20 สิ่ง ที่คุณจะเจอได้ในมนุษย์ที่มี “Creativity”สูงเท่านั้น!!

จบปัญหาไม่ต้องมีการถกเถียงกันต่อไป เมื่อนักประสาทวิทยามายืนยันเองว่า ผู้ที่มี “Creativity” หรือ ความคิดสร้างสรรค์ อยู่ในระดับสูงนั้น จะมีความคิด และการแสดงออกที่แตกต่างจากบุคคลทั่วไป นั่นก็เพราะว่า สมองของพวกเค้า มีการเชื่อมโยงกันในรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร และพรสวรรค์นี้ ด้วยเหตุนี้ คนส่วนใหญ่จึงมักจะรู้สึกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเอง กับคนที่มีความคิดสร้างสรรค์สูงๆ นั้นมันช่างตึงเครียดซะเหลือเกิน ในเวลาที่ต้องทำอะไรใกล้ชิดกับพวกเค้า  จนบางครั้งอาจรุนแรงจนทำให้รู้สึกว่า คุณกับเค้าเหมือนอยู่กันคนละโลก ซึ่งจริงๆ แล้วก็เป็นแบบนั้นนั่นแหละ แต่การที่จะเปลี่ยนพวกเค้าให้มีความคิด และความเข้าใจเหมือนคนธรรมดานั้นไม่ง่ายเลยจริงๆ ดังนั้นเราน่าจะมาทำความเข้าใจคนเหล่านี้กันดีกว่า วันนี้ เราจึงนำเอามุมมองของคนที่มี “Creativity” ในตัวสูงๆ มาให้ชาว UNLOCKMEN ได้ดูกัน ทั้งหมด 20 ข้อ เผื่อคุณจะเข้าใจ และปรับตัวให้อยู่กับพวกเค้าได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

They have a mind that never slows down

สมองที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์นั้น เป็นกลไกลที่ไม่มีสวิช เปิด-ปิด แต่มันเป็นโดยธรรมชาติ โดยพวกเค้ามักจะเป็นคนที่ขี้สงสัย ใคร่รู้ และไม่หยุดนิ่ง จนในบางครั้งอาจทำให้พวกเค้าดูเป็นคนเหนื่อยล้าได้ง่าย แต่ในอีกมุมนึง พวกเค้ามักจะเป็นต้นกำเนิดของ กิจกรรมสุดบ้าคลั่ง หรือบทสนทนาที่สนุกๆ ได้เสมอๆ ไม่มีวันหยุด

They challenge the status quo

มีเพียง 2 คำถามเท่านั้น ที่ผลักดันให้มนุษย์มีความคิดสร้างสรรค์ได้มากขึ้น นั่นก็ คือ “สมมติว่า…” กับ “ทำไมไม่…” เพราะพวกเค้ามักจะเกิดความสงสัยเสมอว่า ทำไมคนอื่นๆ ถึงไม่สนใจ หรือทำอะไรแบบที่พวกเค้าคิด ด้วยความคิดที่แตกต่าง และการถามด้วยความสงสัยนี้เอง ที่อาจจะทำให้คนรู้สึกอึดอัด เมื่อต้องอยู่ใกล้ชิดกับคนเหล่านี้ แต่จริงๆ แล้ว คำถามของพวกเค้าอาจสร้างคำจำกัดความใหม่ รวมไปถึงวิธีการใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นได้อีกด้วย โดยที่ตัวคุณเองก็ไม่เคยรู้มากก่อน

They embrace their genius even if others don’t

มนุษย์ที่มีความคิดสร้างสรรค์สูงๆ นั้น มักจะมีความเป็นคนจริงมากกว่า เค้าอาจจะไม่เป็นที่รักเท่าไหร่ แต่การที่พวกเค้าเป็นตัวของตัวเอง และไม่ค่อยยอมใคร นั่นคือ สิ่งที่กำหนดทิศทางความสำเร็จของเค้าให้มีมีความชัดเจนกว่าคนอื่นๆ แม้จะต้องถูกเข้าใจผิด หรือต้องถูกตราหน้าว่าเป็นมนุษย์อีโก้สุดโต่งก็ตาม แล้วไงล่ะ พวกเค้าไม่แคร์หรอก

They have difficulty staying on task

พวกเค้ามักจะตื่นตัว จากการกระโดดจากความคิดนึง ไปยังอีกความคิดนึง และเริ่มต้นทำเรื่องใหม่ทันทีทันใด คนเหล่านี้มักจะรู้สึกว่า โปรเจคท์ที่กำลังทำอยู่ น่าเบื่อขึ้นมาทันที ที่เค้ารู้สึกอยากจะเริ่มทำในสิ่งใหม่ที่น่าตื่นเต้นกว่า เพราะฉะนั้น ด้วยนิสัย และความคิดแบบนี้เอง ที่ทำให้คนหลายคนไม่พอใจ และมองว่า พวกเค้าเป็นคนทำอะไรไม่ค่อยสำเร็จก็ไปทำอย่างอื่นซะแล้ว เหมือนกับจับปลาหลายมือ แต่ไม่ได้ดี ออกมาเป็นรูปเป็นร่างสักอย่าง

They create in cycles

ความคิดสร้างสรรค์นั้น มันมีจังหวะมาๆ ไปๆ ของมันเองเหมือนกัน คนเหล่านี้ จึงมักจะมีความคิดสร้างสรรค์พวยพุ่ง และกระฉูดออกมาเยอะแยะไปหมดจนน่าตกใจ ในเวลาที่พวกเค้าต้องเจอกับการบีบเค้น ยกตัวอย่างเช่น ต้องการส่งไอเดียเรื่องงานที่กำลังจะถึงเดธไลน์ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า หรือเรื่องที่บีบให้พวกเค้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ออกมาจนได้ สัญชาตญาณตามธรรมชาติดิบที่พวกเค้ามี จะยิ่งไปกระตุ้นให้พวกเค้าต้องใช้ความคิดมากไปกว่าเดิม ดังนั้น ไอเดียแปลกๆ จึงหลั่งไหลออกมาได้มากมายกว่าคนอื่น อย่างไม่น่าเชื่อ

They need time to feed their souls

ไม่มีใครสามารถขับรถข้ามประเทศได้โดยไม่ต้องแวะเติมน้ำมัน ในทางเดียวกัน มนุษย์ที่มีความคิดสร้างสรรค์สูงๆ เหล่านั้น ก็มีความต้องเติมทรัพยากร ที่ใช้เป็นพลังขับเคลื่อนให้เกิดแรงบันดาลใจเช่นเดียวกัน แถมมันอาจจะบ่อยกว่าการเติมน้ำมันขับรถข้ามประเทศซะอีก ดังนั้น คุณอาจจะเห็นได้ชัดเจนว่า บางครั้งพวกเค้าต้องการความสันโดษอยู่เสมอๆ แล้วแต่อารมณ์ และความต้องการในช่วงนั้น

 They need space to create

การอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ถูกต้องนั้น สำคัญต่อการกำเนิดความคิดสร้างสรรค์เป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น คุณจะเห็นคนเหล่านี้มักจะทำงานอยู่ไม่กี่ที่ ยกตัวอย่างเช่น สตูดิโอ ร้านกาแฟ หรือ มุมเงียบๆ มุมหนึ่งภายในบ้าน แต่ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม ปล่อยให้พวกเค้าได้ทำมัน เพราะแม้ว่า คนที่มีความคิดแปลกๆ เหล่านี้ ดูมีแนวโน้มจะออกนอกลู่นอกทางมากกว่าคนอื่น แต่พวกเค้าก็มีขอบเขตของตัวเอง และถ้าคุณอยากได้สิ่งที่ดีจากพวกเค้า คุณต้องเคารพมัน

They focus intensely

มนุษย์ที่มีความคิดสร้างสรรค์สูง จะปิดตัวเองจากโลกทั้งใบ เมื่อเค้ากำลังจดจ่ออยู่กับงาน หรือสิ่งที่เค้ากำลังทำ พวกเค้าไม่สามารถทำอะไรหลายๆ อย่างได้ ในเวลาเดียวกัน และถึงแม้ทำได้ มันก็จะออกมาได้ไม่ดี แถมอาจจะต้องใช้เวลา ตั้งสติเรียก สมาธินานถึง 20 นาที เพื่อที่จะกลับมาจดจ่อ กับเรื่องที่ทำอยู่ต่อได้ แม้จะเป็นการถูกขัดจังหวะในการทำงานเพียงเล็กน้อย อย่างเช่น พยายามเข้าไปพูดคุย หรือหยอกล้อ ซึ่งไม่ถึง 20  วินาที ด้วยซ้ำไปก็ตาม ดังนั้น ปล่อยเค้าไว้หากคุณกำลังเห็นกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มขณะทำงาน เพราะนั่นแสดงว่า พวกเค้าองค์กำลังลงได้ที่เลยทีเดียว

They feel deeply

ความคิดสร้างสรรค์ เป็นเรื่องของการแสดงออก และการสื่อสาร มีนักเขียนคนหนึ่งเล่าว่า เขาต้องรู้สึกว่า ตัวเองกำลังตะโกนสิ่งที่คิดลงไปในหน้ากระดาษ ถ้าต้องการให้ตัวหนังสือเหล่านั้น มีอารมณ์ มีชีวิตชีวา จนผู้อ่านรู้สึกถึงมันได้ ในทางเดียวกัน เหล่ามนุษย์ที่มีความคิดสร้างสรรค์สูงๆ ก็จะเป็นพวกที่มีความลึกซึ้งเช่นเดียวกัน เมื่อเค้าพยายามที่จะสื่อสารอะไรออกมาสักอย่าง บางครั้งเค้าจะใช้ความรู้สึกที่ลึกซึ้งมากๆเพื่ออธิบายมันออกมาให้เราเข้าใจ

 They live on the edge of joy and depression

และด้วยความที่พวกเค้า มีความรู้สึกที่ค่อนข้างลึก และเข้าใจได้ยากในบางครั้ง อารมณ์ของพวกเค้าจึงมักกระโดดจากความสุข ไปหาความเศร้า หรือบางครั้ง นั่งอยู่ดีๆ จากแฮปปี้ๆ ก็กลายเป็นหดหู่ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยจิตใจที่บอบบางนี้เอง ทำให้พวกเค้าคิดมาก คิดเยอะ ถึงแม้ว่า ข้อดีของการเป็นคนแบบนี้ จะทำให้ก่อกำเนิดความคิดสร้างสรรค์เจ๋งๆ หลุดออกมาได้อยู่บ่อยๆ แต่จริงๆ แล้วอย่าลืมว่า เมื่อได้ชื่อว่าเป็นคนคิดเยอะแล้ว จะให้คิดแต่ด้านดีอย่างเดียวคงเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น ความคิดของตัวพวกเค้าเอง ที่นอกจากเป็นแหล่งที่มาของความคิดสร้างสรรค์แล้ว ยังเป็นแหล่งผลิตความคิดในแง่ลบ และซึ่งก่อให้เกิดความรู้สึกทุกข์ทรมานอยู่ภายในตัวเองได้มากมายเช่นกัน

They think and speak in stories

ข้อเท็จจริงอาจไม่กระทบใจเท่ากับเรื่องเล่า เพราะมนุษย์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ โดยเฉพาะคนที่มีอารมณ์ศิลปิน มักจะรู้ดีว่า พวกเค้าจะร้อยเรียงเรื่องราวลง และถ่ายทอดมันออกมาลงสู่ชิ้นงาน ที่พวกเค้ากำลังทำได้อย่างไร บางครั้งคนเหล่านี้ มักจะใช้เวลายาวนานกว่าคนปกติ เพื่อที่จะอธิบายเรื่องอะไรบางอย่าง แต่การอธิบายที่ยืดยาวและดูน่ารำคาญนั้น หากคุณลองจับใจความดูดีๆ มันจะมีอะไรมากกว่านั้นซ่อนอยู่ให้คุณสามารถไปคิดต่อได้เสมอๆ

They battle Resistance every day

Steven Pressfield, ผู้ประพันธ์ The War of Art กล่าวว่า “Most of us have two lives. The life we live, and the unlived life within us. Between the two stands Resistance.” ในตัวพวกเรานั้นมี 2 ชีวิต 1 คือ ชีวิตที่เราได้ใช้ชีวิต กับ 2 คือ ชีวิตที่เราไม่ได้ใช้ ซึ่งทั้ง 2 ด้านนั้น มันต้านทานกันเองอยู่

เหล่าคนที่มากด้วยความคิดสร้างสรรค์ มักจะตื่นขึ้นในทุกๆ เช้า ด้วยความรู้สึกว่า ตัวเองจะต้องเติบโต และพยายามที่จะผลักดันตัวเองให้ไปข้างหน้าอยู่เสมอ แต่พวกเค้าก็หนีไม่พ้นความกลัว ซึ่งเป็นแรงต้านทาน หรือชีวิตอีกด้านนึงที่อยู่ภายในตัวพวกเค้าเอง อย่างที่เราบอกไว้ด้านบนว่า ชีวิตคนเรา มี 2 ด้าน และไม่ว่าเค้าคนนั้น จะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จมากแค่ไหน ความกลัวที่อยู่ภายในตัว ก็ไม่เคยลดลง หรือหายไปจากใจของพวกเค้าสักนิดเดียว พวกเค้า ต้องเรียนรู้ที่จะจัดการกับมันให้ได้ ไม่อย่างนั้น คนเหล่านี้จะรู้สึกว่า ตัวเองไม่ดีพอเสมอ แม้ว่าพวกเค้าจะยอดเยี่ยมสำหรับคนอื่นๆ แล้วก็ตาม

They take their work personally

งานสร้างสรรค์ คือ การแสดงออก จากอารมณ์ และความรู้สึกของบุคคลผู้ที่สร้าง หรือ คิดผลงานเหล่านั้นมันขึ้นมา บ่อยครั้ง ที่พวกเค้าแยกตัวเองออกจากงานไม่ได้ และเมื่อมีคนพูดถึง หรือวิจารณ์ผลงานของเค้า มันจะทำให้คนที่มีความคิดสร้างสรรค์สูงเหล่านี้ รู้สึกเหมือนกับว่า ตัวเองกำลังถูกวิจารณ์ซะเอง แทนที่จะแยกแยะได้ว่า คนอื่นเค้าหมายถึง ตัวชิ้นงาน ไม่ได้หมายถึง ผู้สร้างผลงาน

They have a hard time believing in themselves

ถึงแม้ว่า พวกเค้าอาจจะเป็นคนมีความมั่นใจในตัวเองสูง แต่พวกเค้าก็ยังคงสงสัยในตัวเองอยู่ตลอดเวลา ยกตัวอย่างเช่น “เฮ้ย นี่กูดีพอรึเปล่าวะ หรือไม่ก็ นี่กูเก่งพอเท่าคนอื่นๆ ได้บ้างรึยัง? พวกเค้ามักเปรียบเทียบงานตัวเอง กับงานคนอื่นและลืมมองข้อดีของงานตัวเองไป แม้คนทั่วไปจะมองเห็นได้อย่างชัดเจนก็ตาม

They are deeply intuitive

วิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถอธิบายได้ว่า จริงๆ แล้ว ความคิดสร้างสรรค์มีการทำงานอย่างไรกันแน่ แต่สำหรับผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์อยู่ในระดับสูงนั้น จะสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่า สัญชาติญาณในการคิดริเริ่มสิ่งใหม่ๆ ของพวกเค้าจะออกมาได้อย่างไหลลื่น และมากกว่าคนปกติแทบจะตลอดเวลา เมื่อคุณไปถาามพวกเค้าว่า มีวิธีการ หรือทำอย่างไร ถึงจะคิดสร้างสรรค์แบบนั้นได้บ้าง พวกเค้าจะไม่สามารถอธิบายให้คุณฟังได้ เพราะมันเป็นไปตามธรรมชาติที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด

They often use procrastination as a tool

พวกเค้าอาจขึ้นชื่อมากเป็นพิเศษ ในเรื่องการผัดวันประกันพรุ่ง นั่นก็เพราะว่า พวกเค้าต้องการแรงกระตุ้นในการทำงาน ที่อยู่ภายใต้แรงกดดัน ในบางครั้ง พวกเค้าอาจจะตั้งใจรอให้เวลาเกือบจะเดธไลน์ แล้วจึงค่อยลงมือทำ แต่ในบางครั้งก็ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้น บ่อยครั้งคนเหล่านี้ก็ทำงานออกมาล่าช้ากว่าเวลาที่กำหนด หรือขอเลื่อนส่งงานกลางคันเอาดื้อๆ เห็นใจพวกเค้าเถอะ พวกเค้าากำลังพยายามเค้นเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดอยู่

They are addicted to creative flow

การค้นพบล่าสุด ของนักประสาทวิทยาเปิดเผยว่า “ช่วงลื่นไหล” อาจเป็นประสบการณ์ความรู้สึกที่ดี และคนเสพติดที่สุดในโลก ทั้งในทางอารมณ์ และในด้านของสภาพจิตใจ การศึกษายังพบว่า มนุษยที่มีความคิดสร้างสรรค์สูง จะรู้สึกทุกข์ทรมาน และหงุดหงิดตัวเองมากกว่าคนทั่วไป ในช่วงที่ความคิดสร้างสรรค์ของพวกเค้าตกต่ำ และไม่ไหลลื่น แต่ในความเป็นจริง พวกเค้าไม่รู้ตัวว่า เค้ากำลังเสพติดความรู้สึกตื่นเต้น เมื่ออยู่ในห้วงเวลาที่ความคิดสร้างสรรค์พุ่งออกมาอย่าไหลลื่นนั่นเอง

They have difficulty finishing projects

ในช่วงแรกของขั้นตอนการสร้างสรรค์นั้น เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และเต็มไปด้วยความตื่นเต้น  ซึ่งเป็นผลจากไอเดียที่แปลกใหม่ผุดขึ้นมาเย้ายวนให้ได้พวกเค้าทดลองทำมัน แต่หลายครั้งพวกเค้า กลับละเลยโปรเจ็คต์อื่นๆ ที่พวกเค้ารู้สึกว่ามีความคล้ายคลึงกันในทันที เพียงเพราะ รู้สึกว่า ประสบการณ์ความลื่นไหลในช่วงแรกของโปรเจ็คต์นั้น มีไม่มากเท่าโปรเจ็คต์ที่เค้ากำลังพรั่งพรูออกมาแบบไปได้สวยตั้งแต่แรก

They connect dots better than others

Steve Jobs เคยกล่าวไว้ว่า ความสร้างสรรค์ที่แท้จริงนั้น เป็นมากกว่าการเชื่อมโยงต่อจุดที่ละเล็กละน้อย แต่มัน คือ การมองเห็นแพทเทิร์นของภาพรวมทั้งหมด ก่อนที่คนอื่นจะมองเห็นภาพรวมทั้งหมดออกได้เท่านั้นเอง

They will never grow up

เหล่ามนุษย์ที่มีความสามารถทางด้านความคิดสร้างสรรค์เหล่านี้ ส่วนใหญ่แล้ว มักจะมองโลกผ่านสายตาแบบเด็กๆ และไม่เคยละทิ้งความสงสัย สำหรับพวกเค้า ชีวิตนั้นเปี่ยมไปด้วย ความลึกลับ การผจญภัย และเติบโตไปพร้อมๆ กับความเป็นเด็กที่มีอยู่ในตัวตลอดเวลา

20 สิ่งนี้ คือ สิ่งที่คุณจะเห็นอยู่ในตัวของคนที่มีความคิดสร้างสรรค์สูง และทั้งหมดนี้ บ้างก็เป็นข้อดี บ้างก็เป็นข้อเสีย แล้วแต่ว่า ใครจะมอง หรือจะทำความเข้าใจกับธรรมชาติของคนเหล่านี้ได้มากขนาดไหน แต่เราเชื่อว่า หลายคนที่ได้อ่านบทความนี้ไปเรียบร้อยแล้ว จะเข้าใจอุปนิสัยของคนเหล่านี้มากขึ้น และอาจจะสามารถใช้ชีวิตร่วมกับพวกเค้าได้อย่างมีความสุข ส่วนใครที่อ่านแล้วพบว่า ตัวเองคล้ายคลึงกับสิ่งที่เราได้พูดถึงทั้งหมด 20 ข้อนี้ ก็ขอให้คุณสันนิษฐานไว้เลยว่า ตัวคุณเองอาจจะเป็นคนประเภทนี้ก็เป็นได้เช่นกัน

SOURCE