adSPARK: ส่อง #WECULTURE เปลี่ยน “เรา” เป็น “พวกเรา” campaign กู้ชาติเพื่อสังคมในอุดมคติโดย Ananda Development

“กิ่งไม้หนึ่งกิ่งหักง่าย แต่ถ้านำกิ่งไม้หลายกิ่งมารวมกันเป็นมัดใหญ่ กลายเป็นยากที่จะหัก”  ถ้าจะให้อธิบายข้อดีของความสามัคคี ประโยคที่ถูกใช้สอนกันมาตั้งแต่เด็กประโยคนี้น่าจะทำหน้าที่ได้ดีที่สุด แน่นอน! พวกเรารู้ประโยชน์ของความสามัคคีเป็นอย่างดี เรารู้ว่าถ้าผู้คนในสังคมช่วยเหลือกัน ร่วมมือกันทำสิ่งต่าง ๆ ความสำเร็จ ความสุขในทุกระดับ ความเจริญก้าวหน้าของชาติจะตามมาอย่างไม่ต้องสงสัย แต่น่าแปลกใจ ที่เมื่อเราโตขึ้นมา กลับพบว่าสังคมสามัคคีในอุดมคตินั้น เป็นจริงได้ยากเหลือเกิน กระทั่งเราได้เจอกับ copy ที่โดนใจจากแคมเปญ #WECULTURE ของ Ananda Development ทำให้ฉุกคิดได้ว่า จุดเริ่มต้นในการเปลี่ยนไปสู่สังคมอุดมคตินั้น ง่ายกว่าที่คิด

เริ่มจากเปลี่ยนคำว่า “ME” เป็น “WE”

“ยาก” แต่ไม่ได้แปลว่า “เป็นไปไม่ได้”   เราได้เห็นพลังของการช่วยเหลือกันในสังคมเมื่อถึงคราวจำเป็น เช่นเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ปัญหาที่ดูใหญ่โตระดับที่คนไทยไม่เคยพบเจอมาก่อน กลับถูกแก้ไขได้อย่างรวดเร็วจากการช่วยเหลือกันของคนทั้งประเทศ ต่างคนต่างงัดความสามารถออกมาโดยไม่ต้องเอ่ยปากขอ หรือการร่วมมือกันในเลเวลเล็กลงมา อย่างการหลบรถพยาบาลฉุกเฉินบนท้องถนน ก็เป็นพฤติกรรมที่คนในสังคมทำตามกันโดยไม่ต้องรณรงค์มากมายอะไร เราจึงมีความเชื่ออยู่เสมอว่า ขอแค่มีผู้นำที่มีความพร้อม เป็นตัวตั้งตัวตี ก็น่าจะสามารถชักชวนคนในสังคมให้เกิดความสามัคคีร่วมมือกันได้ ทั้งหมดคือเหตุผลที่เรารู้สึกว่า #WECULTURE campaign ของ ANANDA DEVELOPMENT ทำออกมาได้ตรงใจคนไทยหลายคนแน่นอน

#WECULTURE  แคมเปญชื่อตรงตัวแบบไม่ต้องตีความหมายให้ยากเย็น ด้วยจุดมุ่งหมายที่ชักชวนให้ผู้คนเปลี่ยนจากการสนใจแต่เรื่องของตัวเอง (ME) เป็นการหันหน้าเข้าหากัน ช่วยเหลือผู้อื่นในสังคม (WE) ด้วยความเชื่อของ Ananda ถึงศักยภาพและความสามารถของคนไทย เรียกว่าแข่งกันตัวต่อตัวไม่น่าแพ้ชาติใดในโลก แต่ติดที่ทุกวันนี้ความเป็น “มหานคร” ของเมืองหลวง ที่ความเจริญ​ มักจะมาพร้อมความหนาแน่น ความเร่งรีบ คนในเมืองจึงไม่มีโอกาสได้หันหน้าเข้าหากัน การใส่ใจกันจึงลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ วัฒนธรรมการช่วยเหลือกันเริ่มจางหายไป ซึ่งน่าจะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้ในทุกมหานครทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทย

ทางแก้ที่พวกเราคนไทยทุกคนสามารถเร่ิมลงมือทำได้ง่าย ๆ แบบที่ Anada Development หยิบขึ้นมาแนะนำ ก็คือการสื่อสารกันให้มากขึ้น เพื่อทำความเข้าใจความคิด ความต้องการของกันและกันในสังคมให้มากขึ้น ฟังสิ่งที่คนอื่นพูด เปลี่ยนแปลงทัศนคติต่อคนรอบข้าง เพียงไม่นาน มันก็จะส่งผลไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรม เมื่อคนในสังคมหยิบยื่นทักษะความสามารถของตัวเองเพื่อช่วยเหลือคนอื่นในด้านใดด้านหนึ่ง เมื่อสิ่งนี้จะเริ่มก่อตัวเป็นวัฒนธรรม และส่งต่อไปกันเป็นทอด ๆ สู่คนในสังคมวงกว้าง เพียงเท่านี้ พวกเราก็สามารถสร้าง #WECULTURE ในอุดมคติได้อย่างไม่ยากเย็นเลย

#WECULTURE IS IN ANANDA’S DNA

เหตุผลที่ Ananda Development ทุ่มเทกับแคมเปญนี้มากเป็นพิเศษ เพราะแบรนด์มองว่าการร่วมมือกันเปลี่ยนอนาคตคนเมือง เป็นการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม ดังนั้น  #WECULTURE #TODAY.TOGETHER.TOMORROW  จึงเป็นสิ่งที่ยิ่งเกิดขึ้นเร็วยิ่งดี และแบรนด์ก็เชื่อในพลังของคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นพื้นฐานสังคมในอนาคต ทั้งในด้านความสามารถ และความกล้าแสดงออก

ไม่ใช่แค่พูดลอย ๆ ถ้าใครเคยติดตามข่าวคราวของ ANANDA DEVELOPMENT อยู่บ้าง จะรู้ว่า ANANDA ได้ผันตัวเองเกินกว่าคำว่า “Real Estate Developer” มาสู่ “Open Platform” เน้นการร่วมมือกับ StartUp TECH ที่สร้างโดยเด็กรุ่นใหม่ไฟแรงอย่างจริงจัง และเปิดโอกาสให้นำเทคโนโลยีไปใช้จริงเพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกบ้านในโครงการต่าง ๆ รวมถึงการสร้างพื้นที่ Co-Working Space ภายในออฟฟิศ เรียกว่า DVAb0 ซึ่ง ANANDA สนับสนุนให้ StartUp ใช้สร้างสรรค์ไอเดียใหม่ ๆ สำหรับแก้ปัญหาการใช้ชีวิตในเมืองให้ดีขึ้นอีกด้วย

ทั้งหมดนี้เป็นเพราะ ANANDA DEVELOPMENT ตระหนักดีว่าการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง และไม่ใช่สิ่งที่ใครจะทำสำเร็จด้วยตัวคนเดียวได้ ต้องอาศัยการร่วมมือกันในวงกว้างจากทุกคนในสังคม ซึ่งพวกเราทุกคนเองก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์ #WECULTURE ได้เช่นกัน เพียงเร่ิมต้นจากการแชร์ไอเดียว่า “ทำยังไงจึงจะทำให้เมืองของเราน่าอยู่ขึ้น” ที่  http://www.ananda.co.th/urbanlivingsolutions/weculture/  เป็นการร่วมสร้างวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่าให้สังคมได้ง่าย ๆ ลองคิดดูว่าอยากให้สังคมดีขึ้นยังไงบ้าง คนละไอเดีย ร้อยคนก็ได้ไอเดียดี ๆ เป็นร้อยไอเดีย ไม่แน่ว่าไอเดียของคุณอาจจะกลายเป็นไอเดียที่ช่วยสังคมได้มากอย่างที่คุณคาดไม่ถึงก็ได้

ANANDA DEVELOPMENT
TODAY.TOGETHER.TOMORROW.
#TodayTogetherTomorrow #WECulture