

Life
10 เรื่องที่คุณอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับ Pablo Escobar ราชาโคเคนผู้ล่วงลับ
By: unlockmen June 26, 2017 66801
Pablo Escobar คือชื่อของราชาโคเคน อาชญากรที่ร่ำรวย และประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์การค้ายาเสพติด ซึ่งหากใครที่เป็นแฟนซีรีย์น่าจะพอผ่านตามากับเรื่องราวของเขามาบ้างใน Narcos โดยเรื่องราวของ Pablo Escobar ถือว่ามีการนำมาเล่าต่อกันในวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็นสารคดีหรือภาพยนตร์ที่ต่างหยิบยกนำเรื่องเขามาเล่นจนเราแทบจะไม่รู้ว่าอันไหนจริงอันไหนแต่ง แต่สิ่งที่ยืนยันได้อย่างหนึ่งคือ Pablo Escobar มีทรัพย์สินส่วนตัวอยู่ราว ๆ 3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (1.018 ล้านล้านบาท) จากธุรกิจมืดนี้ และเคยทำให้เขาติดอันดับมหาเศรษฐีจากการจัดอันดับโดย Forbes
จากประวัติอาชาญกรรมทั้งหลาย วันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN จึงได้นำ 10 เรื่องที่คุณอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับ Pablo Escobar มานำเสนอให้ทุกท่านได้รู้กันไว้เตือนใจว่าการไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมันไม่เคยมีจุดจบที่สวยงาม
Pablo Escobar แทบจะไม่เคยเห็นคุณค่าของชีวิตคนตั้งแต่ในวัยเด็ก เพราะหลังจากที่เขาลาออกจากโรงเรียน อาชญกรรมแรกที่เขาเลือกทำคือการขโมยหีบศพ ขุดเอาป้าย และโลงจากหลุมฝังศพ ไปขายต่อให้กับคนยากคนจน แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาได้ขยับความรุนแรงขึ้นไปเป็นการลักพาตัว และเรียกค่าไถ่จากคนรวยแทน
ความจริงแล้วในธุรกิจโคเคนของเขามีการจัดจำหน่ายโคเคนมากกว่า 70-80 ตันต่อวัน ด้วยกรรมวิธีการลำเลียงที่หลากหลาย ตั้งแต่การเคลือบน้ำยาสารเคมีไว้บนกางเกงยีนส์ ซึ่ง Pablo Escobar เองเป็นเจ้าของโรงงาน อีกทั้งการว่าจ้างนักบินอิสระร้อนเงินให้ขนไปหย่อนลงกลางทะเล หรือจะเป็นการใช้เรือดำในการขนโคเคนเข้าไปยังประเทศสหรัฐ
ซึ่งแม้รัฐบาลสามารถดักจับได้ แต่การสูญเสียจำนวนกว่า 55 ตัน ถือเป็นแค่ค่าดำเนินงานในการทำธุรกิจ เพราะโคเคนจำนวน 15 ตันต่อวันก็สามารถทำกำไรให้เขาอย่างมหาศาล
แม้ว่าภายใต้ธุรกิจนองเลือดที่เขาสังหารคนเป็นจำนวนมาก Pablo Escobar ก็ยังมีการนำเงินมาเพื่อช่วยเหลือคนจน และพัฒนาประเทศมากกว่าที่รัฐบาลโคลอมเบียทำอยู่เสียอีก เพราะ Pablo Escobar ใช้วิธีการปกครองธุรกิจแบบพระเดช พระคุณ ที่สร้างทั้งความ “รัก” และ ความ “กลัว” ซึ่งเขาดูเป็นเจ้านายที่ใจกว้าง คอยดูแลคนระดับรากหญ้าด้วยการสร้างที่พักอาศัย สร้างสนามฟุตบอล และโรงเรียนมากมาย เขาชอบทำบุญกับคนงาน ทำให้พวกเขาสามารถซื้อบ้านสร้างชีวิตให้กับตัวเองได้ คนจำนวนไม่น้อยรัก Pablo Escobar ถึงขั้นมีรูปถ่ายอยู่ในบ้านไว้เคารพบูชาราวกับเทพเจ้า
เมื่อทำให้รักไม่ได้ก็ต้องอยู่กันอย่างหวาดกลัว Pablo Escobar ใช้วิธีการจ่ายเงินใต้โต๊ะเพื่อให้ธุรกิจการค้ายารอดพ้นจากปัญหาที่ตามมา แต่สำหรับคนที่ไม่เห็นด้วยหรือขัดขืนเขาก็ใช้วิธีการอย่างง่ายคือความตาย ในช่วงสมัยของ Pablo Escobar อัตราการฆาตกรรมเพิ่มสูงเป็นสองเท่า แม้ตำรวจไม่อาจทำอะไรเพื่อจะหยุดยั้งมัน เพราะว่าหลักการที่ Pablo ใช้ในการดูแลอาณาจักรของเขาคือจะรับเงิน หรือจะเอาลูกตะกั่วแทน
ในช่วงเวลาที่รัฐบาลสหรัฐ และ โคลอมเบียร่วมมือกันกวาดล้างแก๊งค์ค้ายาของ Pablo Escobar อย่างหนักทำให้เขาต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปอยู่ยังเทือกเขาสูง เพื่อหลีกเลี่ยงการโดนจับกุม โดยมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ลูกสาวของ Pablo Escobar มีอาการภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติ (Hyporthermia) เขาจึงต้องรีบสร้างความอบอุ่นให้ลูกสาวด้วยการเผาสิ่งเดียวที่พอจะเผาได้และอยู่ใกล้มือที่สุด นั่นคือเงินสดจำนวน 2 ล้านเหรียญสหรัฐ เพราะสถานการณ์เช่นนั้นเงินคงช่วยอะไรเขาไม่ได้มาก
เนื่องจากความหวาดกลัวที่จะต้องถูกส่งตัวไปติดคุกที่ประเทศสหรัฐ Pablo Escobar จึงเสนอข้อตกลงกับรัฐบาลโคลอมเบียว่าจะยอมถูกจับ แต่มีข้อแม้ว่าคุกนั้นเขาต้องเป็นผู้เลือกสถานที่เอง ซึ่งทำให้เขาจัดการเนรมิตบ้านพักให้กลายเป็นคุกสุดไฮไซที่ชื่อ La Catedral เพราะภายในอุดมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันไม่ว่าจะเป็นสนามฟุตบอล ลานบาร์บีคิว สวนหย่อม อีกทั้งเขาต้องเป็นผู้เลือกเจ้าหน้าที่ดูแล และสามารถเชิญแขกมาเยี่ยมเยียนได้ เพื่อสามารถดำเนินธุรกิจตอนขณะถูกจำคุก แบบนี้อย่าเรียกว่าติดคุกเลยจะดีกว่า
หลังจากรัฐบาลของประธานาธิบดี Ronald Reagan ประกาศทำสงครามกับยาเสพติด ซึ่งเป้าหมายแรกคือการกวาดล้างธุรกิจโคเคนของ Pablo Escobar ทำให้เขาเกิดความหวาดกลัว จึงเสนอข้อแลกเปลี่ยนในการจำคุกที่เขาเป็นผู้เลือกเอง และอีกหนึ่งสิ่งที่ Pablo Escobar มอบข้อเสนอที่ทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากการจับคุม คือการช่วยจ่ายหนี้ให้กับรัฐบาลโคลอมเบียจำนวนกว่า 10,000 ล้านเหรีญสหรัฐ แต่รัฐบาลโคลอมเบียไม่รับข้อเสนอนี้ไว้ เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือแทน
ไม่มีใครสามารถหาข้อพิสูจน์เท็จจริงได้ว่า Pablo Escobar ครอบครองทรัพย์สินเป็นจำนวนทั้งหมดเท่าไหร่ แต่มีการคาดการณ์ว่าเขาสามารถทำเงินได้มากกว่าวันละ 60 ล้านเหรียญสหรัฐ และจากการจัดอันดับของนิตยสาร Forbes เคยเขียนไว้ว่า เขามีรายได้ราว ๆ 2 หมื่นห้าพันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ทำให้เขาเป็นเศรษฐีอันดับ 7 ของโลกนานถึง 7 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1987 ถึง 1993
วิถีชีวิตที่เสพติดกัญชาของ Pablo Escobar เริ่มต้นตั้งแต่อายุ 16 ปี เมื่อเขากำลังเรียนหนังสือ และนั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาตัดสินใจลาออกจากโรงเรียน และเริ่มเดินทางสู่เส้นทางอาชญากรรม ซึ่งเชื่อหรือไม่ว่าแม้ Pablo Escobar จะเป็นถึงราชาโคเคน แต่เขาแทบจะไม่แตะต้องมันเลย สิ่งที่อภิรมย์ใจจวบจนวาระสุดท้ายเขามีเพียงแค่อย่างเดียวนั่นคือ กัญชา
เชื่อหรือไม่ว่า Pablo Escobar มีเงินสดมากมายจนไม่รู้จะเอาไปเก็บไว้ไหน ซึ่งบ่อยครั้งทำให้เงินจำนวนมหาศาลนั่นถูกหนูแทะ น้ำท่วม และหายไป ทำให้ญาติของเขา Roberto Escobar เสนอทางออกด้วยการเก็บเงินสดไว้ในที่เดียวกันด้วยการรัดยางปึก ซึ่งทำให้ Pablo Escobar ต้องเสียเงินราว 2,500 เหรียญต่อเดือนเพื่อเก็บจัดการเงินไว้ด้วยกัน ลองคิดดูว่าเขาจะมีเงินมากมายขนาดไหนถึงขั้นมีเสียเงินเป็นค่ายางรัด 2,500 เหรียญหรือราว ๆ 85,000 บาท
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องราวของอดีตราชาโคเคน และอาชญากรตัวร้ายของโลกที่ปัจจุบันเรื่องราวของเขาได้กลายเป็นเรื่องเล่าสืบต่อกันมา แต่เห็นไหมละครับว่า คนที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดต่อให้มีเงินมากมายแค่ไหนก็ไม่อาจใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข เหมือนกับบั้นปลายชีวิตของ Pablo Escobar ที่ต้องหาที่หลบซ่อนตัว สุดท้ายก็ติดอยู่ในกุญแจมือล่องหนของตัวเองไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างอิสระได้ และต้องจบชีวิตอย่างอนารถด้วยคมกระสุนของเจ้าหน้าที่ในที่สุด
แม้จะมีเงินมากมายแต่กลับซื้อชีวิตให้ตัวเองไม่ได้ ดังนั้นทีมงานจึงฝากเตือนใจอยากให้ผู้อ่านทุกท่านอย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เพราะสุดท้ายแล้วมันจะทำลายชีวิตของคุณไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง