ในเดือนตุลาคม ปี 1970 Mazda ได้เปิดตัว RX500 ภายในงาน 17th Tokyo Motor Show เป็นรถที่สร้างความตื่นเต้นให้คนญี่ปุ่นด้วยดีไซน์ที่มีความเป็น futuristic concept car ที่ผสมผสานความเป็น classic supercar กับ Fighter Jet เข้าไว้ด้วยกัน ดูแปลกตาจากความล้ำสมัยและเท่มาก ๆ ในตอนนั้น Mazda RX 500 เป็นผลงานการดีไซน์ของ Shigenori Fukuda แห่ง Mazda เป็นโปรเจกพิเศษที่ทีม designer ต้องการสร้างรถ mid-engine sports car แบบ Ferrari และ Lamborghini ขึ้นมา ซึ่งจากหลากหลายดีไซน์ที่ถูกนำเสนอ ผลงานของ Fukuda-san ดูโดดเด่นมากที่สุด ด้วยดีไซน์ด้านหน้าลาดต่ำแบบ supercar ประตูเปิดแบบ butterfly swing doors ด้านท้ายแบบ
ก่อนที่ Mercedes จะควบรวมเอา AMG (Aufrecht, Melcher and Großaspach) เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งอย่างเต็มตัวในปี 2005 ย้อนไปในช่วงปี 1985 เป็นยุคที่ AMG ยังเป็นสำนักแต่ง independent workshop ที่เชี่ยวชาญการนำรถ Mercedes-Benz โมเดลต่าง ๆ มาอัพเกรดโดยมีจุดมุ่งหมายเดียวคือทำรถให้แรงที่สุด ทำเวลาในสนามแข่งได้เร็วที่สุดทั้งในการแข่งขันและตามงบที่ลูกค้าต้องการซิ่งบนถนน อยากแรงแค่ไหน AMG รับจบให้ไม่เคยขัด และทำได้ดีมาก ๆ อีกด้วย เช่นเดียวกับประวัติของรถคันนี้ เป็นรถที่หลายคนคุ้นตากันดีเพราะในเมืองไทยก็มีเจ้าของสะสมอยู่บ้าง เดิมทีเป็น 500SEC coupe หรูรหัส C126 จากตระกูล 1979-1991 W126 S-Class sedan ผ่านการจูนโดยสำนัก AMG เดิมใช้เครื่องยนต์ 5.0-liter SOHC M117 V8 จากโรงงาน ได้แรงม้าประมาณ 228 hp แรงบิด 405 Nm
Ferrari Testarossa ยุคปลายก่อนปิดตำนาน ผ่านการปรับแต่งดีไซน์เป็นพิเศษโดยสำนัก Pininfarina ใช้รหัส 512 TR โดย “5” หมายถึงเครื่องยนต์ Tipo F113 D dry sump system วางหลัง ความจุ 5 ลิตร, “12” คือจำนวนลูกสูบ และ “TR” หมายถึง Testarossa จับคู่เกียร์ 5-speed manual ให้กำลังสูงสุด 428 แรงม้า แรงบิด 491 นิวตันเมตร 0-100 ใน 4.8 วินาที Pininfarina ปรับดีไซน์ภายนอก refresh ให้ดูทันสมัยมากขึ้น กันชนหน้า ไฟท้าย สปอย์เลอร์ engine cover ล้อขนาด 18 นิ้ว ปรับรายละเอียดในห้องโดยสาร แต่ที่สำคัญที่สุดน่าจะเป็ฯการเสริมโครงสร้าง chassis
ปกติเราจะเห็นค่ายรถเปิดตัวรุ่นตกแต่งพิเศษในรหัส ‘Edition One’ เช่นเดียวกับ Range Rover ที่เคยเปิดตัว RR Sport SV Edition One ในปีก่อนไปแล้ว แต่ด้วย demand จากลูกค้าที่สูงมากจนเป็นที่มาของรุ่นพิเศษภาคสอง Range Rover Sport SV Edition Two Range Rover Sport SV Edition Two มาพร้อมบอดี้สีพิเศษทั้งหมดสี่สี Blue Nebula Matte, Ligurian Black Gloss, Marl Grey Gloss และ Sunrise Copper Satin เสริมความดุดันด้วยชุดแต่ง carbon fiber รอบคัน ใส่ล้อ carbon fiber wheel ขนาด 23 นิ้วลายใหม่มาเป็นมาตรฐาน ภายในห้องโดยสารได้รับการตกแต่งด้วยสเปกที่แตกต่างจากรุ่นปกติ เช่นการใช้หนัง
จากความร่วมมืออันยาวนานระหว่าง PMT The Hour Glass ผู้จัดจําหน่ายนาฬิกาชั้นนําของประเทศไทยและ TUDOR แบรนด์นาฬิกาสัญชาติสวิส ก่อให้เกิดโมโนแบรนด์บูติกแห่งที่สอง ณ สยามพารากอน ศูนย์การค้าระดับเวิลด์คลาสใจกลางกรุงเทพฯ จุดหมายปลายทางแห่งใหม่สำหรับผู้ชื่นชอบนาฬิกาให้ได้เพลิดเพลินไปกับโลกของ TUDOR อาณาจักร TUDOR แห่งใหม่นี้ ตั้งอยู่ในโลเคชั่นโดดเด่นบนพื้นที่ 76 ตารางเมตร ชั้น M โซน Luxe Hall โดดเด่นและดึงดูดความสนใจจากเหล่าผู้หลงใหลในแบรนด์ด้วยป้ายสัญลักษณ์ TUDOR สีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ และ Lightbox #BornToDare ที่ไม่ใช่เป็นเพียงสโลแกนแต่เป็นดั่ง DNA ของ TUDOR ที่แสดงถึงจิตวิญญาณและความมุ่งมั่นในการก้าวข้ามขีดจำกัด พร้อมเปิดรับความท้าทายอยู่ตลอดเวลา ผนังกระจกใสที่โอบล้อมรอบของบูติกแห่งนี้ ถูกเลือกใช้เพื่อเผยให้เห็นถึงรายละเอียดและการตกแต่งภายใน สะท้อนภาพของ TUDOR อย่างชัดเจน ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าบูติกจะพบกับสีดำ สีแดง และสีขาว อันเป็น 3 สีอัตลักษณ์ของแบรนด์ที่สอดคล้องกันได้อย่างเหมาะสม ด้านหนึ่งของผนังถูกตกแต่งด้วยระแนงไม้สีดำพร้อมโลโก้ ‘โล่ (Shield Logo)’ สัญลักษณ์ของแบรนด์ เสมือนเป็นการทักทายผู้มาเยือน ทุกมุมของบูติกเปรียบได้ดั่งผลงานศิลปะ
น่าจะเป็นการเปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ของ Omega ที่จังหวะดีมากใน Olympic ครั้งนี้ เป็นโมเดลใหม่ที่เห็นพร้อมกันทั้งโลกบนข้อมือของ Armand Duplantis นักกีฬากระโดดค้ำถ่อทีมชาติ Sweden ผู้คว้าเหรียญทองพร้อมทำลายสถิติ Olympic และสถิติโลกด้วยความสูง 6.25m ขณะที่กำลังฉลองความสำเร็จ เราได้สังเกตเห็นนาฬิกา Omega ที่ดูแปลกตาอยู่บนข้อมือของ มอนโด ดูพลานติส ก่อนจะรู้ว่านั่นคือ Omega Seamaster Aqua Terra 150m Titanium Ultra Light รุ่นใหม่ที่ยังไม่ได้เผยโฉมอย่างเป็นทางการที่ไหนมาก่อน ตัวเรือนขนาด 41mm หนา 13.5mm ผลิตจาก sand-blasted Gamma Titanium มีคุณสมบัติที่แข็งแรงและเบากว่า Grade 5 Titanium เช่นเดียวกับ bezel, caseback และ crown แบบ tuck-in หน้าปัดสีฟ้า blue anodized titanium dial แต่งลวดลายเส้นแนวนอน
ชวนแฟนพันธุ์แท้ Mazda สตาร์ทเครื่องออกเดินทางย้อนรอยเรื่องราวประวัติศาสตร์กว่า 20 ปี ของ Mazda6 ตั้งแต่การถือกำเนิดรุ่นแรกในปี 2002 ต่อเนื่องมาจนถึง Mazda6 20th Anniversary Edition รุ่นพิเศษเฉลิมฉลองความสำเร็จตลอด 20 ปี ของพรีเมี่ยมสปอร์ตซีดานคันนี้ แต่ละรุ่นแต่ละปีจะมีอะไรน่าสนใจบ้างไปชมกันได้เลย ย้อนไปในปี 2002 คือ ช่วงเวลาที่ Mazda6 1st Generation ได้เผยโฉมสู่สาธารณะเป็นครั้งแรกในฐานะยนตรกรรมรุ่นแรกที่พร้อมประกาศก้องแนวคิด “Zoom-Zoom” ด้วยการพัฒนาสปอร์ตซีดานสุดหรู ที่รวบรวม DNA ของแบรนด์ Mazda ไว้อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมถ่ายทอดผ่านผลงานการออกแบบที่สง่างาม และสมรรถนะเครื่องยนต์อันทรงพลัง รวมถึงระบบช่วงล่างเกาะหนึบทุกการเข้าโค้ง จนคว้ารางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมกว่า 23 รางวัล จาก 16 ประเทศทั่วโลกภายในปีเดียวที่เปิดตัว และทำให้ Mazda6 1st Generation เป็นตัวแทนภาพลักษณ์ใหม่ของแบรนด์ Mazda ที่แข็งแกร่งมาจนถึงปัจจุบัน มาต่อกันที่ Mazda6 2nd Generation
อยากขับ GR Corolla แต่ไม่อยากสับเกียร์เหยียบคลัตช์ คุณได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้ หลังทำตลาดด้วยเกียร์ 6-speed manual เพียงออปชันเดียวมาครบสองปี ในที่สุด Toyota ก็ได้เพิ่มตัวเลือกที่แรงขึ้นและสบายมือเท้ามากขึ้นด้วยเกียร์ 8-speed automatic พร้อมอัพเกรดหลายจุด รวมถึงด้านสมรรถนะและระบบระบายความร้อน เกียร์ 8-speed automatic ที่ถูกใส่เข้ามาใหม่ลูกนี้ถูกเรียกว่า Gazoo Racing Direct Automatic Transmission มาพร้อมระบบ launch control และ paddle shifters ที่ปรับตั้งค่าให้แตกต่างจากใน GR Supra และ GR86 นอกจากเกียร์จะปรับตามความเร็วและ g-force ใน Corolla ยังนำน้ำหนักเบรกและคันเร่งที่เหยียบมาคำนวณจังหวะที่เหมาะสมที่สุดในการเลือกเปลี่ยนเกียร์อีกด้วย โดยมีโหมดการขับขี่ให้เลือกทั้งหมด 4 รูปแบบคือ Normal, Sport, Eco และ Custom ซึ่ง Gazoo Racing ได้จูนเกียร์โหมด Sport เป็นพิเศษสำหรับ
#NewCar Audi A6 E-Tron เปิดตัวใหม่ด้วยขุมพลังใหม่ ใช้ไฟฟ้าล้วนทั้งไลน์อัพของ A6, S6 ในตัวถัง Sportback และ Avant พัฒนาบนพื้นฐาน PPE platform แบบเดียวกับใน Q6 E-Tron และ Porsche Macan การเลือกทำตลาดด้วยตัวถัง Sportback แปลว่าฝาท้ายของ A6 ใหม่จะเป็นแบบ hatchback ทั้งหมด ดังนั้นหากคุณต้องการฝากระโปรงท้ายแบบปกติ ก็ต้องข้ามไปเลือก New A5 Sedan เท่านั้น ด้านหน้าของ A6 E-Tron ใหม่หันมาใช้ดีไซน์ไฟหน้า split headlights แยกระหว่าง main lights และ daytime running lights ออกจากกัน เทคโนโลยีทันสมัยมากมายถูกใส่เข้ามาให้สมกับเป็นรถยนต์ EV มือจับประตูเป็นแบบ flush door handles ภายในห้องโดยสารยกมาจาก
หากพูดถึงยอดยนตรกรรมจากแดนอาทิตย์อุทัย ที่ประทับใจแฟน ๆ ชาวไทยมาอย่างยาวนาน เชื่อว่าชื่อของ Mazda ย่อมติดโผอยู่ในอันดับต้น ๆ ในใจของใครหลายคน และในวันนี้เราจะชวนแฟนพันธุ์แท้ Mazda เดินทางย้อนสู่เรื่องราวตำนาน Flagship Sedan รุ่นเด่นของ Mazda ที่คงความสง่างามและเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพื่อเป็นการร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปี Mazda6 หนึ่งในรถยนต์นั่งสปอร์ตซีดานระดับไฮเอนด์ที่ให้ความหรูหราภูมิฐานจากประเทศญี่ปุ่น ที่แฟน ๆ ชาวไทยรอคอยมาอย่างยาวนาน ซึ่งพร้อมแล้วที่จะให้สาวก Mazda ตัวจริงได้ครอบครอง กับ Mazda6 20th Anniversary Edition รุ่นพิเศษส่งตรงจากสำนักงานใหญ่ เมืองฮิโรชิมา จำนวนจำกัดเพียง 100 คันในประเทศไทย!! MAZDA LUCE – 1966 : เริ่มต้นกันที่ Mazda Luce รุ่นแรกที่แฟน ๆ Mazda น่าจะจดจำความโดดเด่นได้เป็นอย่างดี ในฐานะรถยนต์ซีดาน ขนาด 1.5 ลิตร คันแรกของ
โควททรงพลังตลอดกาลแห่งโลกยานยนต์ ที่บอกว่าจะยุคสมัยไหนก็ตาม ‘สีดำ’ (Black) ก็จะเป็นหนึ่งในโทนสีที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกเสมอ ไม่ว่าจะเกิดสีใหม่อีกกี่ร้อยกี่พันสีในโลกใบนี้ก็ตาม ต่อยอดจากปี 2023 ที่ Mitsubishi ได้สะเทือนวงการรถกระบะ off-road ด้วย All-New Mitsubishi Triton Double Cab Plus Ultra ที่เหยียบคันเร่งทะลุจินตนาการของสายรถกระบะทุกคน ด้วยรูปลักษณ์ที่ดีไซน์ได้อย่างสวยงาม หรูหรา แข็งแกร่ง รวมถึงสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมมาพร้อมความประหยัดน้ำมันและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ตอบโจทย์การใช้งานได้ครบทั้งในเมืองและเส้นทาง off-road ความตื่นเต้นยังไม่ทันจางหาย ปี 2024 นี้ Mitsubishi ได้สร้างความน่าตื่นตาตื่นใจอีกครั้งด้วยดีไซน์ที่ถูกนิยามขึ้นมาใหม่ของ All-New Mitsubishi Triton Black Edition 2024 ที่จะออกมาเปลี่ยนอารมณ์บนถนนด้วยรูปลักษณ์การตกแต่งที่ทรงพลังแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ! กับรถกระบะที่ถูกดีไซน์ให้ใช้งานแบบ Everyday Life พร้อมไปได้ทุกเส้นทางเพื่อให้แฟน Mitsubishi ทุกคนได้แสดงออกถึงความเป็นตัวเองแบบไม่เหมือนใครได้อย่างเต็มภาคภูมิยิ่งขึ้น All-New Mitsubishi Triton Black Edition 2024 การตกแต่งด้วยโทนสีดำสุดเท่ที่ปรับลุคให้ดุดันกินพื้นที่กว่า 90%
พูดแบบอวยไม่อายเลยว่าหนึ่งในวงไทยที่เชียร์มากที่สุดในปี 2024 ของ Geesuch คือ _less ที่ประกอบด้วยสมาชิกหลัก 2 คน _lilb กับ _mig-j และผองเพื่อน มันดีใจเสมอเลยที่ได้เจอวงดนตรีที่ทำเพลงเอาแต่ใจมาก ๆ แบบที่เราไม่สามารถเรียกแนวดนตรีอะไรได้ แต่ต้องใช้ชื่อวงเป็นคำเรียกแนวดนตรีของพวกเขาแทน ถ้ารู้สึกว่าบ้านเรามีเพลงรัก ๆ เลิก ๆ เยอะจนเอียน อยากให้หยิบหูฟังขึ้นมาใส่แล้วเปิดอัลบั้ม _RUKRUKLERKLERK จะเรียกอัลบั้มนี้ว่าเป็น Slice Of Life ก็ได้นะ วงเลือกพูดถึงสิ่งที่เราต้องเจอในชีวิตประจำวันอย่างเบื่อแก้งานที่บรีฟไม่เคลียร์ / ขอเปิดเพลงฟังในห้องน้ำสัก 20 นาที หรือ การถูกบังคับให้เป็นคนอื่น เล่าผ่านคาแรคเตอร์ของมนุษย์อายุ 20 กลาง ๆ ที่ขี้โหวกเหวกโวยวาย นึกภาพง่าย ๆ สำหรับเราแม่งคือ ‘โคเทะสึ’ จากมังงะโอซาว่าฮายกครัว ที่โคตรเอ็นจอยกับสิ่งรอบตัวทุกอย่าง แล้วบางอย่างที่ซีเรียสก็ปั่น ๆ ใส่ซะเลย _less ก็แอบมีความประหลาดนิดนึงอย่างนั้นล่ะ แต่พาร์ทดนตรีวงนี้คือปีศาจที่โคตรเนิร์ด ต้องชมทั้งสกิลการเขียนเพลง การอะเรนจ์