Entertainment

อุ่นเครื่องเทศกาลออสการ์ 2021 กับ 10 ภาพยนตร์โดดเด่นที่ได้เข้าชิงรางวัลประจำปีนี้

By: unlockmen March 19, 2021

แม้ว่าจะมาช้ากว่าปกติจากสถานการณ์โรคระบาด และหนังหลายเรื่องก็พากันเลื่อนอย่างไม่มีกำหนด แต่พิธีแจกรางวัลออสการ์ ในปีนี้ก็ยังคงจัดอยู่ ก็ยังเต็มไปด้วยหนังน่าดูมากมาย UNLOCKMEN จึงทำการรวบรวมหนังน่าดูจากการเข้าชิงให้ชมกันโดยคัดสรรหนัง 10 เรื่องที่น่าสนใจและไม่ควรพลาด เพื่อให้ทุกท่านไปรับชมกัน และมารอลุ้นผลกันในเช้าตรู่ของวันที่ 26 เมษายน นี้ เวลาประเทศไทย

Mank

หนังอัตชีวประวัติของนักเขียนบท / นักวิจารณ์ และนักวิชาการภาพยนตร์ Herman J. Mankiewicz หรือที่ผู้คนรู้จักเขาในชื่อ Mank ผู้อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์ที่เปรียบเสมือนครูของนักทำหนังทั่วโลกอย่าง Citizen Kane ที่จำลองเหตุการณ์ของฮอลลีวู๊ดยุคทองที่เรืองรองพร้อมไฟสงครามโลกครั้งที่ 2 รวมไปถึงการฉ้อฉลและกลลวงต่าง ๆ นานา เพื่อบอกเล่าถึงที่มาของหนังเรื่องยิ่งใหญ่เรื่องนั้น ที่ท้ายที่สุดชื่อของ Mank ก็โดน Orson Wells กลบบทบาทไปเสียมิด Mank จึงเป็นทั้งการชำรประวัติศาสตร์และการเชิดชูผู้อยู่เบื้องหลังอันสาปสูญนี้ให้โลกได้ประจักษ์

David Fincher นำบทภาพยนตร์ของผู้เป็นพ่อ Jack Fincher ที่เขียนเก็บไว้ตั้งแต่ยุค 90s นำมาขัดเกลาใหม่ และใช้เทคนิคการถ่ายทำที่โอลสคูลที่สุดเพื่อให้เข้าถึงบรรยากาศของฮอลลีวูดในยุค 1930s ไม่ว่าจะเป็นขนาดภาพ / การจัดแสง ไปจนถึงการบันทึกเสียง และการทำให้มันเป็นหนังาว-ดำ มันจึงแสดงถึงความสุดขั้วในเทคนิคการนำเสนอ ไม่ใช่เพียงเทคนิคเท่านั้นที่โดดเด่นจนสามารถนำพาให้หนังเรื่องนี้เข้าชิงในหลาย ๆ ภาคส่วน แต่การแสดงอันแสนโอหังของ Gary Oldman ที่รับบทนักเขียนสุดฉาวนี้ก็ตีบทได้กระจุย จนพาตัวเองเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำฝ่ายชายอีกครั้ง หลังจากประสบความสำเร็จจนคว้ารางวัลออสการ์ในบท Winston Churchill จากหนัง Darkest Hour (2017) และ Amanda Seyfried นักแสดงสาวสวยที่แม้จะผ่านงานมาหลากหลาย แต่ก็ไม่เคยได้เข้าชิงรางวัลออสการ์กับเขาเสียที ครั้งนี้คือครั้งแรกที่เธอได้รับเกียรตินั้นในบทบาทนักแสดงสาว ที่กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ Mank ได้นำเรื่องราวของเธอไปใส่ในบทหนัง

Mank จึงเป็นการผสมผสานความแปลกใหม่ในเทคนิคการสร้าง การเล่าเรื่องขั้นเทพ และการแสดงรับยอดฝีมือเอาไว้ด้วยกัน จนทำให้หนังได้เข้าชิงเยอะที่สุดในเวทีออสการ์ครั้งนี้ โดยเข้าชิงถึง 10 รางวัล ก็มาดูกันว่า ในที่สุด David Fincher จะคว้ารางวัลสมใจหรือไม่ หลังจากพลาดหวังมาแล้วถึง 2 ครั้ง

สามารถรับชมได้ใน Netflix
สาขาที่เข้าชิง
Best Picture / Best Director – David Fincher / Best Actor – Gary Oldman
Best Supporting Actress – Amanda Seyfried / Best Production Design
Best Cinematography / Best Costume Design / Best Makeup and Hairstyling
Best Original Score / Best Sound


Minari

จากปีที่แล้ว ที่ Parasite ได้ทำลายกรอบแห่งการดูหนังชั่วนาตาปีของชาวฮอลลีวูด ด้วยการคว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมอย่างสมเกียรติ เพียงปีเดียวหนังลูกครึ่งอเมริกัน-เกาหลี ก็สามารถเฉิดฉายบนเวทีได้ครั้งอย่างมหัศจรรย์

เรื่องราวจากเศษเสี่้ยวแห่งความทรงจำในวัยเด็กของผู้กำกับ Lee Isaac Chung เล่าเรื่องราวของครอบครัวชาวเกาหลี ที่อพยพย้ายถิ่นสู่ดินแดนแห่งเสรีภาพ โอกาส และความฝัน เพื่อมาทำไร่ในดินแดนที่ไม่คุ้นเคย ความต่างทางวัฒนธรรม การบรรลุถึงความฝันในแบบ American Dream ที่ไม่อาจมาง่าย ๆ  และช่วงเวลาแห่งความใจสลายที่กลายมาเป็นหนังสุขเหงา ๆ เศร้างาม ๆ เรื่องนี้ สร้างเสียงชื่นชมจากนักดูหนังตั้งแต่ตอนฉายในเทศกาลซันแดนซ์ และเก็บเกี่ยวความประทับใจจนได้เฉิดฉายในเวทีออสการ์ครั้งล่าสุด

Steven Yeun 1 ใน 2 นักแสดงชาวเอเชียที่สามารถฝ่าฟันจนเป็น 1 ในนักแสดงชายที่ได้เข้าชิงในสาขานำชายยอดเยี่ยม ลูกครึ่งเกาหลี-อเมริกันที่คอซีรีส์รู้จักกันดีจากบทบาทในซีรีส์ The Walking Dead เล่าถึงความภาคภูมิใจในการเข้าชิงกับ New York Times ว่า “รู้สึกดีใจที่ในที่สุดการแบกรับตัวตนในฐานะตัวแทนของเอเชียก็ถึงที่หมายเสียที มันคือความท้าทายที่ยอดเยี่ยมมาก…ตอนที่ผมได้อ่านบทนี้ รู้สึกสะเทือนใจ และผมก็เชื่อมโยงความรู้สึกนี้ได้อย่างลึกซึ้ง Lee Isaac Chung อาจจะไม่ได้เขียนอะไรแปลกใหม่ แต่สิ่งที่เขาเขียนคือความจริงที่สวยงามที่สุด”

Minari ได้เข้าชิงรางวัลถึง 6 รางวัล รวมไปถึงสาขาหนังยอดเยี่ยมและผู้กำกับยอดเยี่ยมอีกด้วย มาดูกันว่า ครอบครัวสู้ชีวิตจะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้เท่ากับครอบครัว Parasite เหมือนปีที่แล้วหรือไม่

เข้าฉายในไทย 1 เมษายนนี้

สาขาที่เข้าชิง
Best Picture / Best Director – Lee Isaac Chung / Best Actor – Steven Yeun
Best Supporting Actress – Youn Yuh-jung / Best Original Screenplay / Best Original Score


Nomadland

จากเรื่องที่แล้วพูดถึงครอบครัวที่มาตั้งรกรากในอเมริกา แต่เรื่อง Nomadland กลับเสมือนขั้วตรงกันข้าม เมื่อหนังเล่าเรื่องราวของสาวไร้รากในวัย 60 ที่ชีวิตพลิกผันสูญเสียทั้งงานและคนรักจนสุดท้ายเธอก็เลือกทุบกระปุกที่ต้งใจใช้ในวัยเกษียณซื้อรถ RV บุโรทั่งและออกเดินทางทางบนโลกกว้างอย่างไร้จุดหมาย หนังได้นักแสดงยอดฝีมือที่เคยคว้ารางวัลออสการ์มาแล้วถึง 2 ตัวอย่าง Frances McDormand มาแสดงนำ และทำหน้าที่โปรดิวส์เซอร์ ซึ่งหากเรื่องนี้เธอคว้ารางวัลอีกจะกลายเป็นเทพี 3 ออสการ์ สร้างสถิติเป็นนักแสดงหญิงที่คว้ารางวัลมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ทันที (นักแสดงที่ครองอันดับ 1 ตลอดกาลคือ Katharine Hepburn ที่คว้ารางวัลออสการ์ถึง 4 ตัว) ผลงานก่อนหน้านี้ที่เธอคว้ารางวัลได้แก่ Fargo (1997) และ Three Billboards Outside Ebbing, Missouri (2018)

แต่ถึงจะยังไม่รู้ผล แต่ผู้กำกับสาวอย่าง Chloé Zhao ก็ครองตำแหน่งผู้เข้าชิงมากที่สุดแห่งปีไป เธอมีชื่อเข้าชิงทั้งในหนังยอดเยี่ยม (เธอเป็นผู้อำนวยการสร้าง), ผู้กำกับ, ผู้เขียนบทดัดแปลง และ ผู้กำกับภาพ ซึ่งผู้กำกับเชื้อสายจีนคนนี้ที่เพิ่งคว้ารางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากเวทีลูกโลกทองคำมาหมาด ๆ จะมีผลงานเรื่องต่อไปนั้นคืองานซูเปอร์ฮีโรจากค่าย Marvel นั่นก็คือ Eternals ที่วางกำหนดฉายในปลายปี 2021 นี้

เรามาดูกันว่า ปี 2021 นี้จะเป็นปีของเธอหรือเปล่า จับตาดูกัน และอ้อนวอนค่ายหนังโปรดนำหนังเรื่องนี้มาฉายในโรงเถิดนะ

สาขาที่เข้าชิง
Best Picture / Best Director – Chloé Zhao / Best Actress – Frances McDormand
Best Adapted Screenplay / Best Cinematography / Best Film Editing


Judas and the Black Messiah

ในปีแห่ง Black Lives Matter อันคุกรุ่นนั้น หากไร้ซึ่งหนังของคนผิวสีที่เรียกร้องความถูกต้องก็คงจะไม่ได้ และ 1 ในหนังที่ยืนเด่นเป็นสง่าในการเข้าชิงรางวัลออสการ์ ไม่มีเรื่องไหนรุนแรงเท่าเรื่อง Judas and the Black Messiah อีกแล้ว

เรื่องราวที่สร้างจากเรื่องจริงของเหตุการณ์ในปี 1968 เมื่อ Fred Hampton รับบทโดย Daniel Kaluuya หัวหน้าพรรค Black Panther ได้ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจแสวงหาอิสรภาพ ความเป็นธรรมให้กับประชาชนชาวผิวสีในยุคที่ถูกกดขี่อย่างเลวร้าย พวกเขาจึงลุกฮือขึ้นประท้วง โดยไม่รู้ตัวว่าภายในพรรคนั้นมี William “Bill” O’Neal ที่รับบทโดย Lakeith Stanfield เป็นไส้ศึกที่รายงานความเคลื่อนไหวให้กับ FBI เพื่อแลกกับอิสรภาพ จนก่อเกิดโศกนาฏกรรมที่จารึกไว้ในประวัติศาสตร์การเมือง

ตัวหนังปลุกระดมให้คนผิวสีลุกขึ้นสู้เรื่องนี้ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ชม แม้จะออกฉายในโรงเพียงไม่นานก่อนจะลงสตรีมมิ่ง HBO แต่หนังก็ทรงพลังพอที่จะประกายความรู้สึกนึกคิดอันแรงกล้าของพลเมืองผิวสีที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากสังคมแม้กาลเวลาจะผ่านไปนานกว่า 50 ปีแล้วก็ตาม ซึ่งโดดเด่นทั้งการแสดงและบทเพลง Fight for You ของ H.E.R. นั้นก็ได้เข้าชิงรางวัลเพลงประกอบยอดเยี่ม ซึ่งเธอพึ่งคว้ารางวัล Song of the Year จาก Grammy Awards มาหมาด ๆ จากเพลง I Can’t Breathe ยิ่งทวีความน่าสนใจให้กับหนังเรื่องนี้เป็นทวีคูณ และโชคดีที่การได้เข้าชิงทำให้หนังเรื่องนี้ที่เดิมทีไม่มีกำหนดการเข้าฉายในเมืองไทย ได้เข้าฉายแบบเซอร์ไพรส์ในวินาทีสุดท้าย

เข้าฉายในไทย 22 เมษายนนี้
สาขาที่เข้าชิง
Best Picture / Best Supporting Actor – Daniel Kaluuya / Best Supporting Actor – LaKeith Stanfield
Best Original Screenplay / Best Cinematography / Best Original Song “Fight for You”


The Father

การเผชิญหน้ากับช่วงเวลาที่ร่างกายเริ่มค่อยสึกหรอ แม้มีลมหายใจแต่ไร้ซึ่งความทรงจำ ดูจะเป็นของหวานสำหรับนักแสดงที่ต้องการพิสูจน์ฝีไม้ลายมือในหนังดรามาอันแสนหนักหน่วงนี้ และผู้ที่ทำให้หนังที่เล่าเรื่องราวของชายวัยชราที่ต้องต่อสู้กับสภาวะของการดถอยของร่างกายและต้องใช้ชีวิตร่วมกับลูกสาวก็นำพาให้ Anthony Hopkins อาจจะคว้ารางวัลนำชายยอดเยี่ยมไปกอดได้เป็นหนที่ 2 หลังจากที่ท่านเซอร์ได้คว้ารางวัลนี้เมื่อปี 1992 หรือ 29 ปีที่แล้วจากหนัง The Silence of the Lambs ที่ทำให้คาแรคเตอร์ Hannibal กลายเป็น 1 ในคาแรคเตอร์ที่ติดตัวเขาตราบจนปัจจุบัน

แต่ถึงแม้โชคจะไม่เข้าข้าง ในขณะปัจจุบัน ท่านเซอร์ Anthony Hopkins ก็ได้ถือครองสถิติผู้เข้าชิงที่อายุมากที่สุดไปครองแล้ว นั่นก็คืออายุ 83 ปีนั่นเอง หากเขาคว้ารางวัลสำเร็จเขาก็จะชนะ Henry Fonda ที่คว้ารางวัลในตอนอายุ 76 ไปอย่างขาดลอย

ไม่ใช่เพียงการแสดงของท่านเซอร์เท่านั้นที่โดดเด่น แต่ Olivia Colman ผู้รับบทเป็นลูกสาวที่ต้องแบกรับปัญหาอันหนักอึ้งจากผู้เป็นพ่อ ที่มีดีกรี 1 รางวัล จากหนัง The Favourite (2019) ก็เข้าชิงในสาขาสมทบหญิงเช่นกัน The Father จึงเป็น 1 ในหนังที่แสดงศักยภาพทางการแสดงอันลุ่มลึก ในบทสุดร้าวราน ที่คอหนังไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

เข้าฉายในไทย 13 เมษายนนี้
สาขาที่เข้าชิง
Best Picture / Best Actor – Anthony Hopkins / Best Supporting Actress – Olivia Colman
Best Adapted Screenplay / Best Production Design / Best Film Editing


Sound of Metal

ความทรมานจากการที่หูค่อย ๆ ดับ ทำให้มือกลองสายฮาร์ดคอร์เหมือนตายทั้งเป็น เขาจำต้องแยกทางกับแฟนสาวทั้งในฐานะคนรักและเพื่อนร่วมวง ก่อนจะต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะคนหูหนวก ทำให้หนังเรื่องนี้บันทึกทั้งความเจ็บปวดชอกช้ำของชายหนุ่มที่ผิดหวังจากการทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อพิสูจน์ตัวตนในฐานะนักดนตรี และท่ามกลางความมืดดำของชีวิตเขาต้องคลำหาแสงสว่างเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่มันไม่ง่ายเลยยิ่งกับคนที่มีดนตรีฝังอยู่ในสายเลือดแบบเขา

หนังทุนต่ำสุดสะเทือนใจ ที่ไม่บ่อยนักจะสะท้อนชีวิตของนักดนตรีเมตัลใต้ดินเรื่องนี้ ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากเทศกาลภาพยนตร์ Toronto International Film Festival พร้อมทั้งแจ้งเกิดนักแสดงลูกครึ่ง อังกฤษ – ปากีสถาน ที่โลดแล่นบนจอมายาวนานแต่ไม่เคยฉายแสงความยอดเยี่ยมเท่าครั้งนี้อย่าง Riz Ahmed ให้เป็นที่รู้จักในหมู่คนดูวงกว้าง รวมไปถึง Paul Raci ที่โนเนมในวงการมานานจนฝีมือการแสดงทำให้เขาได้เข้าชิงในสาขาสมทบชายยอดเยี่ยมเช่นกัน

อีกสิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้โดดเด่นพอ ๆ กับการแสดงคือการมิกซ์เสียงให้คนดูรู้สึกได้ถึงสภาวะของคนหูดับ จากได้ยินไม่ค่อยชัดจนถึงไม่ได้ยินเลยได้บีบคั้นและแสนหดหู่อยู่ไม่ใช่น้อย จึงเป็น 1 ใน ไฮไลท์ที่นักดูหนังจะสายเมตัลหรือดราม่าก็ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ซึ่งข่าวแว่ว ๆ มาว่าเราอาจจะได้ดูเรื่องนี้ในโรงเพื่อรับอรรถรสของอาการหูดับได้อย่างเต็ม ๆ แต่หากไม่มีข่าวดีจริง ๆ ก็สามารถรับชมได้ทั้งทางสตริมมิ่งและระบบเช่าซื้อ

สามารถรับชมได้ใน Prime Video / เช่าหรือซื้อผ่าน Apple / เช่าผ่าน True ID.
สาขาที่เข้าชิง
Best Picture / Best Actor – Riz Ahmed / Best Supporting Actor – Paul Raci
Best Original Screenplay / Best Sound / Best Film Editing

 


Promising Young Woman

ในยุคที่ Oscar กลายเป็นเวทีเรียกร้องสิทธิทั้งสีผิว ชาติพันธุ์ ไปจนถึงเพศสภาพ จนเกิดเป็นกรณีถกเถียงกันในหลายต่อหลายปีผ่านมา แต่จะมีหนังเรื่องไหนที่หยิบยกเอาปัญหามาแปรรูปเป็นหนังได้เผ็ดร้อนเท่า Promising Young Woman คงไม่มีแล้ว มันไม่ใช่หนังเรียกร้องสิทธิสตรีในแบบที่เราเห็นทั่ว ๆ ไป แต่มันคือหนังตลกร้ายที่เล่าเรื่องการล้างแค้นอย่างเผ็ดร้อนเต็มไปด้วยสีสัน และความมันส์แบบหนังเลือดสาดที่ฉลาดลึกล้ำที่สุดในรอบหลายต่อหลายปีเลยทีเดียว

เรื่องราวของสาวเมาแอ๋ที่เรามักจะพบตามผับบาร์ที่สุดท้ายมักจะลงเอยด้วยการตื่นมาในสภาพเปล่าเปลือยกับชายแปลกหน้า แต่ในความเป็นจริงนั้นเธอแกล้งเมาและจัดการผู้ชายที่หาเศษหาเลยด้วยการล้างแค้นอย่างสาสมใจ เธอไม่ได้ล้างแค้นด้วยความสะใจ แต่เพราะปมที่เพื่อนรักของเธอถูกข่มขืนและไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกฏหมาย จึงทำให้เธอกลายร่างเป็นเครื่องจักรสังหารที่ต้องการจัดการความอยุติธรรมนี้ด้วยตัวเธอเอง

มันเป็นหนังที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ความโกรธเคือง และสีสันของวัฒนธป็อปที่สาดเข้ามาอย่างไม่ยั้ง Emerald Fennell ใส่จิตวิญญาณของหนังล้างแค้นที่มักจะทำเพื่อความสะใจให้กลายเป็นความลุ่มลึก มันจึงเป็นทั้งหนังอาร์ตที่มีสีสัน และหนังป็อป ๆ ที่มีคุณค่าในตัว ซึ่งเธอนั้นคือ 1 ใน 2 ผู้กำกับหญิงที่ได้ขึ้นแท่นชิงรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมนับเป็นประวัติศาสตร์ของเวทีออสการ์ที่หญิงสาวจะได้รับการยอมรับบนเวทีนี้

ขณะเดียวกัน Carey Mulligan ก็สลัดภาพลักษณ์ของสาวใส ๆ ที่เห็นจนชินตา ให้กลายร่างเป็นสาวมั่นที่พร้อมขย้ำเหยื่อผู้ชายด้วยแผนที่แสบทรวงได้อย่างถึงแก่นและกล้าหาญ Promising Young Woman จึงกลายเป็นหนังล้างแค้นที่คนดูลุกขึ้นยืนปรบมือให้เกรียวกราวนับตั้งแต่เทศกาล Sundance ที่ผ่านมาเพื่อบอกว่า “ถึงเวลาที่หนังพลังหญิงจะได้รับการปฏิวัติรูปแบบเสียที”

เข้าฉายในไทย 22 เมษายนนี้
สาขาที่เข้าชิง
Best Picture / Best Director – Emerald Fennell / Best Actress – Carey Mulligan
Best Original Screenplay / Best Film Editing


The Trial of the Chicago 7

Netflix ไม่ได้มีเพียง Mank เท่านั้นที่เป็นหนังไฮไลท์ และเรื่องราวการเมืองในปี 1968 ก็ไม่ได้มีเพียง Judas and the Black Messiah เท่านั้นที่โดดเด่น แต่ยังมีหนังอีกเรื่องที่มาช่วงชิงบนเวทีที่หลอมรวมเรื่องราวการต่อสู้อย่างดุเดือดในชั้นศาลเพื่อเล่าถึงตำนานของ 7 แกนนำที่นำพาอเมริกาสู่ความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงในหนัง The Trial of the Chicago 7 หนัง Courtroom Drama อันเข้มข้นที่เต็มไปด้วยบทสนทนาอันเฉียบแหลมจากการกำกับและเขียนบทของนักเขียนบทมือฉมัง Aaron Sorkin ที่เล่าถึงเหล่าฮิปปี้บุปผาชน และนักศึกษา ที่เรียกร้องความยุติธรรมในสังคมอเมริกันที่มีบาดแผลจากสงครามและการเหยียดชาติชังผิว แต่พวกเขากลับกลายเป็นอาชญากรทางการเมืองที่เป็นเสี้ยนหนามให้กับรัฐบาลที่พยายามยัดเยียดข้อหาให้กับพวกเขา (คุ้น ๆ มะ)

แม้ว่าหนังจะวนเวียนอยู่กับการว่าความในศาล และขับเคลื่อนด้วยบทสนทนาเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่เพราะไดอะล็อกอันคมคาย การแสดงในระดับแข็งปั๋ง โดยเฉพาะสายป่วนอย่าง Sacha Baron Cohen ที่คว้ารางวัลลูกโลกทองคำมาแล้วจากบทบาทนักประท้วงสายเกรียนอย่าง Abbie Hoffman ที่มีโอกาสที่จะคว้ารางวัลนี้บนเวทีออสการ์อยู่สูง ทำให้หนังเรื่องนี้ไม่ใช่เพียงหนังที่พูดถึงความยุติธรรมที่หายากยิ่งในยุคปัจจุบัน แต่มันยังปลุกพลังและความฮึกเหิมให้กับคนยุคปัจจุบันให้พบว่าบ้านเมืองนี้เคยมีอดีตที่ยิ่งใหญ่ของคนที่ลุกฮือเพื่อความยุติธรรมและเสรีภาพอยู่ด้วย แม้ว่า Netflix คงจะเน้นโปรโมท Mank เพื่อให้ได้รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แต่ไม่ได้หมายความว่าหนังเรื่อง The Trial of the Chicago 7 นี้จะไร้ซึ่งคุณค่า ตรงกันข้ามหากคุณดูแล้วรู้สึกโกรธเคืองกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า แปลว่าหนังเรื่องนี้ได้ปลุกจิตสำนึกอะไรหลาย ๆ อย่างให้กับตัวคุณซึ่งมันก็มีค่าอนันต์กว่ารางวัลไหนจะมอบให้อย่างแน่นอน

สามารถรับชมได้ทาง Netflix
สาขาที่เข้าชิง
Best Picture / Best Supporting Actor – Sacha Baron Cohen / Best Original Screenplay
Best Cinematography / Best Film Editing / Best Original Song “Hear My Voice”

 


Ma Rainey’s Black Bottom

2020 คือปีแห่งการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ และ 1 ในนั้นคือนักแสดงมากฝีมือที่จากไปอย่างไม่คาดคิด นั่นก็คือฝ่าบาทแห่ง Black Panther ซูเปอร์ฮีโร่ของคนผิวสี Chadwick Boseman ที่แม้ตัวจะจากไป แต่ก็ฝากผลงานการแสดงอันยิ่งใหญ่ให้ชมถึง 2 เรื่อง นั่นก็คือ Da 5 Bloods และ Ma Rainey’s Black Bottom ที่เรื่องหลังส่งให้เขาได้เข้าชิงรางวัลนำชายยอดเยี่ยมอย่างสมศักดิ์ศรี

เรื่องราวจากแรงบันดาลใจของศิลปิน ที่ถูกขนานนามว่าเป็นเจ้าแม่แห่งเพลงบลูส์ในตำนาน Ma Rainey ที่เล่าขานในช่วงเวลาหนึ่งวันแห่งการบันทึกเสียงบทเพลงในอัลบั้มใหม่ที่คนขาวได้ว่าจ้าง แต่ 1 วันนั้นเต็มไปด้วยความโกลาหลเพื่อที่จะบอกว่ามันไม่ง่ายเลยสำหรับการเป็นคนผิวสีที่อยู่ในสังคมที่ถูกแบ่งแยกและกีดกัน แต่แทนที่มันจะเป็นหนังที่แสดงถึงความทุกข์ตรมหม่นหมองในแบบหนังอย่าง 12 Years a Slave แต่หนังกลับเลือกเล่าด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยัน Viola Davis รับบทบาทแม่หญิงใหญ่ในวงการที่ปฏิบัติตัวราวกับราชินี และ Chadwick Boseman ผู้ล่วงลับก็มาในบทนักเป่าผู้ทะเยอทะยาน ทั้ง 2 แสดงให้เห็นภาพศิลปินที่สร้างสรรค์งาน ที่สีผิวไม่อาจกั้นขวางความเป็นอัจฉริยะนั้นได้ แม้จะถูกกีดกันทางสังคมสักเท่าไหร่ก็ตาม

แน่นอนว่าทุกคนต่างพากันเชียร์การแสดงของ Chadwick Boseman เพื่อให้รางวัลนี้เป็นเกียรติแห่งการแสดง แม้จะมีหลายคนบอกว่าการแสดงของอีก 4 คนที่เหลือนั้นก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน เราควรให้รางวัลกับคนที่ยังมีลมหายใจเพื่อเป็นกำลังใจให้เขาทำงานคุณภาพต่อไป ดีกว่ามาให้ตอนที่ยังไม่มีชีวิต ซึ่งมันก็นานาจิตตัง แต่บทบาทนักเป่าสุดซ่าของฝ่าบาทนั้นก็จะเป็นที่จดจำตลอดไปตราบนานเท่านาน

สามารถรับชมได้ทาง Netflix
สาขาที่เข้าชิง
Best Actor – Chadwick Boseman / Best Actress – Viola Davis
Best Production Design / Best Costume Design / Best Makeup and Hairstyling


Better Days

มีหนังอีกมากมายหลากหลายประเด็นที่เข้าช่วงชิงรางวัลออสการ์ แต่เรื่องสุดท้ายเราตัดสินใจขอเสนอหนังที่ฉายมานานแล้ว แต่กลับมาพูดถึงอีกครั้งเพราะได้เข้าชิงรางวัลหนังต่างประเทศยอดเยี่ยมอย่างเซอร์ไพรส์ นั่นก็คือ ตัวแทนผู้เข้าชิงจากประเทศฮ่องกง Better Days ที่เล่าเรื่องราวของ 2 วัยรุ่นที่สถานะสังคมแตกต่างอย่างสิ้นเชิง คนหนึ่งเป็นนักเลงชายขอบสังคม อีกคนเป็นนักเรียนที่ถูกบูลลี่และผลักไสจากสังคม หนังเมโลดรามาสไตล์ฮ่องกงขนานแท้ แต่ขุดถึงปัญหาของวัยรุ่นมาอย่างถึงรากถึงโคน หนังเสนอภาพความเลวร้ายทั้งระบบสังคมยุคใหม่ที่ความต่างทางชนชั้นผลักดันให้คนรากหญ้าไม่อาจมีความหวังในสังคม และคนที่ถูกกลั่นแกล้งก็เป็นตัวลงอยู่วันยันค่ำ

แม้หนังจะหลุดได้เข้าชิงแบบงง ๆ เพราะไม่มีกระแสในระดับโลกให้พูดถึงเท่าไหร่ แต่ในฐานะประเทศเพื่อนบ้านการได้เห็นหนังเรื่องนี้โดดเด่นจนสามารถเข้ารอบลึกของสาขาหนังต่างประเทศยอดเยี่ยม เราก็ขอเชียร์สุดใจให้หนังเรื่องนี้ได้คว้ารางวัลเกียรติยศในครั้งนี้

และเพราะการได้เข้าชิงรางวัล ทำให้หนังได้กลับมาฉายอีกครั้งที่โรงภาพยนตร์ House Samyan ใครอยากพิสูจน์ความยอดเยี่ยมก็เชิญสัมผัสกันได้

กลับมาฉายอีกครั้งที่ House Samyan
สาขาที่เข้าชิง
Best International Feature Film


ผู้เข้าชิงรางวัล Oscar ครั้งที่ 93 สาขารางวัลสำคัญ ๆ

Best Picture
The Father – David Parfitt, Jean-Louis Livi, and Philippe Carcassonne
Judas and the Black Messiah – Shaka King, Charles D. King, and Ryan Coogler
Mank – Ceán Chaffin, Eric Roth, and Douglas Urbanski
Minari – Christina Oh
Nomadland – Frances McDormand, Peter Spears, Mollye Asher, Dan Janvey, and Chloé Zhao
Promising Young Woman – Ben Browning, Ashley Fox, Emerald Fennell, and Josey McNamara
Sound of Metal – Bert Hamelinick and Sacha Ben Harroche
The Trial of the Chicago 7 – Marc Platt and Stuart Besser

Best Director
Lee Isaac Chung – Minari
Emerald Fennell – Promising Young Woman
David Fincher – Mank
Thomas Vinterberg – Another Round
Chloé Zhao – Nomadland

Best Actor
Riz Ahmed – Sound of Metal
Chadwick Boseman – Ma Rainey’s Black Bottom
Anthony Hopkins – The Father
Gary Oldman – Mank
Steven Yeun – Minari

Best Actress
Viola Davis – Ma Rainey’s Black Bottom
Andra Day – The United States vs. Billie Holiday
Vanessa Kirby – Pieces of a Woman
Frances McDormand – Nomadland
Carey Mulligan – Promising Young Woman

Best Supporting Actor
Sacha Baron Cohen – The Trial of the Chicago 7
Daniel Kaluuya – Judas and the Black Messiah
Leslie Odom Jr. – One Night in Miami…
Paul Raci – Sound of Metal
Lakeith Stanfield – Judas and the Black Messiah

Best Supporting Actress
Maria Bakalova – Borat Subsequent Moviefilm
Glenn Close – Hillbilly Elegy
Olivia Colman – The Father
Amanda Seyfried – Mank
Youn Yuh-jung – Minari

 

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line