ครบรอบ 26 ปี! กู๋หว่าไจ๋ [YOUNG & DANGEROUS] ภาพยนตร์มาเฟียฮ่องกงที่ให้แง่คิดมากกว่าแค่เรื่องต่อยตี

หากจะพูดถึงวงการเอนเตอร์เทนเมนต์ในยุคปัจจุบัน คงปฎิเสธไม่ได้เลยว่าประเทศเกาหลีใต้คือผู้ครองอันดับ 1 บนทวีปเอเชีย สามารถขึ้นไปทัดเทียมระดับโลกได้แบบไร้ข้อกังขา แต่หากมองย้อนไปในช่วง 20 ปีก่อน เราคงต้องยกให้กับ “ฮ่องกง” โดยเฉพาะในพาร์ตของภาพยนตร์ที่สร้างความยิ่งใหญ่ไว้ได้อย่างสง่าผ่าเผย มีนักแสดงที่มีชื่อเสียงมากมายไม่ว่าจะเป็นโจว เหวินฟะ, หลิว เต๋อหัว, โจว ซิงฉือ เป็นต้น

ส่วนแนวภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากฝั่งฮ่องกง เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงนึกถึงแนว “แกงค์มาเฟีย” อย่างแน่นอน ซึ่งภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากคงหนีไม่พ้น “กู๋หว่าไจ๋ (Young & Dangerous)” หรือชื่อไทย “มังกรฟัดโลก” ออกฉายเมื่อวันที่ 26 มกราคม 1996 เพิ่งจะครบรอบอายุ 26 ปีสด ๆ ร้อน ๆ

[เนื้อหาไม่มีสปอยล์]

กู๋หว่าไจ๋ เป็นภาพยนตร์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังสือการ์ตูนเรื่อง Teddy Boy กำกับการแสดงโดย “หลิว เหว่ยเฉียง” นำแสดงโดย “เจิ้ง อี้เจี้ยน” รับบทเป็น “เฉิน เฮ่าหนาน” ตัวเอกของเรื่อง, “เฉิน เสี่ยวชุน” รับบทเป็น “ซาจี๋ (ไก่ป่า) เพื่อนซี้พระเอก, อู๋ จื่อสง รับบทเป็น “พี่บี” ลูกพี่ใหญ่ของพระเอก, “เยิ่น ต๊ะหัว (เหริน ต๋าหัว)” รับบทเป็น “คุณจวง” หัวหน้าแก๊งค์หงซิ่ง, “อู๋ เจิ้นหวี่”  รับบทเป็น “อาคุน” ตัวร้ายสุดแสบ และนักแสดงสมทบมากฝีมืออีกเพียบ

เนื้อหาภายในเรื่องเป็นการนำเสนอวิถีชีวิตของเหล่ามาเฟียในฮ่องกงที่ต้องพัวพันกับเรื่องธุรกิจสีเทา, สุรา, นารี และเรื่องการต่อสู้ไม่ว่าจะเป็นระหว่างแก๊งค์อื่น ๆ หรือแม้กระทั่งตีกันเองภายในเพราะความแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น เนื้อหาทั้งหมดถูกร้อยเรื่องราวผ่านตัวละครที่มีความสำตัญแตกต่างกันออกไป การดำเนินเรื่องเข้าใจง่ายไม่ได้มีอะไรซับซ้อน ตรงไปตรงมา ทำให้สามารถเข้าถึงอารมณ์ของผู้ชมได้อย่างง่ายดาย

แต่เหนือสิ่งอื่นใดนอกจากเรื่องราวการต่อยตีที่เป็นตัวชูโรงโดยเฉพาะผู้นิยมชมชอบหนังแอคชั่น การแฝงแง่คิดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็สามารถสะท้อนออกมาได้ดีเช่นกัน

สะท้อนสังคม

เรื่องราวที่เกิดขึ้นมันอยู่ในช่วงที่ฮ่องกงยังคงถูกประเทศอังกฤษปกครองอยู่ ถึงแม้จะมีความเจริญเติบโตในด้านของธุรกิจและเศรษฐกิจ แต่จริง ๆ แล้วยังมีอีกหนึ่งมุมคือสังคมของคนยากจนหรือปากกัดตีนถีบที่ต้องหาหนทางในการเอาตัวรอด ถึงแม้ว่าวิธีเหล่านั้นมันอาจจะไม่ได้ถูกต้องตามกฎหมายก็ตาม เพราะยังมีความเชื่อว่า “เงิน” จะสามารถซื้อได้ทุกอย่างและไม่ต้องการให้ใครมากดขี่รังแก ทำให้บางครั้งมันได้ปลูกฝังความคิดผิด ๆ จนทำให้เด็กคนหนึ่งต้องเติบโตไปเป็นปัญหาของสังคม

นอกจากนั้นในภาพยนตร์ยังแอบสะท้อนชีวิตของคนไร้บ้านที่ไม่ได้รับสวัสดิการดูแลเท่าที่ควร ต้องใช้ชีวิตอยู่ตามข้างถนนที่เสี่ยงอันตรายไร้ซึ่งความปลอดภัย

การชิงดีชิงเด่น

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นได้เห็นทั่ว ๆ ไป โดยเฉพาะสังคมผู้ใหญ่ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับการทำงานที่ต้องแข่งขันเพื่อทำผลงานอยู่ตลอดเวลา ซึ่งบางคนก็ใช้วิธีวัดการที่ผลงานล้วน ๆ แต่ก็มีคนอีกไม่น้อยที่ใช้วิธีสกปรกเพื่อให้ได้มาซึ่งผลลัพธ์ที่ตัวเองต้องการ

ในภาพยนตร์เราจะได้เห็นการงัดเอาสารพัดกลยุทธ์มาห่ำหั่นกันอย่างสนุกในแบบพอดิบพอดีไม่ต้องคิดหลายชั้นให้ปวดหัว

ความซื่อสัตย์และความกตัญญู

แม้แก๊งค์มาเฟียจะใช้ชีวิตที่ดูจะไม่สนใจกฎหมาย แต่สิ่งนั้นก็ไม่ได้บ่งบอกว่าคนเหล่านั้นจะไม่รู้จักกับความซื่อสัตย์และจงรักภักดี

ในภาพยนตร์เราได้เห็นมุมของความรัก ความเสียสละ รวมไปถึงความจริงใจต่อพวกพ้องและพี่น้อง แบบชนิดที่ยอมตายกันได้ รวมไปถึงเรื่องของความกตัญญูที่เนื้อหาภายในเรื่องได้ปูบทเอาไว้ให้ได้เห็นภาพอย่างชัดเจน

ความเป็นประชาธิปไตย

แม้จะเรื่องราวจะเกิดขึ้นด้วยอำนาจมืดหรืออำนาจเหนือกฎหมาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาเหล่านั้นจะไม่รู้จักคำว่า “ประชาธิปไตย” ซึ่งในภาพยนตร์ได้สอดแทรกเรื่องราวของการเคารพเสียงส่วนมากเอาไว้ด้วย สิ่งนี้มันได้สะท้อนอะไรหลาย ๆ อย่างที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นในบ้านเราซักเท่าไหร่

สะท้อนความเป็นมนุษย์

ด้วยเนื้อเรื่องสไตล์แก๊งมาเฟีย การจะแบ่งคาแรคเตอร์ตัวละครเป็นขาวกับดำไปเลยก็ดูจะไม่ค่อยเวิร์กแน่นอน ทำให้สิ่งที่เราจะได้เจอคือคาแรคเตอร์ตัวละครแบบ “สีเทา” มีทั้งความดี ความชั่ว ปะปนกันไป ได้เห็นในหลาย ๆ มุมที่เกิดขึ้นในมนุษย์ ซึ่งเป็นสัจจธรรมที่เกิดขึ้นบนโลกความเป็นจริง

สิ่งเหล่านี้ทุกคนจะสามารถสัมผัสได้จาก “กู๋หว่าไจ๋ (Young & Dangerous)” ภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากสามารถกวาดรายได้อย่างถล่มทลายในฮ่องกง และได้รับความนิยมในบ้านเราด้วยเช่นกัน จนถึงขั้นต้องต่อ ยอดทำภาคต่อตามออกมาอีกหลายภาค รวมไปถึงนักแสดงก็ได้เติบโตจนมีชื่อเสียงมากขึ้นกว่าเดิม

หากคุณยังอินกับภาพยนตร์เรื่อง 4Kings อยู่ ภาพยนตร์เรื่องนี้จะตอบสนองความต้องการได้อย่างสาสมแน่นอน