Bioceramic MoonSwatch MISSION TO EARTHPHASE สดุดีแต่โลกและดวงจันทร์ ซึ่งรุ่นนี้ไม่ได้มีแค่ฟังก์ชันบอกดิถีของดวงจันทร์เท่านั้น แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น ยังมาพร้อม ฟังก์ชันบอกดิถีของโลกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์วงการการประดิษฐ์เรือนเวลาอีกด้วย ทำให้ Swatch พลิกแพลงวาทะอันโด่งดังของกาสิเลโอ “แต่โลกก็ยังโคจรรอบดวงอาทิตย์ต่อไป!” (And yet it moves!”) และเย้าหยอกว่า “แต่โลกและดวงจันทร์ก็ยังโคจรรอบดวงอาทิตย์ต่อไป!” ส่วนฟังก์ชันบอกดิถีของโลก หากคุณดูตรงหน้าปัดย่อยที่ตำแหน่งสิบนาฬิกา ก็จะได้ดื่มด่ำกับการโคจรของโลกเราเมื่อมองจากดวงจันทร์ มีการแต่งแต้มสีสันให้กับฟังก์ชันบอกดิถีของโลกที่จดสิทธิบัตรแล้วเพื่อสดุดีแด่ความหลากหลายและความงดงามของโลกสีครามของเรา คุณจะมองเห็นก้อนเมฆ รวมถึงสีสันที่ตัดกันของมหาสมุทร ป่าไม้และผืนทะเลทราย นอกจากนี้ ยังมีการเคลือบหมึกพิมพ์ยูวี (เปล่งแสงสีฟ้า) ที่มองเห็นเมื่อโดนแสงยูวีเท่านั้นตรงมหาสมุทรเพื่อเพิ่มความล้ำทะลุจักรวาลเข้าไปอีก รุ่น Bioceramic MoonSwatch MISSION TO EARTHPHASE จะวางจำหน่ายทั่วโลกที่ร้านค้าของ Swatch ที่ร่วมรายการตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายนเป็นต้นไป และเช่นเดียวกับนาฬิกาทั้งหมดในคอลเลกชัน Bioceramic MoonSwatch ก็จำกัดสิทธิ์ในการซื้อ 1 เรือน/ 1 สาขา/ 1 คน/ 1 วันเท่านั้น
MacBook Pro M4 ความทรงพลังล่าสุดจาก Apple ด้วยชิปตระกูล M4 ทั้ง M4, M4 Pro และ M4 Max ขุมพลังขับเคลื่อนประสิทธิภาพให้ทำทุกอย่างได้เร็วยิ่งขึ้น มีแบนด์วิดท์หน่วยความจำสูงขึ้น เมื่อรวมเข้ากับตัวเร่งความเร็วด้านการเรียนรู้ของระบบใน CPU, GPU ที่ล้ำสมัย และ Neural Engine ที่เร็วขึ้นและประหยัดพลังงานมากขึ้นด้วย พร้อมเสริมความสามารถให้เหนือชั้นยิ่งขึ้นไปอีกด้วย Apple Intelligence ช่วยให้โมเดลการเรียนรู้ภาษาขนาดใหญ่ (LLM) และโปรเจ็กต์ขนาดใหญ่อื่นๆ ทำงานบนอุปกรณ์ได้อย่างลื่นไหล นอกจากนี้ทุกรุ่นยังมาพร้อมจอภาพ Liquid Retina XDR ที่ดียิ่งขึ้น พร้อมตัวเลือกจอภาพ Nano-texture แบบใหม่หมดที่ลดแสงสะท้อนและภาพสะท้อนรบกวนสายตาลงได้มาก และในสภาพแสงที่สว่าง MacBook Pro ใหม่ยังสามารถแสดงคอนเทนต์ SDR ที่ความสว่างสุงสุด 1,000 นิต และยังคงแสดงคอนเทนต์ HDR ที่ความสว่างสูงสุดเฉพาะจุดสูงถึง 1,600 นิต ซึ่งทั้งหมดนี้จะพลิกโฉมประสบการณ์ให้กับผู้ใช้ที่ต้องทำงานกลางแจ้งไปอย่างสิ้นเชิง รวมถึงกล้อง 12MP
ช่วงเวลาแห่งความดุเดือดในโลกแห่งความเร็ว หลัง McLaren พึ่งจะเปิดตัว W1 ออกมาได้ไม่นาน ด้าน Porsche ก็เตรียมเปิดตัว hypercar รุ่นใหม่เร็ว ๆ นี้ ฝั่ง Ferrari ก็ได้เปิดตัวโมเดลใหม่ออกมาในชื่อ F80 เป็น flagship ที่จะมาสานต่อตำนานความยิ่งใหญ่ของ LaFerrari ด้วยขุมพลัง 3.0-liter V6 turbocharge Hybrid 900 แรงม้าจากเครื่องยนต์ พ่วงพลังงานจาก Tri-motor AWD ให้กำลังรวมเกือบ 1,200 แรงม้า เคลมตำแหน่ง “The Most Powerful Ferrari” ที่เคยผลิตออกจากโรงงานจนถึงวันนี้ สามารถทำความเร็วถึง 100 km/h ได้ภายใน 2.15 วินาที และถึง 200 km/h ใน 5.75 วินาทีเท่านั้น ความเร็วสูงสุด 350 km/h
Aston Martin DB12 Goldfinger Edition ฉลองครบรอบ 60 ปี ให้กับสายลับ 007 Goldfinger ด้วยแรงบันดาลใจจาก iconic DB5 ที่ขับโดย Sean Connery ในปี 1964 ซึ่งเป็นครั้งแรกในซีรีส์ James Bond ที่ได้ขับ Aston Martin ในภาพยนตร์ รถคันนี้ถูกสร้างแบบ special edition บนโมเดล 2023 DB12 ผลงานการตกแต่งเป็นพิเศษโดยแผนก “built by Q” limited production จำนวน 60 คัน ด้านขุมพลังของ Aston Martin DB12 Goldfinger Edition ยังคงใช้สเปกเดิม เครื่องยนต์ 4.0-liter twin-turbo V8 ให้กำลัง 671 hp
Ruf Rodeo การตีความ Safari 911 off-road version ในมุมมองของ RUF ที่ดูแตกต่างจาก 911 Dakar อย่างชัดเจน และยังแตกต่างจาก Rodeo concept ที่เคยนำเสนอย้อนไปในปี 2020 ภายนอกยังคงให้ความรู้สึกถึง classic 911 แต่มีการปรับรายละเอียดสำคัญหลายจุดให้กลิ่นอายความเป็น modern retro ที่แข็งแกร่งพร้อมลุย โครงสร้างทำขึ้นใหม่ด้วยวัสดุ lightweight carbon monocoque chassis บอดี้ผลิตจาก carbon fiber มาพร้อมที่จับประตูแบบ Flush Door Handles ซ่อนไว้ในตัวรถอย่างแนบเนียน กันชนหน้าและหลังออกแบบใหม่จนดูคล้ายรถในเกมหรือการ์ตูน ภายในตกแต่งสไตล์ Western Americana them หุ้มหนังสีน้ำตาลผสมกับผ้าที่เล่นลวดลายสนุกสนาน เข้าใจว่า RUF ต้องการให้ Rodeo เป็นรถที่เห็นภายนอกหรือภายในก็อยากจะขับออกไปผจญภัยทางฝุ่นทันที เครื่องยนต์ 3.6-liter turbocharged flat-six อัพเกรดเพิ่ม output
หาก Mercedes-AMG คือความแรง Mercedes-Maybach ก็คือความหรูหราสะดวกสบาย นี่คือครั้งแรกที่เราได้เห็นการนำแบรนด์ Maybach มาใช้ใน SL roadster ในรหัส SL 680 Monogram Series ขุมพลัง bi-turbo 4.0-liter V8 577 แรงม้า แรงบิด 590 lb-ft จาก SL63 แม้ตัวเลขจะเท่ากัน แต่ผ่านการปรับปรุง software และตำแหน่งเครื่องเพิ่มความนุ่มนวลใน Maybach เวอร์ชัน โลโก้ Maybach ถูกใส่เข้าไปแบบไม่ยั้งตั้งแต่ฝากระโปรงหน้าสีดำ ช่องดักอากาศ กระจังหน้า หลังคาผ้า soft-top roof ไปจนถึงดีไซน์ในห้องโดยสารที่เพิ่มความเป็น Maybach เข้าไปทั้งใน start-up animations และการตกแต่งที่เน้นความหรูหราด้วยหนังโทนสีขาว crystal-white nappa leather ใครใจไม่แข็งอาจมีอาการเขินกันบ้างเพราะตะโกน Mayback เยอะมากจริง ๆ สิ่งที่ค่อนข้างสับสนใน Mercedes-Maybach
ก่อนหน้านี้มีข่าวเกี่ยวกับ Porsche ลึกลับที่ดูคล้าย 911 GT1 กำลังโหลดขึ้นเครื่องบินใน LAX ทำให้หลายคนคาดว่า Porsche จะมีเซอร์ไพรส์เปิดตัวรถแข่งรุ่นใหม่ แต่สรุปแล้วมันคือ Tuthill GT One ที่ได้แรงบันดาลใจจาก 911 GT1 รถแข่ง Le Mans ที่เร็วที่สุดของ Porsche โครงสร้างของ GT One คาดว่าจะเป็น steel tubular chassis เครื่องยนต์มีสองแบบคือ Porsche’s 4.0 ลิตร 6 สูบ NA ผ่านการโมดิฟายจนได้ 500 แรงม้า และแบบพ่วง turbocharged 600 แรงม้า วางกลาง mid-engine ขับเคลื่อนล้อหลังด้วยเกียร์ 7-speed dual-clutch หรือเกียร์ manual มี redline ให้ลากได้ถึง 11,000-rpm ดีไซน์ของรถเน้นความเป็น
ผลงานการ conversion แบบสุด exclusive โปรเจกที่สร้างสรรค์ร่วมกันระหว่างการออกแบบโดย hardcore collector และการทำให้เป็นจริงโดย Porsche Sonderwunsch program นำ 911 993-generation มาสร้างใหม่ให้เป็น Speedster version ซึ่งในประวัติศาสตร์เคยมี 993 Speedsters ออกจากโรงงาน Porsche เพียง 2 คัน สำหรับฉลองวันเกิด 60 ปี Ferdinand Alexander Porsche ในปี 1995 และรถคันพิเศษสำหรับดาราดัง Jerry Seinfeld ในปี 2001 รถคันนี้จึงเป็นคันแรกที่ Porsche ผลิตให้กับลูกค้าคนสำคัญ Mr. Luca Trazzi ชาว Italian โปรเจกนี้เริ่มจากการนำ 1994 Porsche 911 Carrera Cabriolet มาเป็น donor car
Lamborghini Temerario บอกลาเครื่อง NA V10 ด้วย Plug-in hybrid supercar กับกระทิงตัวใหม่มาแทน Huracan ในขุมพลัง 920 แรงม้า twin-turbo V8 พร้อม Triple-Motor PHEV, 0 to 100 ใน 2.7 วินาที “Temerario” เป็นโมเดลที่สองในตระกูล Lamborghini High Performance Electrified Vehicle (HPEV) ต่อจาก Revuelto โดย Temerario เป็นชื่อของกระทิงนักสู้ที่โด่งดังในปี 1875 มีความหมายว่า “บ้าระห่ำ” ในภาษาสเปน น่าจะบ่งบอกถึงบุคลิกของ baby Lamborghini รุ่นใหม่ล่าสุดได้ชัดเจน Temerario มาแทนที่ Huracan ที่ทำตลาดตั้งแต่ปี 2013 จากไปพร้อมเครื่องยนต์ 5.2 ลิตร V10
Acura Integra Type S HRC Prototype ผลงานการรีดสมรรถนะพร้อมชุดแต่งใหม่ล่าสุดเค้นความสปอร์ตออกมาเต็มพิกัดโดยทีมงาน Honda Racing Corporation (HRC) ได้แรงบันดาลใจจาก DNA ของรถแข่งรุ่นพี่อย่าง Integra Type S TCX-class racecar ภายนอกของ Integra Type S HRC Prototype ติดตั้งชุดแต่งที่ดุดันพร้อมเน้นหลักการ aerodynamic ตามสไตล์รถแข่งตั้งแต่กันชนและช่องดักอากาศขนาดใหญ่ด้านหน้าสีดำเข้ากับบอดี้สีเหลือง Indy Yellow Pearl ฝากระโปรงหน้า carbon fiber เพิ่มช่องระบายอากาศ ด้านหลังเพิ่ม carbon fiber rear wing เบาะ Recaro bucket seats แอร์และเบาะหลังถูกยกออกและปิดด้วย carbon fiber สำหรับวางล้อและยางอะไหล่ 4 เส้น เพิ่มค้ำตัวถังแบบ X-Brace สีเดียวกับตัวรถเสริมความแข็งแกร่งให้ chassis กลายเป็น