6 ขั้นตอนสร้างสมดุลการทำงานให้มีประสิทธิภาพและยังส่งผลดีต่อร่างกายคุณอีกด้วย

ชีวิตในวันทำงานของคุณเป็นแบบไหน ต้องตื่นเช้าเพราะเสียงนาฬิกาปลุกเร่งตัวเองออกจากเตียง เพื่ออาบน้ำเรียกสติที่หลุดออกจากร่างให้กลับคืนมา ถ้าวันไหนโชคดีตื่นเร็วก็อาจได้ทานมื้อเช้า แต่บางวันรีบจนต้องเข้าออฟฟิศต้องรอฝากท้องไว้กับมื้อเที่ยงทีเดียว แถมเมื่อมีงานใหม่เข้ามา ทำให้ต้องลากยาวไปจนจบวัน ชีวิตการทำงานของคุณกำลังเป็นแบบนี้อยู่รึเปล่า ?

ถ้าใช่เราขอให้คุณควรหยุดพฤติกรรมเหล่านี้ได้แล้ว แน่นอนว่าการทำงานหนักถือเป็นเรื่องดีสำหรับตัวเราเองและองค์กร แต่คุณรู้หรือไม่ว่าพฤติกรรมประจำวันที่ไม่ถูกต้องกำลังบั่นทอนสุขภาพโดยที่ไม่รู้ตัว ดังนั้นมาลองปรับสมดุลขในวันทำงานของเรากันใหม่ด้วย 6 วิธีที่ทำตามได้ง่าย ๆ สิ่งนี้จะช่วยให้คุณรักษาสภาพร่างกายให้นานยิ่งขึ้น แถมยังช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานได้อีกด้วย

อาหารและโภชนาการมีส่วนสำคัญ

เวลาที่มีจำกัดในตอนเช้า ทำให้คุณกินได้แต่ปาท่องโก๋หรือโดนัทหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าอาหารเหล่านั้นเป็นอาหารขยะหรือไม่มีประโยชน์ แต่เราอยากให้คุณใส่ใจในมื้อเช้าให้มากขึ้น เพราะอาหารนั้นส่งผลไปถึงความรู้สึกของเราในแต่ละวันด้วย การกินอย่างถูกต้องคือเคล็ดลับในการป้องกันความเครียดอย่างได้ผล อาหารที่ดีจะให้พลังงานที่เพียงพอ ซึ่งมันสำคัญกว่ารสชาติที่ต้องอร่อย แต่ถ้าสามารถเลือกได้กินทั้งที่มีประโยชน์ และอร่อยก็จะช่วยให้คุณรู้สึกดีก่อนที่จะเริ่มงานในแต่ละวัน

ลองตื่นเช้าขึ้นมาอีกซักหน่อยในการจัดแจงมื้อเช้าที่มีคุณภาพด้วยตัวคุณเอง ยกตัวอย่างเช่น ขนมปังปิ้ง ที่ทาเนยถั่วเล็กน้อยเพื่อเสริมโปรตีน อาจเพิ่มด้วยผลไม้ชิ้นเล็กหรืออัลมอนด์ให้ได้สารอาหารที่ครบถ้วน และท้าทายตัวเองด้วยการจำกัดอาหารบางจำพวกลง เช่น น้ำตาล อาหารแปรรูปต่าง ๆ  เปลี่ยนมาบริโภคเนื้อสัตว์ ผักหรือผลไม้ นั่นแหล่ะเวิร์คที่สุด

ลุกขึ้นและเดินไปรอบ ๆ

อย่าเข้าใจผิดเราไม่ได้ต้องการให้คุณผละออกจากงานที่ทำเพื่อไปวุ่นวายกับคนอื่น  แต่การนั่งหลังขดหลังแข็งอยู่ที่เก้าอี้เป็นเวลาติดต่อกันหลายชั่วโมง อาจส่งผลเสียถึงหลังและคอของคุณได้ในระยะยาว การนั่งทำงานทุก ๆ 1-2 ชั่วโมง ควรมีเวลาในการลุกออกจากที่เพื่อเดินผ่อนคลาย การเดินไม่กี่นาที ไม่เพียงจะดีต่อระบบข้อต่อในร่างกายเท่านั้น มันก็ช่วยให้คุณกระปรี้กระเปร่าและพร้อมกับไปสู้กับงานที่รออยู่อีกด้วย

หยุดพักบ้าง

รู้หรือไม่ว่าระบบประสาทของเราถูกใช้งานหนักมากในระหว่างที่ทำงาน เราจำเป็นต้องหยุดพักสมองทุก 90-120 นาที เพื่อให้กลับมามีประสิทธิภาพอีกครั้ง  ถ้าสัญญาญเหล่านี้เกิดขึ้นกับคุณระหว่างทำงานให้คุณรู้ไว้เลยว่าได้เวลาหยุดพักแล้ว

–  เกิดความคิดว่าเอาไว้ที่หลัง

–  หาว

– ไม่มีสมาธิ

– ทำเรื่องผิดพลาด

ปกติเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ทุกคนจะคิดว่าสิ่งที่ควรทำคือ หาคาเฟอีนหรือน้ำตาลให้ร่างกายจะดีกว่า หยุดก่อน !! นั้นไม่ใช่ทางแก้ไขที่ถูกต้อง  เราอยากแนะนำ Mini Break ด้วยการพักเอนหลังแล้วฟังเพลงโปรดจะดีกว่า  แต่ถ้าเกิดรู้สึกไม่มีสมาธิ แนะนำให้ลองนั่งในท่าสบาย ๆ สัก 2-3 นาทีจะช่วยได้ในการเรียกสติตัวเองให้กลับมาอีกครั้ง

ปรับเปลี่ยนท่าทางให้ถูกต้อง

ระหว่างที่คุณทำงาน ไม่ว่าจะนั่ง ยืน  สิ่งสำคัญคือ คุณต้องจัดท่าทางให้เหมาะสมกับสรีระของตัวเอง โดยเฉพาะการนั่งทำงานเป็นเวลานาน เราอาจเผลองอตัวโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งนั่นอาจทำให้เกิดการผิดปกติต่อกระดูกสันหลัง และสร้างความตึงเครียดให้กับกล้ามเนื้อได้ ในระหว่างที่ใช้แล็บท็อปหรือโทรศัพท์ สังเกตท่าทางของตัวเองว่าร่างกายมีการโค้งงอหรือไม่ วิธีจัดการกับปัญหานี้ง่าย ๆ คือ ใช้มือประสานกันเหนือหัวเหยียดแขนออกให้สุด ทำค้างไว้ประมาณ 10 วินาที จะช่วยให้คุณหายปวดเมื่อยและกลับมามีท่านั่งในการทำงานที่ถูกต้องได้

เวลา 30 นาที

ในระหว่างที่ทำงาน ความเครียดอาจเกิดขึ้นได้เสมอ ลองหาเวลาว่างให้ตัวเองได้ทำอะไรที่ชอบบ้าง อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเราได้ หรือถ้าหากคุณมีนัดคุยงานนอกสถานที่ ลองไปถึงก่อนเวลา ระหว่างที่นั่งรอก็เลือกกิจกรรมเบาสมอง เช่น บทความของ UNLOCKMEN  จดบันทึกสิ่งที่ควรทำ หรืออะไรก็ตามที่คุณอยากจะทำ นอกจากเวลา 30 นาที ที่มีค่านี้จะช่วยให้คุณผ่อนคลายได้แล้ว การมาถึงก่อนเวลานัดจะทำให้คุณดูเป็นคนรักษาเวลาในสายตาของลูกค้าอีกด้วย

เปลี่ยนมุมมองและค้นหาเสียงหัวเราะ

ความเครียดจะตามเราไปได้ทุกที่ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนหรือทำอะไรก็ตาม เป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับทุกคน แต่เรามีวิธีจัดการความเครียดเหล่านี้ด้วยวิธีที่แตกต่าง การมีอารมณ์ขันและสร้างเสียงหัวเราะในระหว่างวัน คือสิ่งที่ปลดปล่อยเราจากความเครียดได้ดีที่สุด ลองหันมาพูดคุยเรื่องที่ตื่นเต้นหรือสนุกสนานกับเพื่อนร่วมงานของคุณเพื่อเพิ่ม  adrenaline ในร่างกาย ฮอร์โมนชนิดนี้จำเป็นต่อหัวใจและระบบหลอดเลือดมาก เนื่องจากมันจะช่วยทำให้หัวใจเต้นอย่างแข็งแรง และทำให้เลือดไปเลี้ยงเนื้อเยื่อมากขึ้นในช่วงที่ร่างกายเกิดความเครียด

ทั้ง 6 วิธีนี้ทุกคนสามารถลองปรับใช้กันได้ โดยแต่ละข้อจะช่วยสร้างสมดุลชีวิตประจำวันในการทำงานของคุณให้ดียิ่งขึ้น ลองให้เวลากับตัวเองหน่อยเพราะพฤติกรรมต่าง ๆ ที่ติดตัวเรามานาน ไม่สามารถเปลี่ยนไปภายในวันเดียว  ค่อย ๆ สร้างความเปลี่ยนแปลงในทางบวกให้กับร่างกายและจิตใจเพื่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ แต่อย่าลืมให้ความสำคัญกับร่างกายตัวเองด้วย ไม่เช่นนั้นคุณอาจจะต้องใช้เงินเดือนที่ได้มาจากการทำงานตัวเป็นค่ารักษาพยาบาลจนหมด

Source