Black Valentine เอา (ใจ) ตัวเองให้รอด สำหรับผู้ชายที่โดนเทในเดือนแห่งความรัก

By: UNLOCKMEN Team February 12, 2018

ยินดีต้อนรับทุกคนเข้าสู่เดือนแห่งความรัก แม้มันจะเป็นคำพูดที่ดูดี แต่ก็ไม่ใช่ว่าผู้ชายทุกคนจะสมหวังกับความรักใช่ไม่ ? เพราะบ่อยครั้ง ไอ้เดือนแห่งความรักนี่แหละที่เป็นต้นเหตุของการเสียน้ำตาของหนุ่ม ๆ มานักต่อนักแล้ว สำหรับคนที่ต้องเจอกับ Bad Valentine โดนสาวบอกเลิกไปหมาด ๆ หรือกำลังอยู่ภาวะป่วยทางความรัก ทีมงาน UNLOCKMEN เข้าใจว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะผ่านวันแห่งความรักนี้ไปได้ ดังนั้นเราจึงนำ 5 ขั้นตอนที่จะช่วยให้คุณผ่านมันไปได้และกลับมาเป็นผู้ชายที่เจ๋งกว่าเดิม

Step 1 : ผ่านความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นให้ได้ก่อน

แน่นอนว่าเมื่อคุณถูกบอกเลิก ความรู้สึกแรกที่วิ่งตรงเข้ามาในหัวคือ ความงุนงง การไม่เห็นด้วยและความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จากการจบลงของความสัมพันธ์ ณ จุดนี้สิ่งที่พอจะช่วยคุณได้ดีคือการใช้เวลากับเพื่อนฝูงและครอบครัว เพราะคนเหล่านั้นมักไม่เคยละเลยความรู้สึกของคุณ แถมยังพร้อมจะรับฟังเสมอถ้าคุณกล้าเปิดใจเล่ามันออกมา และอาจมองหากิจกรรมอื่น ๆ ที่ช่วยให้ผ่อนคลายได้ อย่างเช่น การการฟังเพลง ( ที่ไม่ใช่เพลงเศร้า ) อย่าเก็บตัวเองต้องให้เผชิญกับความเจ็บปวดอย่างโดดเดี่ยว การยอมรับมันและเผชิญหน้ากับความคือวิธีเดียวที่จะทำให้คุณผ่านความเจ็บปวดออกมาได้

Step 2 : เลิกหาสาเหตุ

ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าคำถามแรกที่มักเข้ามาอยู่ในหัวเรา เวลาถูกบอกเลิก คือ “ เราทำอะไรผิดไปวะ? “ คุณจะเริ่มมองหาข้อบกพร่องของตัวเอง โดยคิดไปต่าง ๆ นานา เช่น ตัวคุณอาจจะไม่หล่อ , ไม่ฉลาดพอหรือดูไม่มีอนาคต เราขอให้คุณหยุด ! เพราะถึงเวลาของการเลิกโทษตัวเองว่าเป็นต้นตอของเรื่องได้แล้ว มันไม่ใช่ทางออกของปัญหาที่ถูกต้อง และยังทำให้เราจมลึกลงไปกับความเลวร้ายอีกด้วย ถ้าหากคุณมีสติก็จะพบความจริงที่ว่าสาเหตุที่แท้จริงเกิดจากความไม่เหมาะสมของคนทั้ง 2 เท่านั้นเอง อย่าปล่อยให้ความคิดตัดสินอะไรออกมาในแง่ร้าย เตือนตัวเองว่าเราเป็นใครและสามารถทำอะไรได้ยอดเยี่ยมแค่ไหนเพื่อปลุกตัวเองให้เจ๋งขึ้นกว่าเดิม

Step 3 : หาจุดยืนให้ตัวเอง

ขั้นตอนนี้ควรทำควบคู่กับการเลิกหาสาเหตุ ถ้าคุณเป็นคนจิตใจอ่อนแอและไม่เข้มแข็งพอ อาจจะเกิดความคิดว่า ถ้าเราได้กลับไปแก้ตัวสักครั้งคงดี หรืออาจโทรง้อแฟนเก่าแล้วพล่ามว่า ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม แค่เห็นหน้าก็ยังดี ทั้ง ๆ ที่เธออาจจะไม่เหลือเยื่อใยอะไรแล้ว ดังนั้นเลิกคาดหวังอะไรที่เป็นไปได้ยากแบบนั้นเถอะ จงใช้เวลาในช่วงนี้ถามตัวเองอย่างจริงจังว่าเราได้อะไรจากความสัมพันธ์ที่ผ่านมาบ้าง หรือแค่ยอมทนอยู่ฝ่ายเดียวตลอดเวลา ตอบตัวเองให้ชัดเจนไปเลย ว่ายังต้องการชีวิตคู่แบบนั้นอยู่อีกหรือเปล่า ถ้าไม่ก็เดินหน้าแล้วไม่ต้องหันกลับมามองข้างหลังอีก

Step 4 : เก็บทุกอย่างเป็นประสบการณ์

ถ้าหากกลับไปคิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา แล้วว่ามีความผิดพลาดที่ตัวคุณได้สร้างขึ้น อย่ารู้สึกผิดหรือตำหนิตัวเอง อย่าโทรไปหาแฟนเก่าแล้วร้องไห้ฟูมฟายว่า ” ผมจะไม่ทำอีกแล้วกลับมาเถอะ ” ทั้ง ๆ ที่เรื่องทั้งหมดอาจไม่ได้เกี่ยวกับความผิดพลาดในอดีตเลย จงทำใจยอมรับว่ามันเป็นเรื่องของอดีตที่ไม่สามารถไปแก้ไขอะไรได้แล้ว ในทางกลับกันนำประสบการณ์ที่รับมา ผลักดันตัวเองให้เป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิมในความสัมพันธ์ครั้งต่อไปจะดีกว่า ชีวิตของคุณยังไม่ได้จบอยู่กับแค่ผู้หญิงเพียงคนเดียวเชื่อเราเถอะ

Step 5 : ปล่อยวาง

ไม่ง่ายนักที่จะเลิกยึดติดกับความรัก โดยเฉพาะถ้าคุณยังต้องวนเวียนอยู่กับเหตุการณ์และสถานที่เดิม ๆ ที่เคยใช้เวลาร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหารโปรด เพลงที่เคยฟังด้วยกัน ถ้าคุณยังวนเวียนอยู่กับสิ่งเดิมแบบนี้ มันก็ไม่ง่ายที่จะเริ่มใหม่ได้ แทนที่จะจมอยู่กับอดีต ลองสร้างทางเดินของตัวเราเองขึ้นมาสิ การนัดเพื่อนไปกินกาแฟในวันหยุด ริเริ่มวิ่งออกกำลังเพื่อลงแข่งมาราธอนสักรายการ สร้างจุดหมายให้เปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ ยอมรับเรื่องที่จบลงไป เปิดโอกาสให้ตัวเองได้เจอกับความรักครั้งใหม่ที่ดีทั้งสุขภาพกายและจิตใจ

สิ่งแรกที่ช่วยผลักดันให้คุณข้ามผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายในชีวิตนี้ได้ คือจิตใจที่ต้องเข้มแข็ง เชื่อเถอะว่าชีวิตผู้ชายอย่างเรายังต้องเจอกับเรื่องแย่ ๆ กว่าการโดนผู้หญิงสักคนบอกเลิกอีกมากมาย ถ้าเข็ดกับความรัก ก็ลองครองตัวเป็นโสดให้เวลากับตัวเองดูก่อน เมื่อพร้อมแล้วจะกลับมามีความรักที่ดีกว่าเดิมอีกครั้งก็ยังไม่สายเกินไป

source