10 สิ่งที่คุณไม่ควรทำเด็ดขาด หากต้องการจะประสบความสำเร็จในชีวิต

UNLOCKMEN เชื่อเหลือเกินว่าการประสบความสำเร็จถือเป็นเป้าหมายที่สำคัญในการดำเนินชีวิต หากชีวิตคุณไม่มีเป้าหมาย เช่นนั้นแล้วก็คงไม่ต่างกับการที่ทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ ดังนั้นเราจึงตระหนักที่จะทำทุกวิถีทาง พร้อมแนะนำความรู้ที่จะสามารถช่วยให้คุณทุกคนสามารถไปถึงจุดนั้นได้ ถึงแม้มันจะไม่ง่าย แต่หากคุณมีความอุตสาหะ ความใฝ่รู้ ใฝ่เรียน และที่สำคัญ มีฐานความรู้เป็นตัวช่วย ก็ย่อมไม่ต่างจากคนปีนเขาที่มีอุปกรณ์ทุ่นแรง ดังนั้นคุณสามารถเลือกได้ ว่าอยากจะปีนเขาตัวเปล่า หรืออยากได้อุปกรณ์เจ๋งๆ เป็นตัวช่วยนะครับ

และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งบทความ ที่อาจสามารถช่วยกระตุ้นพฤติกรรมต่างๆ เพื่อดึงให้คุณไปถึงเส้นชัยของชีวิตได้ ไม่แน่หากคุณได้ทำตามสิ่งที่เราแนะนำอย่างสม่ำเสมอ มันอาจพาคุณไปถึงจุดหมายความสำเร็จในชีวิตโดยที่คุณไม่รู้ตัวก็ได้นะครับ กับ 10 สิ่งที่คุณไม่ควรทำเด็ดขาด หากต้องการจะประสบความสำเร็จในชีวิต

1. Thoughtlessly waste other peoples’ time (มักทำให้ผู้อื่นเสียเวลา)

มาเริ่มกันที่ข้อแรกกันเลย สิ่งนี้ถือว่าสำคัญมากทีเดียว หากคุณอยู่ในธุรกิจ การที่ทำให้ผู้อื่นเสียเวลาถือเป็นการกระทำที่เสียมารยาทอย่างมาก เช่น การมาสายผิดเวลานัด เราอาจไม่รู้ว่าการมาสายของเราเพียง 15 นาที อาจทำให้ตารางเวลาทั้งวันของอีกฝ่ายผิดเพี้ยนไปหมด และแน่นอนว่าพฤติกรรมนี้ของคุณก็จะถูกเล่าผ่านไปปากต่อปาก และเป็นไปไม่ได้เลยว่ามันจะไม่มีผลเสียกับภาพลักษณ์ของคุณ

2. Ask for too much and especially too soon (มักถามคำถามมากเกินพอดี และถามเร็วเกินไป)

เรื่องของมารยาทในการพูด ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่เราควรตระหนักไว้ตลอดเวลา ไม่ว่าคุณจะประกอบอาชีพ หรืออยู่ในธุรกิจประเภทใดก็ตาม การที่คุณรู้จักวางจังหวะการพูดให้ถูกต้องกับกาละเทศะจึงเป็นสิ่งสำคัญอยู่เสมอ รวมไปถึงการถามคำถามเช่นกัน การที่คุณถามคำถามกับคู่เจรจาธุรกิจมากเกินงาม อาจทำให้ภาพลักษณ์ของคุณผิดเพี้ยน และถูกเข้าใจผิดไปได้โดยง่าย รวมทั้งการถามคำถามเร็วเกินไปก็เช่นกัน การที่คุณเริ่มถามคำถามเร็วเกินไป จะทำให้ส่อว่าคุณมีพฤติกรรมที่ดูผลุนผลันเกินไป ซึ่งก็จะส่งผลต่อภาพลักษณ์คุณเช่นกัน

3. Focus too much on people who don’t deserve you (มักใส่ใจคนไม่ดีที่ไม่คู่ควรกับคุณ)

“คุณจะไม่มีวันไปถึงจุดหมายปลายทาง หากคุณคอยหยุดเพื่อที่จะโยนก้อนหินใส่สุนัขทุกตัวที่เห่าใส่คุณ” เชื่อว่าคำพูดข้างต้นของนายกรัฐมนตรี วินสตัน เชอร์ชิล ผู้ที่เป็นคนพาอังกฤษได้รับชัยชนะในมหาสงครามโลกครั้งที่ 2 คงสามารถอธิบายเหตุผลของข้อนี้ได้ การที่คุณคอยแต่จะรั้งตัวเองเพื่อไปต่อกรกับคนที่คอยมารังควานคุณ คุณก็จะไม่มีวันไปถึงเส้นชัยแน่นอน สิ่งที่คุณควรทำก็คือเมินพวกเขาทั้งหลายซะ แล้วมุ่งหน้าไปถึงเส้นชัยให้ได้นั่นเอง

4. Not always characterize people (มักไม่คัดกรองบุคคลที่เข้ามาในชีวิต)

การคัดกรองผู้คนเข้ามาในชีวิต ก็ถือเป็นอีกหนึ่งกระบวนการสำคัญที่จะมีส่วนช่วยให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายในการประสบความสำเร็จในชีวิตได้ เพราะการที่เราจะไปถึงจุดนั้นได้ ย่อมต้องประกอบไปด้วยสภาพแวดล้อมของเราด้วย ดังนั้นการที่เราเลือกว่าคนไหนที่เราควรใส่ใจ และคนไหนที่เราไม่ควรใส่ใจก็ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ควรคำนึงถึงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เด็ดขาด

5. Ask a question so you can talk (ให้เริ่มบทสนธนาในเรื่องที่มีฐานความรู้)

การที่เราจะแสดงให้คู่เจรจาธุรกิจเชื่อมั่นในตัวเรา จำเป็นที่จะต้องให้เขาเล็งเห็นถึงฐานข้อมูล และความรู้ที่เรามีอยู่ ดังนั้นในการสนธนา เมื่อเรามีสิทธิ์เป็นฝ่ายเปิดหัวข้อการสนธนาบ้าง การที่เราเลือกเรื่องที่เรามีฐานความรู้อยู่พอสมควรจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่สุด นอกจากจะสามารถแสดงความฝักใฝ่ความรู้ด้านนั้นของเราให้อีกฝ่ายรู้แล้ว ยังสามารถช่วยให้การสนทนาลื่นไหลไปอย่างเป็นธรรมชาติ

6. Pull the “Do you know who I am?” (อย่าใช้ประโยค “รู้ไหม ผมเป็นใคร”)

ถึงแม้ว่าในยุคนี้อาจจะไม่มีใครใช้ประโยคนี้กันแล้ว นอกจากที่จะดูตกยุค และบรรดาคอมเมเดี้ยนเอาไปล้อเลียนจนกลายเป็นเรื่องขำขัน แต่อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าพฤติกรรมทำนองนี้ก็ยังมีอยู่ในสังคมมากมายถึงแม้ว่าตัวคำพูดอาจจะเปลี่ยนไปบ้าง แต่ใจความและความหมายของผู้พูดก็ยังคงเดิม ดังนั้นหากคุณอยากจะเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตแบบมีคนเคารพ และคนรัก ก็ควรหลีกเลี่ยงประโยคเหล่านี้ไว้ให้ดี เพราะการที่คุณพูดประโยคในทำนองเบ่งอำนาจแบบนี้ไปครั้งเดียว อาจทำให้ภาพลักษณ์แท้จริงของคุณถูกบดบังไปโดยไม่รู้ตัว

7. Forget to dial it back (ติดนิสัยลืมโทรกลับ)

ในโลกของการเจรจาธุรกิจ การให้เกียรติถือเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก รวมควรจะให้เกียรติคู่เจรจาอย่างสม่ำเสมอและเท่าเทียม ดังนั้น ถึงแม้ว่าคุณจะมีงานยุ่ง หรือธุระพันตัวขนาดไหน เมื่อคุณสัญญากับใครจะทำการโทรศัพท์กลับหาพวกเขา ก็ควรประพฤติตามคำสัญญาอย่างเคร่งครัด โดยให้คำนึงถึงว่า การที่เขาโทรมาหาเรา ก็ถือเป็นการสละเวลาที่มีค่าของเขา ดังนั้นเราก็ควรที่จะให้เกียรติในส่วนนั้นด้วยเช่นกัน

8. Mistake self-deprecation for permission (มักขาดการบาลานซ์บุคลิกภาพ)

เรื่องของบุคลิกภาพเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการสร้างความน่าเชื่อถือ ถ้าคุณสร้างบุคลิกภาพที่แสดงถึงความมุ่งมั่น และสามารถไว้วางใจได้ คู่เจรจาก็จะมีความเชื่อมั่นในตัวคุณ แต่ถ้าหากคุณสร้างบุคลิกภาพที่เหลาะแหละ และแสดงออกถึงความไม่แน่นอน รวมไปถึงติดนิสัยขี้เล่นเกินพอดี ก็ไม่แปลกที่คู่เจรจาอาจจะหันไปหาคนอื่นที่มีความน่าเชื่อถือมากกว่าคุณ ดังนั้นการวางตัวที่ถูกต้องที่สุด คือรู้จักเวลาว่า เวลาไหนควรเล่น และเวลาไหนควรจริงจัง ถ้าคุณวางตัวตามคำแนะนำของเรา เชื่อว่าไม่ว่าจะคู่เจรจาเป็นใคร ก็ย่อมไว้วางใจในตัวคุณได้ไม่ยากแน่นอนครับ

9.  Humblebrag (มักไม่อ่อนน้อมถ่อมตน)

การอ่อนน้อมถ่อมตน ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับบุคคลอื่นได้ หากเรามักละเลยที่จะทำตัวให้มีความนิ่มนวลอยู่ในมารยาท ก็อาจสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีของตัวเองต่อสายตาคนอื่นได้ ดังนั้นหากเราต้องการที่จะผลักดันตัวเองให้เป็นที่ยอมรับในสังคม และมีคนรัก การอ่อนน้อมถ่อมตนก็ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ขาดไม่ได้

10. Push your opinions (มักไม่ค่อยพูดไอเดียออกไป)

สิ่งเดียวที่จะพิสูจน์ว่าไอเดียของคุณมีความเจ๋งพอหรือเปล่า ก็คือการพูดมันออกไป แล้วรับฟังคำวิจารณ์จากคนอื่น ถ้าไอเดียคุณดี คุณก็ได้คำชม แต่ถ้าไอเดียคุณไม่ดี อย่างน้อยสิ่งที่คุณได้รับก็คือคำวิจารณ์ที่สามารถเก็บเอาไปปรับปรุงแก้ไขก็ได้ ดังนั้น หากคุณมีความคิดหรือไอเดียอะไรอยู่ในหัว จงพูดมันออกไปเพื่อแสดงศักยภาพให้คนอื่นเห็น เพราะถ้าคุณเก็บมันไว้กับตัว ก็จะไม่มีใครได้ยินไอเดียนั้นตลอดไปแน่นอน

อ่านจบแล้วเป็นอย่างไรกันบ้างครับ ใครเคยมีพฤติกรรมอะไรเหล่านี้อยู่ในตัวบ้าง เราเชื่อเหลือเกินว่าการปรับปรุงนิสัยบางส่วนเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต อาจทำให้บุคลิกภาพของคุณเปลี่ยนไปในสายตาของคนอื่นได้อย่างแน่นอนทันตาเห็น เพราะฉะนั้นบางทีบทความที่เราหยิบมาฝากกันวันนี้ คงให้ความรู้คุณได้ไม่มากก็น้อยนะครับผม

ข้อมูลบางส่วนจาก : businessinsider.com