Business

“ขายยังไง ให้ได้ใจลูกค้า” ถอด 5 แนวคิดทำงานจากคนทำเพลงที่สร้างผลงานให้คนรักทั่วโลก

By: unlockmen January 25, 2021

เมื่อว่าด้วยเรื่องการขาย แน่นอนว่าเราต่างหนีไม่พ้นที่ต้องขาย…ในแต่ละวันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะขายของสำหรับอาชีพพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ (ซึ่งน่าจะเห็นชัดเจนที่สุดเมื่อพูดถึงเรื่องการขาย) ขายไอเดียเมื่อถูกกระตุ้นให้แสดงความคิดเห็นในที่ประชุม ขายงานให้ผ่านการอนุมัติเมื่อต้องพิชชิ่งกับคู่แข่งข้างนอกมากมาย หรือแม้แต่ขายความเก่งของตัวเองในกรณีที่ต้องการรับเลือกให้เป็นแคนดิเดตในการสมัครงานตำแหน่งที่ใช่

บทความนี้จึงอยากลองชวนคุณมาสวมบทบาท “นักขาย…” โดยลองนำเทคนิคที่ถอดมาจากแนวคิดการทำงานของเหล่าศิลปินที่สร้างผลงานให้คนรักทั่วโลก มาดูกันว่า กว่าพวกเขาจะก้าวขึ้นมาอยู่ท่ามกลางสปอตไลต์ได้นั้น พวกเขายึดหลักการอะไรในการสร้างสรรค์ผลงานเพลงที่ “ขาย” ให้คนฟังทั่วโลกยอมรับในฝีมือจนได้

 

 

Eminem

จริงจังและจริงใจในสิ่งที่ทำ

ตำนานแร็ปเปอร์ระดับโลกอย่าง Eminem ผู้ที่ไม่ยอมเรียกตัวเองว่า King of Rap แต่เลือกจะขนานนามตัวเองว่าเป็น Rap God เหมือนเพลงที่เขาแต่ง แน่นอนว่าผู้คนต่างไม่ปฏิเสธ เพราะนอกจากจะสร้างสถิติแรปได้เร็วที่สุด โดยแรป 330 พยางค์ ภายใน 31 วินาที จากเพลง Godzilla แล้วนั้น เขายังสร้างผลงานเพลงมากมายจนเป็นที่ยอมรับอีกด้วย

Source: Ft

หากจะบอกว่าสารตั้งต้นการสร้างผลงานให้คนรักเกิดจาก “ความรัก” ก็ไม่ผิดนัก เพราะเขาค้นพบว่าตัวเองหลงใหลการเรียงร้อยถ้อยคำภาษาอังกฤษและดนตรีฮิปฮอปตั้งแต่อายุสิบสี่ แต่สิ่งที่ทำให้เขาสานต่อความรักและความฝันที่จะทำเพลงฮิปฮอปจนโด่งดังขึ้นมาได้นั้นล้วนใช้ความพยายามและตั้งใจมากท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในช่วงเริ่มต้น อันเกิดจากอคติสีผิว เพราะฮิปฮอปเป็นวัฒนธรรมของชาวแอฟริกัน-อเมริกัน จึงไม่แปลกที่คนมักค่อนแคะว่าคนผิวขาวอย่างเขาจะทำมันได้จริงหรือ

ถึงอย่างนั้น Eminem ก็ทลายทุกกำแพงอคติที่ว่าลงได้เมื่อเขาได้แสดงให้เห็นศักยภาพด้านดนตรีจนได้เดบิวต์อัลบั้มแรกออกมา ที่สำคัญ เขายังวางเป้าหมายในการแต่งเพลงอัลบั้มต่อไปด้วยจุดมุ่งหมายที่จะสร้างสรรค์งานที่จุดประกายแรงบันดาลใจชีวิต ซึ่งเขาก็ทำออกมาให้เราได้เห็นผ่านผลงานเพลงดังต่าง ๆ

 

Maroon 5
กล้าที่จะฉีกแนว

เส้นทางวงดนตรีป็อปร็อกซุปเปอร์สตาร์วงนี้เริ่มต้นจาก “ความอยาก” ทำเพลงด้วยกันกับเพื่อนเรียนมหาลัย
ซึ่งก่อเกิดเป็นวงชื่อว่า Kara’s Flowers แม้จะได้ขึ้นแสดงโชว์ครั้งแรกที่ West Hollywood’s Whisky A Go-Go จนไปเข้าตาแมวมองค่ายเพลงดังอย่างวอร์เนอร์ มิวสิค และออกอัลบั้มแรก The Forth World
แล้วนั้น ทุกอย่างก็ไม่สวยหรูอย่างที่คิด เพราะพวกเขาขายเพลงได้เพียงห้าพันก๊อปปี้ ซึ่งถือว่าล้มเหลวสำหรับคนทำเพลง ทำให้ทุกคนต่างแยกย้ายไปเรียนต่อตามเส้นทางของตัวเอง

Source:  Udiscovermusic

ถึงอย่างนั้น Adam นักร้องนำของวงก็ไม่ได้ล้มเลิกความฝัน เขากลับใช้ช่วงเวลานี้ศึกษาและเปิดรับแนวดนตรีใหม่ ๆ โดย black music ถือเป็นแนวดนตรีที่มีอิทธิพลมากในยุคนั้น เห็นได้จากโรงเรียนสอนดนตรีแบบชาวแอฟริกัน-อเมริกัน หรือแม้แต่ตัวเขาและแฟนของเขาเองที่ยังหลงใหลเพลงอาร์แอนด์บี โซล และฮิปฮอป นี่เองที่ทำให้เขาคิดขึ้นมาได้ว่าเขาต้องทำเพลงที่ไม่เคยมีใครได้ฟังมาก่อน

เมื่อมีโอกาสกลับไปทำเพลงอีกครั้ง Adam ได้รวบรวมสมาชิกวงมาร่วมทำเพลงกัน โดยครั้งนี้พวกเขาครีเอตแนวเพลงขึ้นมาต่างจากเดิม เพิ่มความเป็น black music ผสมผสานเข้ากับทำนองเพลงร็อก โดยเฉพาะแนวเพลงอาร์แอนด์บี ถือเป็นการสร้างสรรค์งานเพลงที่แปลกใหม่ทั้งในด้านเนื้อเพลงและการร้อง อันเป็นที่มาของวงป็อปร็อกแนวใหม่ Maroon 5 แน่นอนว่าเดบิวต์ใหม่ครั้งนี้ประสบความสำเร็จล้นหลาม ซึ่งทำให้เพลง This Love และ She will be loved ติด 40 อันดับ บนบิลบอร์ดเมื่อปี 2004

 

One Ok Rock
รักษาเอกลักษณ์ รู้จักปรับตัว

ต้องยกให้เป็นอีกตำนานวงร็อกระดับโลกกับ One Ok Rock ความเจนจัดในวงการเพลงระดับโลกนั้นการันตีได้จากรางวัลมากมาย ล่าสุดได้รับรางวัล Best Live Performance 2018 จาก Rock Sound Awards รวมทั้งยังเดินหน้าทัวร์คอนเสิร์ตใหญ่ทั่วโลก ซึ่งถือว่าเป็นความท้าทายและโจทย์ยากไม่น้อยสำหรับการตีตลาด
เพลงท่ามกลางกระแสความนิยมของเพลงป๊อบ ถึงอย่างนั้น นี่อาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับวงดนตรีสุดเก๋าวงนี้เลย เพราะสูตรสำเร็จในการทำวงและสร้างผลงานให้เป็นที่ประทับใจตลอดกาลของพวกเขาอาจอยู่ที่ “การรู้จักปรับตัว” ให้เข้ากับยุคสมัยเสมอ

Source:  Oneokrock

Taka หัวหน้าวงได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการทำเพลงในยุคนี้ไว้ว่าพวกเขายังคงยึดมั่นในการทำเพลงร็อกเสมอ โดยตั้งใจจะสร้างฐานแฟนเพลงให้แข็งแกร่งและ “ชุบชีวิต” ดนตรีร็อกขึ้นมาอีกครั้ง แน่นอนว่าพวกเขาอาจต้องสร้างสรรค์สิ่งใหม่เข้ามาในผลงานตัวเอง ในขณะเดียวกัน ยังคงยึดมั่นในแนวทางเพลงร็อก ไม่ได้ปรับเปลี่ยนจนนิยามความเป็นดนตรีเลือนหายไปตามกระแสนิยม นี่เองคงเป็นจุดสมดุลในการสร้างผลงานให้ผู้คนยังเชื่อมั่นและติดตามเพลงของพวกเขาต่อไป รวมทั้งดึงดูดคนฟังใหม่ ๆ ให้เข้ามาทำความรู้จัก One Ok Rock มากขึ้น

 

Ed Sheeran
คิด ทำ และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

จากเด็กเนิร์ดหัวแดงขี้อายที่ถูกเพื่อนแกล้งเป็นประจำ กลับทำให้ผู้คนหยุดหันมาฟังเมื่อเขาได้ลองร้องเพลง
ออกมา และนั่นก็ทำให้ Ed ค้นพบว่าความสุขของเขาคือการได้เล่นดนตรีและร้องเพลงให้คนฟัง Ed เริ่มเล่นกีตาร์ตอนอายุสี่ขวบ เรียนรู้และเข้าใจภาษาอย่างถ่องแท้จากการฟังเพลงของ Eminem ตอนสิบขวบ และหัดแต่งเพลงตอนอายุสิบเอ็ดขวบ อันเป็นจุดเริ่มต้นของการขึ้นแสดงตามที่ต่าง ๆ แต่นี่ก็ไม่ได้หยุดเขาเพียงเท่านี้

Source: Standard

Ed เดินหน้าสานต่อความฝันสู่โลกใบใหญ่ เขาตัดสินใจออกเดินทางมาลอนดอนตอนอายุ 14 โดยมีกีตาร์หนึ่งตัวกับเสื้อผ้าไม่กี่ชุด ตั้งใจไว้ว่าจะเริ่มต้นเส้นทางคนดนตรีอย่างจริงจัง ทุกอย่างไม่ได้สวยหรูเหมือนปูพรมแดง เขาเคยแอบนอนในสวนสาธารณะและสถานีรถไฟใต้ดิน ไม่มีแม้กระทั่งเงินซื้ออาหาร แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ Ed ล้มเลิกความฝัน เขายังคงเดินหน้าทำเพลงต่อไป โดยเล่นดนตรีแสดงตามงานเล็ก ๆ มากมาย ถือเป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ จนโอกาสเหมาะสมมาถึง เมื่อเขาได้โพสต์คลิปร้องเพลงในช่องทางออนไลน์ คลิปนั้นได้รับความนิยมและถูกพูดถึงเป็นอย่างมากอันเป็นใบเบิกทางสู่การร่วมงานกับคนดังทั้ง Jamie Foxx, Taylor Swift และอีกมากมาย กว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นศิลปินที่คนรักและชื่นชมผลงานของเขาได้ Ed เปิดรับทุกโอกาสที่เข้ามา โดยผ่านการคิด ลงมือทำ และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จึงไม่แปลกเลยที่เพลงของเขาจะถูกนำมาบรรเลงขับกล่อมในโอกาสต่าง ๆ เสมอ

 

Coldplay
เล่าเรื่องที่คนอยากฟัง

“Our sound will change, but all we care about is melody and emotion” ต้องยอมรับว่า Coldplay คือหนึ่งใน music band ระดับตำนานที่ครองใจคนฟังด้วยเพลงดังมากมาย ไม่ว่าจะปล่อยมากี่อัลบั้มก็ยังสร้างยอดขายได้ถล่มทลาย หัวใจสำคัญของการทำเพลงแต่ละเพลงออกมานั้นก็อยู่ตรงที่พวกเขาเขียนเพลงเล่าเรื่องที่คนฟังอยากฟัง ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาอยากเล่าเพียงอย่างเดียว

Source: Thetimes

นอกจากจะทำเพลงที่มีเนื้อหาเชื่อมโยงอารมณ์และความรู้สึกผู้คนในฐานะปัจเจกชน อย่างเรื่องความรัก อกหัก หรือความกลัวในชีวิตของคนเราแล้ว Coldplay ยังเล่าเรื่องที่ผู้คนอยากฟังในฐานะมนุษยชาติอีกด้วย โดยพวกเขาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกระบอกเสียงในการหยิบยกประเด็นสำคัญระดับโลกให้ผู้คนได้ยินกัน แคมเปญที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ Oxfam’s Make Trade Fair ซึ่งมุ่งเน้นเกี่ยวกับแก้ไขปัญหาความยากจน รวมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตผู้คนให้เพิ่มขึ้น เพราะเป้าหมายในการทำเพลงของวงไม่ได้หยุดอยู่ที่ผลงานดนตรีที่แสดงออกมาให้เป็นที่ประจักษ์เท่านั้น แต่ยังแสดงออกมาผ่านการเป็นตัวแทนกระบอกเสียงต่าง ๆ นี่เองที่ยิ่งตอกย้ำและทำให้คนที่ได้ฟังเพลงของเขารู้สึกร่วมมากขึ้น เหมือนกับได้มีส่วนร่วมในการเข้าถึงเรื่องราวหรือประสบการณ์เหล่านั้นที่ถ่ายทอดมาโดยตรง

 

Source: Thriveglobal / Highsnobiety/ Aceshowbiz/ Bandwagon/ Goalcast/ Notablebiographies

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line