 4 ปี ผมทำได้แค่เพียงฟังมันทุกวัน ถ้าผมไม่ได้ปล่อยมันจะรู้สึกราวกับโดนฆ่าอยู่ทุกวันเลย จะปล่อยออกมาถึงจะไม่โอเคก็ไม่เป็นไร แต่แล้วมันก็ตู้ม!”

ตู้ม! ของ VannDa หมายถึงผลตอบรับที่กลับมาเกิดคาด ทุกคนต่างตกตะลึงกับผลงานของ VannDa หลายคนคาดเดาว่าเขาจะต้องมีคนช่วยแต่งเพลงและทำเพลงด้วยแน่นอน แต่แท้ที่จริงแล้วผลงานทั้งหมดมันออกมาจากมันสมองของ VannDa เอง ก็จะมีแค่เพียง Songha ที่รับหน้าที่ในการมาสเตอร์ริงเพลง รวมไปถึง Mut Phearin ศิลปินเพื่อนร่วมวงการที่มีส่วนร่วมกับอัลบั้มนี้ (ไม่รวมศิลปินรับเชิญ)


“Mama” เป็นอีกหนึ่งบทเพลงของ VannDa ที่ได้รับความนิยม โดยเพลงนี้เขาได้ Kmeng Khmer มาร่วมแจมด้วย ซึ่งเนื้อหาในเพลงนี้พูดถึงความรักความห่วงใยที่มีต่อคุณแม่นั่นเอง 

“ย้อนไปปี 2017 ผมเขียนเพลง Mama ขึ้นมา แล้วส่งไปให้คุณแม่ทาง Messenger บน Facebook ซึ่งคุณแม่ตอบกลับมาแค่เพียงไอคอนรูปชูนิ้วโป้ง แต่ผมขอเล่าย้อนไปเมื่อปี 2009 หน่อยนะครับ ตอนนั้นผมเคยเขียนเหมือนบทกลอนขึ้นมาแล้วเอาไปให้คุณแม่ดู ซึ่งคุณแม่ก็ยกนิ้วโป้งพร้อมกับยิ้มให้ผม มันเหมือนกับตอนที่ผมส่งเพลง Mama ให้ฟังเลย แต่สิ่งนี้แหละที่คอยย้ำเตือนผมทุกวันให้คอยทำแต่เพลงดี ๆ ออกมา 

ทุกคำที่เธอพูดคอยย้ำเตือนผมทุกวันให้หลีกเลี่ยงยาเสพติด อย่าทำเรื่องชั่ว ๆ คอยผลักดันให้ผมทำเรื่องที่พัฒนาขึ้นไปอีกระดับ เธอคนนี้แหละบิ๊กแฟน ท๊อปแฟน และแฟนคนแรกเลย ผมรักแม่มาก ๆ ครับ”

ภาพจากแฟนเพจ VannDa

ในส่วนของพาร์ตแขกรับเชิญ VannDa มองว่าเสียงร้องของ Kmeng Khmer เหมาะกับเพลงนี้มาก จึงได้ชักชวนมาร่วมทำโปรเจกต์นี้จนได้รสชาติใหม่ ๆ ทางดนตรีออกมา ซี่งปัจจุบันยอดวิวของเพลง “Mama” ทะลุไปถึง 67 ล้านวิวแล้ว


“Time To Rise” คือบทเพลงสร้างชื่อให้ VannDa เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก มีเหล่าบรรดายูทูปเบอร์มากมายที่นำ MV ไปรีแอคจนเกิดกลายเป็นกระแสไวรัลแทบจะทุกช่องทางของโซเชียลมีเดีย

ความพิเศษของเพลงนี้คือการนำดนตรีฮิพฮอพและการร้องแร็ปมาผสมผสานกับดนตรีพื้นบ้านที่สะท้อนวัฒนธรรมอันสวยงามของประเทศกัมพูชา เติมเต็มด้วยเสียงร้องของอาจารย์ กง ไณย ที่มาพร้อมกับเครื่องดนตรี ‘จะเป็ยฏ็องแวง’ (เครื่องดนตรีคล้ายกีตาร์แต่มี 2 สาย) ช่วยบรรเลงเสน่ห์ของดนตรีพื้นบ้านให้เข้ากับดนตรีร่วมสมัยได้อย่างลงตัว

อาจารย์กง ไณย ถือเป็นศิลปินระดับตำนานของกัมพูชา เขาถูกยกย่องให้เป็น “เรย์ ชาลส์แห่งเขมร” เพราะเขาสูญเสียดวงตาไปตั้งวัย 3 ขวบ เนื่องจากป่วยเป็นไข้ทรพิษ และอาจารย์ยังเคยเกือบถูกสังหารในยุคเขมรแดงมาแล้ว แต่สุดท้ายเขาก็รอดพ้นมาได้และใช้ชีวิตมาถึงปัจจุบัน จนได้มาร่วมงานกับ VannDa

“เดิมที ‘Time To Rise’ มันถูกทำมาเป็นแบบเรื่องสั้นหรือหนังสั้นครับ พวกเราได้นำเอา ‘จะเป็ยฏ็องแวง’ มาใส่ไว้ในเพลงแต่มันก็ยังรู้สึกว่าเหมือนขาดอะไรไป ผมก็เลยได้ลองปรึกษากับ CEO ของผม Laura Mam เขาก็เลยแนะนำให้ติดต่อกับอาจารย์กง ไณย ผมก็ตอบอย่างไม่คิดเลยว่า ‘เอาดิครับ’ ผมว่าเขาจะต้องยกดนตรีของเราขึ้นไปอีกระดับได้แน่นอน

พออาจารย์มาถึงเขาก็นั่งเล่นแบบฟรีสไตล์ยาว ๆ เลย 3 ชั่วโมง พวกเราก็ลองเอามาดัดแปลงมันให้สมบูรณ์แบบ ซึ่งอาจารย์เขาก็ชอบที่ได้ทำแบบนี้ด้วยนะครับ แต่มันก็น่าเสียดายมาก ๆ เลยที่อาจารย์ไม่สามารถชม MV เพลงนี้ได้ เขาเดินมาแตะไหล่ผม คอยมาถามว่าเขาดูดีไหมใน MV, แว่นตาเขาเป็นยังไงบ้าง เขาถามผมหลายเรื่องเลย มันทำให้ผมรู้สึกเศร้าจนร้องไห้ออกมาเลยครับ”

VannDa ยังได้เล่าถึงเรื่องราวของเพลง “Time To Rise” เพิ่มเติมว่า

“ผมได้เรียนรู้เรื่องประวัติศาสตร์และหลาย ๆ เรื่องก่อนที่ผมจะเริ่มเขียนเพลงนี้ ผมใช้เวลา 1 เดือนเพื่อเขียนเพลงนี้ อีก 1 เดือนเพื่อผลิตเพลงนี้ออกมา ใช้เวลาเยอะมาก แต่ผมก็มีความสุขที่จะทำมัน เพราะก็คงไม่มีใครทำถ้าผมไม่ทำ คนบางคนสนใจแต่ตัวเอง ทำไมคุณไม่ลองพาคนรุ่นเก่าเดินไปคุณด้วยหละ

ผมรู้สึกว่าผมต้องไปกับอาจารย์กง ไณย เพราะเขาเป็นตำนานสำหรับผม เขาเป็นตำนานสำหรับทุกคน เขาคือพระเจ้า พวกเราต้องเคารพเขา เขาผ่านอะไรมาเยอะมาก ทั้งการล่าอาณานิคมในอดีต เขมรเองก็เกิดสงครามมากมาย เลือดเขมรมีอยู่ทั่วประเทศ นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขมรเป็นนักสู้ที่ไม่เคยยอมแพ้ และเครื่องดนตรีเขมรคือจิตวิญญาณของผม คือหัวใจ และอยู่ในสายเลือดของผม ผมไม่สามารถลืมชาติเกิดของตัวเองได้ครับ”


โปรเจกต์ที่เรียกเสียงฮือฮาให้กับวงการฮิปฮอปไทยและกัมพูชาได้เป็นอย่างดี “Run The Town” เป็นการร่วมงานระหว่าง VannDa, F.Hero, 1Mill, Sprite และ BARAMEY ซึ่งจะปล่อยเพลงให้ฟังอย่างเป็นทางการในวันที่ 22 เมษายน 2022

ทาง VannDa ยอมรับว่าภาพลักษณ์ของ F.Hero อาจจะดูน่าเกรงขามไปซักหน่อย แต่พอได้มาร่วมงานกันก็พบว่าจริง ๆ แล้วกอล์ฟเป็นคนที่น่ารัก ให้เกียรติตัว VannDa มาก ๆ ทำให้เขารู้สึกชอบกับการทำงานในครั้งนี้ไปด้วย

นอกจากศิลปินที่มาร่วมงานแล้ว VannDa ยังให้ความ Respect ศิลปินไทยอีกหลายคน ไม่ว่าจะเป็น Youngohm, Thaitanium, URBOYTJ, Younggu เป็นต้น


ไม่ใช่เฉพาะในไทยที่ดนตรีฮิปฮอปได้รับความนิยมเป็นลำดับต้น ๆ ในประเทศกัมพูชา ณ เวลานี้ก็ไม่ต่างกัน และก็ต้องยอมรับว่า VannDa คือส่วนหนึ่งในการปลุกกระแสดนตรีฮิปฮอปให้ลุกโชนในบ้านเกิดของเขา

“ผมพูดได้เลยว่าตอนนี้ถึงตาของเพลงฮิปฮอปแล้วครับ มันเติบโตขึ้นอย่างมากในกัมพูชา ขนาดแม่ พ่อ ลุง ครอบครัวต่างก็ชอบดนตรีฮิปฮอปเพราะผม มันก็เกิดขึ้นแล้ว ตอนนี้ฮิปฮอปดังมากแล้ว แต่ละเพลงของศิลปินอื่น ๆ ที่ปล่อยออกมามันมีการวางแผนเอาไว้เยอะมาก ทำให้เรามีแร็ปเปอร์มากความสามารถในประเทศ และผมก็ชอบเห็นคนที่ทำงานกันอย่างหนัก มันเป็นการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่สำหรับเขมเลยครับ”


ความสำเร็จของ VannDa ในวันนี้ มันไม่ได้มาด้วยความง่ายอย่างแน่นอน เพราะจากที่เราได้พูดคุยกับเขามาก็จะเห็นได้ว่า VannDa ทุ่มเท ทำงานหนัก และเสียสละมากขนาดไหนกว่าที่จะก้าวมายังจุดนี้ได้

“ความสำเร็จของผมมันไม่มีความลับหรอกครับ ผมบอกคุณได้ว่าคุณแค่ต้องตั้งใจทำงาน อย่าทำตัวมีอีโก้สูง เคารพทุกคนรอบตัว เรียนรู้จากทุกสิ่งทุกอย่าง คุณต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากแล้วคุณก็จะได้เป็นคนชั้นยอดครับ”


VannDa ฝากมาบอกกับทุกคนว่าเขากำลังจะมีอัลบั้มใหม่ที่ใช้ชื่อว่า “$KULL 2” ซึ่งจะรวบรวมเพลงเอาไว้เยอะมาก ทำให้ต้องแบ่งเป็นทั้งหมด 2 พาร์ต โดยพาร์ตแรกจะปล่อยในวันที่ 20 พฤษภาคม 2022 แฟน ๆ ห้ามพลาดเด็ดขาด


ใครยังอ่านไม่จุใจ เตรียมพบกับวิดีโอสัมภาษณ์พร้อมกับเรื่องราวเพิ่มเติมได้ทางแฟนเพจ :UNLOCKMEN ในวันที่ 23 เมษายน 2022

ทาง Unlockmen ต้องขอขอบคุณ VannDa และทีมงานที่สละเวลาให้กับเราได้เข้าไปทำความรู้จัก, ขอบคุณทางทีม PR ค่าย High Cloud Entertainment ที่ช่วยประสานงานและอำนวยความสะดวกด้วยครับ

 

Photographer : Krittipas Suttikittibut

JEDDY
WRITER: JEDDY
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line