ใต้ฝากระโปรงของ X5 คันนี้ มีเครื่องยนต์ V12 จาก Le Mans ซ่อนอยู่ นี่คือ BMW X5 Le Mans รถ SUV ที่ถูกใช้เป็นสนามทดลองโชว์พลังงานดิบสุดของวิศวกรรม Motorsport “ถ้าเราเอาเครื่อง Le Mans ไปใส่ SUV ล่ะ มันจะเป็นยังไง?” โปรเจกต์นี้เริ่มต้นในปี 1999 – BMW เพิ่งชนะ Le Mans 24h ด้วยรถแข่ง BMW V12 LMR ที่พัฒนาโดยร่วมมือกับ Williams F1 ก่อนจะเปิดตัว X5 production รุ่นแรกที่ Frankfurt Motor Show และเพียง 6 เดือนถัดมา พวกเขาก็เปิดตัว X5 Le Mans ที่
MK vs สุกี้ตี๋น้อย – ในวันที่อาณาจักรสุกี้รุ่นใหญ่ที่เคยเป็นเบอร์หนึ่งแบบไม่มีใครกล้าท้าชน ประกาศเปิดเกมบุฟเฟต์ 299 บาททั่วประเทศ วัดใจกันแบบหม้อต่อหม้อ เสียงสั่นสะเทือนในวงการก็เริ่มขึ้นทันที ไม่ใช่เพราะราคาน่าตกใจ แต่เพราะมันคือสัญญาณการเปลี่ยนเกมที่ชัดเจนที่สุดในรอบหลายปี สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้การประกาศของ MK ก็คือการตอบโต้อย่างรวดเร็วจาก “สุกี้ตี๋น้อย” ที่ลั่นหม้อสวนทันทีด้วยโปรโมชั่นบุฟเฟต์ 199 บาท แม้จะลดราคาลงไม่เยอะมาก แต่ก็โดนใจกระตุ้นความคุ้มค่าให้กลุ่มลูกค้าตามหลัก odd price strategy เบื้องหลัง Price war ของหม้อที่เดือดดาลนี้ มีตัวเลขที่ร้อนพอๆ กันซ่อนอยู่ ฝั่ง MK ยังคงเป็นองค์กรใหญ่ที่มีรายได้รวมในปี 2567 กว่า 15,809 ล้านบาท แม้จะลดลงจากปีก่อนหน้า แต่ก็ยังทำกำไรสุทธิได้ถึง 1,441 ล้านบาท เป็นเงินที่มากพอจะลองกลยุทธ์ ทดสอบโมเดล มีเวลาให้หายใจได้อีกหลายรอบ มีธุรกิจในเครือช่วยกระจายความเสี่ยง แต่สิ่งที่สังเกตได้ชัดคือ momentum เริ่มชะลอตัว ผลกำไรในไตรมาสแรกปี 2568 ที่ 234 ล้านบาท ลดลงถึง 32%
ทุกวันนี้ชื่อสำนัก Top Secret ของ Smokey Nagata คงไม่แปลกหูสำหรับคนไทย เพราะบ้านเรามีร่างทองของทีมคุณเบียร์ ใบหยก เกือบจะครบตำนาน ไม่ว่าจะเป็น S15, GT-R รวมถึง Supra แต่วันนี้เราจะมาโฟกัสที่รถที่อาจจะบ้าที่สุดของเขา: Top Secret Supra V12 ในโลกของ 2JZ ที่ใครก็ใช้กัน มีไม่กี่คนเท่านั้นที่กล้าดึงหัวใจมันออก แล้วใส่ V12 ลงไปแทน Smokey วางเครื่อง 1GZ-FE V12 จาก Toyota Century ยัด Twin Turbo HKS GT2835 สองลูกเข้าไปเต็มข้อ พ่วงกับ Getrag 6-speed จับคู่คลัตช์ ORC พร้อม LSD ระบบ dry-sump และ ECU จาก HKS F-Con ช่วยควบคุมทุกอย่างแบบแม่นยำ
ในปี 1974 ชายชื่อ Count Gregorio Rossi di Montelera (ทายาทตระกูล Martini & Rossi ผู้สนับสนุน Porsche แข่ง Le Mans) ได้รับรถแข่ง Porsche 917K สีเงินเมทัลลิกคันหนึ่งจากโรงงานที่ Zuffenhausen เป็นรถที่สร้างเพื่อลงสนามแข่งเท่านั้น ไม่มีไฟเลี้ยว ไม่มีทะเบียน ไม่มีแอร์ เสียงท่อ Le Mans ดังกระหึ่มตลอดทาง แน่นอนว่ามันไม่สามารถขับบนถนนได้ แต่ Count Rossi อยากจะขับกลับบ้าน เลยตัดสินใจขับ Porsche 917K คันนั้นจากโรงงาน Zuffenhausen เยอรมนี ข้ามประเทศไปถึง Paris ด้วยถนนสาธารณะ แน่นอนว่าทุกคนที่ได้เห็นต่างต้องหันมองตามกันหมด กลายเป็นตำนานที่ทั้งผู้คนและ Porsche ต่างไม่เคยลืมโมเมนต์นั้น 50 ปีต่อมา Porsche อยากรำลึกเหตุการณ์นี้อีกครั้ง โดยเอารถแข่งระดับ 963 Le
Honda ตัดสินใจส่งท้าย Civic Type R ในตลาดยุโรปด้วยรุ่นพิเศษสุด “Ultimate Edition” รุ่นสั่งลาแบบจำกัดจำนวนแค่ 40 คัน พร้อมรายละเอียดที่ทำให้มันกลายเป็น edition แห่งยุค ตัวรถมาในสี Championship White คู่กับสติ๊กเกอร์ตกแต่งสีแดงบนฝากระโปรงและด้านข้างตัวถัง รับกับหลังคาสีดำและชุดแต่งคาร์บอนไฟเบอร์เต็มระบบ ทั้งสปอยเลอร์หลังและสเกิร์ตข้าง เพิ่มความจัดจ้านของรุ่นส่งท้ายให้เกินคำว่าพิเศษ ภายในห้องโดยสารมาตกแต่งด้วยธีมคาร์บอนบนคอนโซลกลาง มาพร้อม Type R Logo Projection ที่ฉายบนพื้นเมื่อเปิดประตู สะท้อนความเป็น Limited อย่างแท้จริง สิ่งที่ทำให้มันพิเศษกว่านั้นคือ กล่องของขวัญเฉพาะรุ่น ที่บรรจุหมายเลขลำดับ 1–40, พวงกุญแจคาร์บอน, พรมปูพื้นคัสตอมที่ผลิตเฉพาะสำหรับรุ่น Ultimate Edition เท่านั้น ทั้งหมดนี้คือการเฉลิมฉลอง 28 ปีของ Civic Type R ที่เริ่มต้นจากญี่ปุ่นในปี 1997 และกลายเป็นตำนานของรถขับหน้าที่ทำเวลาได้เร็วที่สุดในหลายสนามแข่งทั่วโลก รวมถึง Nürburgring, Suzuka, Magny Cours, Spa,
ในโลกที่เต็มไปด้วยแรงกระตุ้น สิ่งเร้ารอบด้านที่คอยปั่นให้อารมณ์ขึ้นจนอยากตอบโต้ฟาดกลับให้สะใจ ไม่ว่าจะบน Social Media บนถนน หรือจากคนรอบตัว การตอบโต้กลับทันที กลายเป็นพฤติกรรมที่ถูกสังคมหล่อหลอมขึ้นมาจนเราลืมการควบคุมตัวเอง ทุกคนถูกฝึกให้อารมณ์ขึ้นง่าย ตอบโต้ไวแบบไม่มีใครยอมเสียเวลา ราวกับว่าการตอบโต้ก่อนคือผู้ชนะ แต่ยิ่งเราเร่งตอบโต้มากเท่าไร ก็ยิ่งเปิดช่องให้อารมณ์ชั่ววูบเข้ามาควบคุมสมองมากขึ้นเท่านั้น ทำให้เราอยากแนะนำทักษะที่ไม่มีใครพูดถึงกันเลย แต่จำเป็นสุด ๆ ในยุคนี้ นั่นคือ “ศิลปะของการไม่ตอบโต้ทันที” — The Art of Not Reacting ไม่ใช่เพราะเราอยากสอนให้ทุกคนเป็นพระ หรือให้กลืนเก็บกดความรู้สึกจนไม่เหลือความเป็นตัวเอง แต่เพราะการตอบโต้แบบไร้สติ อาจเป็นเหมือนการโยนระเบิดใส่ชีวิตตัวเองโดยไม่รู้ตัว เพราะมีหลายเคสที่การตอบสนองทันทีแบบไร้สติ กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว สร้างปัญหาชีวิตให้ลุกลามใหญ่โตโดยไม่จำเป็น ทำไมเราตอบโต้เร็วเกินไป? ย้อนกลับไปตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ สมองส่วน Amygdala กลไกเอาตัวรอดของมนุษย์ มันถูกออกแบบมาเพื่อสั่งให้เราหนีเมื่อเจอเสือ ตอบโต้เมื่อถูกคุกคาม หรือที่เราเรียกมันว่า Fight or Flight Response แต่ปัญหาคือ ยุคนี้เราไม่ได้ถูกไล่ล่าโดยสัตว์ป่าอีกต่อไป ทุกวันนี้สิ่งที่กระตุ้น Amygdala ของเรากลับกลายเป็น คอมเมนต์แดกดันในโซเชียล เสียงแตรเสียงด่าจากรถคันข้าง ๆ ข้อความแซะจากคนในออฟฟิศ หรือคำพูดประชดในวงสนทนา
มันไม่ใช่รถใหญ่ ไม่ใช่รถหรู ไม่ใช่รถอวดคนอื่น แต่มันคือรถที่ทำมาเพื่อ “คนขับ” แบบจริงจัง M2 CS ใหม่ คือคำตอบที่ BMW ตั้งใจให้คนขับได้สัมผัสว่าอะไรคือแก่นแท้ของคำว่าขับสนุก ในยุคที่โลกกำลังผลัก performance car ให้เป็น digital experience และแม้ BMW จะตัดเกียร์ธรรมดาทิ้งไป แต่มันก็ยังไม่ทิ้งวิญญาณของ M2 ที่เราเคยหลงรัก นี่คือ M2 CS 2026 รถ compact coupe ที่แรงกว่า M4 Competition ด้วยพลัง 523 แรงม้า และแรงบิด 650 นิวตันเมตร จากเครื่อง S58 inline-six twin-turbo บล็อกเดียวกับ M4 CSL รีดพลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ZF ที่จูนมาอย่างเฉียบ แม่น และดุดัน ทำเวลา
หลังจากยุคของ E9 หากจะมองหาจุดเริ่มต้นของ BMW M บนถนนที่ส่งต่อแนวคิดจากสนามแข่งสู่การใช้งานจริง ชื่อที่ต้องพูดถึงเป็นอันดับแรกไม่ใช่ M1 แต่คือ BMW E12 M535i – production car คันแรกที่ถูกพัฒนาโดยทีม BMW Motorsport ก่อนจะส่งต่อสู่ยุคของ M5 อย่างเต็มรูปแบบ BMW เปิดตัว M535i ในปี 1980 บนพื้นฐานของ 5-Series E12 ที่ถูกปรับแต่งใหม่ทั้งหมด เครื่องยนต์รหัส M30B34 3.5-liter หกสูบเรียง SOHC ให้กำลัง 218 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด พร้อม Limited Slip ที่ช่วยให้การส่งแรงบิดไปสู่ล้อหลังเฉียบคมยิ่งขึ้น แม้ตัวรถจะหนักกว่า 1.4 ตัน แต่ด้วยการเซ็ตช่วงล่าง Modified sports suspension
หาก NSX-R หรือ R34 GT-R คือที่สุดในฝั่ง JDM – Honda RC30 ก็คือที่สุดฝั่งสองล้อ JDM ขีดสุดแห่งยุค 90s ที่สร้างแบบไม่สนต้นทุน ไม่เน้นยอดขาย เน้นความสะใจอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีจากสนามแข่ง ย้อนกลับไปปี 1987 – Honda ต้องการลงแข่ง World Superbike Championship (WSBK) ตามกฎ Homologation ทีม HRC (Honda Racing Corporation) จึงสร้าง VFR750R หรือที่โลกรู้จักในนาม RC30 รถที่อัดเทคโนโลยีสนามแข่งมาแบบเต็มขั้น และยังเปิดไฟเลี้ยวใส่ป้ายแดงได้แบบถูกกฎหมายออกมาอย่างน้อย 3,000 คัน (รวมทั้งหมดผลิตประมาณ 4,782 คันทั่วโลก) Honda ยัดใส่เทคโนโลยีจากสนามแข่งเข้าไปแบบไม่มียั้ง เครื่องยนต์ V4 748cc พร้อม gear-driven camshaft เสียงเครื่องดิบสะใจ, Slipper clutch
ถ้าพูดถึงชื่อ OMEGA คนส่วนใหญ่อาจนึกถึง Moonwatch ที่พาเราเหยียบดวงจันทร์ หรือ Seamaster ที่อยู่บนข้อมือสายลับ 007 แต่ในเงาของตำนานเหล่านั้น ยังมีอีกหนึ่งเรือนเวลาที่หลายคนอาจไม่คุ้นหูมากเท่าไหร่ แต่กลับฝังแน่นอยู่ในใจของนักสะสมตัวจริง – The OMEGA Railmaster จุดกำเนิดจากปี 1957 พร้อม ๆ กับรุ่นพี่ร่วมสายเลือดในตระกูล ‘Professional Trilogy’ เกิดมาเพื่ออยู่บนข้อมือของวิศวกร ช่างไฟฟ้า และนักฟิสิกส์ที่ต้องทำงานท่ามกลางสนามแม่เหล็กแรงสูง เช่น ในโรงงานผลิตไฟฟ้า หรือสถานีรถไฟฟ้า ซึ่งสนามแม่เหล็กพวกนี้สามารถรบกวนกลไกนาฬิกาได้อย่างรุนแรง ในยุคนั้นนาฬิกาแบบ anti-magnetic ถือเป็นของล้ำสมัย Railmaster รุ่นแรก (Ref. CK2914) สามารถทนสนามแม่เหล็กได้สูงถึง 1,000 Gauss ซึ่งนับว่าเยอะมากในยุคนั้น และถือเป็นคู่แข่งโดยตรงของ Rolex Milgauss ที่เปิดตัวในปีเดียวกัน ปี 2025 คือการกลับมาของ Seamaster Railmaster พร้อมดีไซน์ใหม่สองเวอร์ชันที่แม้จะไม่ใช่ตัวยอดนิยมแบบ Speedmaster หรือ Seamaster แต่ก็ถือเป็น