บอกลาชีวิตห่วยด้วย “3 กฏเสริมจุดแข็ง” ที่จะพาเราประสบความสำเร็จตลอดกาล

เคยสงสัยไหมว่าทำไมเราถึงไม่ประสบความสำเร็จสักที? เป้าหมายที่ตั้งไว้ตั้งแต่ตอนปีใหม่ตอนนี้ก็ยังไม่ไปถึงไหน สิ่งที่อยากทำให้ได้ในหน้าที่การงานก็ยังอยู่ที่เดิม ธุรกิจที่วาดไว้ก็ยังไม่เป็นไปตามคาด เราพลาดอะไรไปหรือเปล่า?

แก้ไขจุดอ่อนมันก็ดี แต่มันดีอย่างที่เราคิดจริงหรือ?

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแต่จากการสำรวจเรื่องการพัฒนาตัวเองและวิธีการที่จะประสบความสำเร็จของคนทั่วไปพบว่าเรามักโฟกัสที่จุดอ่อนของเรามากกว่าจะโฟกัสที่จุดแข็ง หากลองสังเกตบนสเตตัสเฟซบุ๊กในช่วงปีใหม่ คนรอบตัวเรามักบอกว่าพวกเขาอ้วนเกินไป และนั่นคือจุดอ่อนที่ปีหน้าพวกเขาจะกำจัดความอ้วนไปจากชีวิต หรือไม่ก็ฉันเป็นคนตื่นสาย ปีหน้าฉันจะตื่นให้เช้ากว่าเดิม และไม่ต้องรอให้ถึงสิ้นปีเราก็มักจะพบว่าเป้าหมายที่เราตั้งไว้ตั้งแต่ต้นปีนั้นล้มเหลวไม่เป็นท่า

เราไม่ได้ล้มเหลวอยู่คนเดียว เพราะจากงานวิจัย “If at first you don’t succeed: False hopes of self-change.” พบว่าอาการ “false hope syndrome” หรือการตั้งความหวังไว้สูงเกินไปว่าเราจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ แต่สุดท้ายกลับต้องล้มเหลวเป็นสิ่งที่คนจำนวนมากเผชิญ เนื่องจากเรามักตั้งเป้าหมายความสำเร็จของเราโดยโฟกัสแต่การแก้ไขจุดอ่อนของตัวเองมากเกินไป

มัวแต่เติมเต็มจุดบกพร่อง ลองเสริมจุดแข็งตัวเองดูไหม?

Andreas Steimer และ André Mata นักจิตวิทยาได้ศึกษาเรื่อง Motivated Implicit Theories of Personality ซึ่งช่วยยืนยันเรื่องคนส่วนใหญ่เชื่อว่าถ้าโฟกัสที่จุดอ่อนจะเปลี่ยนแปลงชีวิตพวกเขาให้ดีขึ้นมากกว่าการโฟกัสที่จุดแข็ง

ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่เรามักจะเลือกมองจุดอ่อนของตัวเอง พร่ำบ่นว่ามันไม่ดียังไง และคิดว่าการพัฒนาตัวเองหรือการจะประสบความสำเร็จมีหนทางเดียวคือกำจัดจุดอ่อนของตัวเองให้พ้นไป โดยที่เราไม่เคยตั้งคำถามเลยว่าทำไมเราถึงจะต้องเติมจุดบกพร่องให้เต็มขึ้นมา แทนที่เรามีจุดแข็งที่โดดเด่นอยู่ในตัวเราทุกคนอยู่แล้ว และเราสามารถพัฒนาตัวเองให้เด่นยิ่งขึ้นด้วยการส่งเสริมจุดเด่นนั้นของเรา

การโฟกัสกับจุดแข็งในตัวเรา ก็ไม่ใช่แค่รู้ว่ามันมีอยู่แล้วใช้มันเท่านั้น แต่ต้องใช้จุดแข็งอย่างถูกวิธี ใช้ไม่ให้มากหรือน้อยเกินไป ที่สำคัญใช้ให้ถูกสถานการณ์ด้วย เพื่อที่จุดแข็งของเราจะได้พัฒนาขึ้นได้อย่างที่เราต้องการ และนี่คือ 3 ขั้นตอนแห่งความสำเร็จ หากอยากพัฒนาตัวเองด้วยจุดแข็งที่เรามีอยู่แล้วในตัวเอง

1.หาจุดแข็งให้เจอและใช้มันให้เป็นประโยชน์

คนจำนวนมากต้องเจ็บปวดทรมานจากการมองไม่เห็นจุดเด่นหรือข้อดีของตัวเอง และนั่นเป็นเหตุให้เราไม่ได้ใช้ความสามารถของเราได้อย่างเต็มที่ ทั้งในการทำงานและการดำเนินชีวิตด้านอื่น ๆ เพราะฉะนั้นรีบหาจุดแข็งให้เจอ หรือถ้าคิดไม่ออก ลองใช้เวลา 10 นาทีทำแบบทดสอบจาก viacharacter เพื่อหาจุดแข็งที่เราอาจยังไม่รู้ว่ามี

ทันทีที่เรารู้ว่าเรามีจุดแข็งอะไรแล้ว ขั้นต่อไปคือการสำรวจตัวเองว่าที่ผ่านมาจุดแข็งของเราสร้างประโยชน์อะไรให้เราบ้าง โดยลองมองย้อนกับไปในช่วงเวลาที่เรารู้สึกว่าเรากำลังประสบความสำเร็จกับหน้าที่การงานหรือธุรกิจที่เรามี เรารู้สึกว่าช่วงนั้นเราทำงานได้ดี มีส่วนร่วมกับการทำงาน และมีความสุขกับงานที่ทำ

การมองเห็นว่าจุดแข็งของเราช่วยให้งานหรือธุรกิจของเราเดินไปข้างหน้าได้อย่างไร จะยิ่งทำให้เราพบคุณค่าของจุดแข็งของเรา และรู้ว่าจะสามารถนำจุดแข็งที่มีอยู่แล้วมาใช้เพื่อให้ชีวิตประสบความสำเร็จได้ด้วยวิธีไหน

2.จุดแข็ง ไม่ใช่จุดเกินหน้าเกินตา จงใช้มันอย่างพอดี

คนทั่วไปมีแนวโน้มที่จะใช้จุดแข็งที่มีอยู่เกินความพอดี เนื่องจากเมื่อเรารู้ว่าจุดแข็งเรามีประสิทธิภาพ เรามักจะตื่นเต้นและหลงใหลมัน และอยากใช้จุดแข็งในการบริหารจัดการมากกว่าที่เคย

การรู้จักใช้จุดแข็งของตัวเองเป็นเรื่องที่ดี แต่อะไรที่เกินพอดี ก็อาจจะไม่ดีได้ การรู้จักสมดุลในการใช้จุดแข็งจึงยิ่งมีส่วนช่วยให้เราประสบความสำเร็จในธุรกิจและการทำงานมากขึ้น

จากงานวิจัยพบว่าจุดแข็งแต่ละอย่างมีสิ่งที่เรียกว่า “shadow-side” โดยการรู้จักใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของเราก็เปรียบได้กับแสงสว่าง แต่ถ้าใช้มากเกินไปด้านมืดของเงาจากจุดแข็งก็เป็นสิ่งที่เราต้องระมัดระวัง ดังนั้นนอกจากสังเกตตัวเองว่าเรามีจุดแข็งอะไร ลองสังเกตเพิ่มด้วยว่าจุดแข็งที่เรามีได้สร้างปัญหาอะไรให้กับการทำงานหรือธุรกิจของเราอีกบ้าง พร้อม ๆ กับการทบทวนว่าปัญหานั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วเราจะใช้จุดแข็งของเราอย่างไรให้ยังคงประสิทธิภาพของงานไว้ แต่ก็ลดปัญหาที่เกิดขึ้นไปในเวลาเดียวกัน

3.ต่างคนต่างมีจุดแข็ง อย่าให้จุดแข็งทำลาย Teamwork

เราไม่ได้มีจุดแข็งแค่คนเดียว ต้องไม่ลืมว่าเพื่อนร่วมงานของเรา หรือแม้แต่คนอื่น ๆ ที่เราสัมพันธ์ในชีวิตก็ล้วนแต่มีจุดแข็งของตัวเอง เป็นเรื่องธรรมดาที่บางที่ข้อดีของเราดันเป็นข้อดีคนละแบบกับคนที่เราไปสัมพันธ์ด้วย

ถ้ายังนึกภาพไม่ออก ลองจืนตนาการดูว่าถ้าเราเป็นคนละเอียด รอบคอบ ชอบการวางแผนและการทำตามแผนที่วางไว้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่เพื่อนร่วมงานของเราเป็นคนที่เต็มไปด้วยความคิดสุดสร้างสรรค์ ไอเดียกระฉูดตลอดเวลา และอยากททำอะไรให้เสร็จอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าจุดแข็ง 2 แบบนี้หากร่วมงานกันแล้วใช้จุดแข็งของแต่ละคนโดยไม่ดูคนรอบข้างเลย ย่อมสร้างปัญหาในการทำงานร่วมกันในอนาคตแน่นอน

เพราะฉะนั้นอย่ารอช้าที่จะถอยออกมาคนละหนึ่งก้าวเมื่อเริ่มสังเกตเห็นว่าจุดแข็งของเรากำลังขัดแย้งกับจุดแข็งของเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ อยู่ พร้อมกับเปิดอกปรึกษากันถึงเรื่องนี้ เพื่อจะหาจุดร่วมกันระหว่างจุดแข็งของแต่ละคน หรือดูว่างานประเภทไหนที่เหมาะจะนำจุดแข็งของใครมาใช้แล้วเหมาะสมกว่ากัน

ดร.Ryan M. Niemiec ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยายิ่งตอกย้ำความมั่นใจว่าเรามาถูกทางแล้ว หากเลือกจะโฟกัสในการพัฒนาจุดแข็ง จากประสบการณ์ของเขาพบว่าการที่เราเลือกที่จะใช้จุดแข็งของเรามาใช้ในการทำงานจะทำให้เรามีความสุขกับงานที่เราทำมากขึ้น พอ ๆ กับความมั่นใจในความสามารถของเราที่จะเพิ่มขึ้นแบบที่เราคาดไม่ถึง

การพัฒนาตัวเองเต็มไปด้วยรูปแบบอันหลากหลาย หากเราลองวิธีหนึ่งแล้วไม่เวิร์ค ทำไมเราถึงไม่ลองวิธีใหม่ ๆ ดูบ้างล่ะ? ถ้าโฟกัสที่การเติมเต็มจุดอ่อนของตัวเองมาเป็นสิบ ๆ ปีแล้ว ถึงเวลามองหาสิ่งที่ชอบในตัวเอง ทำมันให้ดีขึ้นกว่าเดิม นอกจากจะได้พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นแล้ว เรายังเรียนรู้ที่จะรักตัวเองเพิ่มมากขึ้นด้วย

SOURCE1, SOURCE2, SOURCE3