Life
เป็นโสดแล้วดียังไง ? ประโยชน์ของการเป็นโสดและวิธีการใช้ชีวิตคนเดียวอย่างมีคุณภาพ
By: unlockmen October 7, 2020 189316
สำหรับใครหลายคน การเป็นโสดอาจให้ความรู้สึกเหมือน อยู่คนเดียว อยู่ลําพัง หว่าเว้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาจะรู้สึกแย่กับการเป็นโสด และต้องการใครสักคนมาอยู่เคียงข้างกัน แต่เราอยากบอกทุกคนว่า การเป็นโสดไม่ได้เท่ากับความโดดเดี่ยวเสมอไป และวิธีการเป็นโสดแบบได้อย่างไม่รู้สึกเหงาก็มีอยู่เหมือนกัน ซึ่งในบทความนี้ UNLOCKMEN จะอธิบายให้ฟังว่ามันต้องทำอย่างไรบ้าง
แต่ก่อนจะพูดถึงวิธีการเป็นโสดอย่างมีคุณภาพ เราอยากพูดถึงประโยชน์ของการเป็นโสดก่อน อ้างอิงข้อมูลจากงานวิจัยและผู้เชี่ยวชาญ การเป็นโสดจะมีข้อดีที่แตกต่างจากคนที่มีแฟน หรือ แต่งงานแล้ว ดังนี้
1. กังวลน้อยกว่าคนมีคู่
เราคงได้ยินกันบ่อยๆ ว่า การมีแฟนจะทำให้ทุกวันของเรากลายเป็นชมพู ซึ่งอาจไม่จริง เพราะความขัดแย้งเกิดขึ้นได้เสมอในความสัมพันธ์ ดังนั้นการเป็นโสดจึงอาจทำให้เรามีความสุขมากกว่ามีแฟนได้เหมือนกัน ซึ่งงานวิจัยบางชิ้น บอกว่า คนที่กลัวความขัดแย้งเวลามีความสัมพันธ์จะมีความสุขกับการเป็นโสดมากกว่าตอนมีแฟน บางชิ้นก็บอกว่า คนโสดเครียดน้อยกว่าคนที่มีความสัมพันธ์ เพราะพวกเขาทำงานบ้าน หรือกังวลเรื่องเงิน น้อยกว่าคนที่แต่งงานแล้ว
ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์บางคน ยังกล่าวไว้ว่า ความใกล้ชิดและการมีคู่มักทำให้สมองของเรา ‘รก’ อยู่เสมอโดยที่เราก็ไม่รู้ตัว เพราะผู้ที่อยู่ในความสัมพันธ์มักแสดงความกังวลต่อคู่ของตัวเองอยู่เสมอ ทำให้ความสามารถในการโฟกัสกับสิ่งต่างๆ น้อยลง และยังทำให้เกิดความเครียด ไม่มีความสุขในการชีวิตด้วย ดังนั้น การเป็นโสดจึงดีกว่า เพราะช่วยจัดการสมองที่รกเพราะความกังวล ให้มีพื้นที่สำหรับความคิดใหม่ๆ และความฝันใหม่ๆ ได้
2. รักษาความสัมพันธ์กับคนรอบได้ดี
เวลาเรามีแฟน เราอาจให้เวลากับแฟนมากกว่าคนอื่น และใช้เวลาอยู่กับเพื่อน ครอบครัว หรือ คนรอบข้างน้อยลง การมีแฟนเลมีผลต่อการรักษาความสัมพันธ์กับคนรอบข้างด้วย การเป็นโสดเลยดีกว่า เพราะทำให้เราสามารถรักษาความสัมพันธ์กับคนรอบข้างได้ดีขึ้น โดยเฉพาะคนในครอบครัว เรื่องนี้ได้รับการยืนยันจากงานวิจัยหลายชิ้น เช่น งานวิจัยชิ้นหนึ่ง (2006) พบว่า คนที่เป็นโสดอยู่เสมอมักจะใส่ใจกับเพื่อนและครอบครัวมากกว่าคนที่แต่งงานแล้ว สอดคล้องกับ งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่ง (2015) ที่พบว่า คนโสดจะติดต่อกับผู้ปกครอง พี่น้อง เพื่อนบ้าน และเพื่อน มากกว่าคนที่แต่งงานแล้ว รวมถึงขอความช่วยเหลือหรือให้ความช่วยเหลือคนเหล่านั้นมากกว่าด้วย และยังมีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย (2010) พบว่า คนโสดจะเลือกคบเพื่อนใกล้ชิดหลากหลายประเภทมากกว่า และพยายามรักษาความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องให้แข็งแรงมากกว่าคนอื่นด้วย
3. ตั้งใจทำงานได้อย่างเต็มที่
คนโสดอาจตั้งใจทำงานมากกว่าคนมีแฟน เพราะพวกเขาไม่ได้เอาเวลามาใส่ใจกับเรื่องคู่ตัวเอง หรือ การรักษาความสัมพันธ์ จึงให้เวลากับได้งานอย่างเต็มที่ มีการทดลองหนึ่งพบว่า คนเป็นโสดจะให้ความสำคัญกับการทำงานที่มีคุณค่าและความหมาย (meaningful work) มากกว่าคนที่แต่งงานแล้ว โดยคนที่ให้ความสำคัญกับ meaningful work ตั้งแต่ตอนเรียนอยู่มัธยม หลังจากนั้นอีก 9 ปี จะคงสถานะการเป็นโสดอยู่ ในขณะที่คนแต่งงาน
4. มีอิสระในการตามล่าฝัน
พอเราต้องใช้ชีวิตร่วมกับใครสักคน เราอาจต้องทิ้งความฝันของตัวเอง การเป็นโสดจึงมีข้อดีมากกว่าเพราะทำให้เรามีอิสระในการทำอะไรได้มากกว่า เมื่อเราอยู่คนเดียว เราอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องพึ่งพาตัวเองจริงๆ และไร้ข้อจำกัด เราจึงสามารถตามล่าฝันได้ โดยไม่มีใครมาขัดขวาง สามารถผจญภัยไปได้ไกล และอาจเจอสิ่งแปลกใหม่ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จากการเดินทางมากกว่าคนอื่น
5. มีเวลาดูแลสุขภาพตัวเอง
การเป็นโสดจะทำให้เรามีเวลาในการดูแลตัวเองมากขึ้น และมีสุขภาพดีมากขึ้น งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร the Journal of Marriage and Family พบว่า คนที่หย่าล้างจะออกกำลังกายมากกว่าคนที่แต่งงานแล้ว แต่ก็ยังออกกำลังกายน้อยกว่าคนที่เป็นโสดมาตลอด
แม้การเป็นโสดจะทำให้เรามีอิสระ มีเวลาทำในสิ่งที่เราอยากทำ แต่สำหรับบางคนมันก็มีข้อเสีย คือ ทำให้เหงาและรู้สึกโดดเดี่ยว ซึ่งงานวิจัยล่าสุดชี้ให้เห็นว่า ความเหงาอาจทำให้เราอ่อนไหวต่อความรู้สึกปฏิเสธและการต่อต้าน คนเหงาเลยมักคาดหวังในสิ่งที่แย่โดยอัตโนมัติ และสนใจเรื่องแย่ๆ เช่น คำวิพากษ์วิจารณ์ หรือ ความขัดแย้ง มากกว่าเรื่องที่ดี ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายคนไม่ชอบการเป็นโสด และรีบหาแฟน
เพื่อไม่ให้ทุกคนต้องทนเหงา วันนี้เราเลยได้นำคำแนะนำของ Josh Klapow นักจิตวิทยาคลินิกมาฝากทุกคนกัน บอกเลยว่า คนโสดที่ “ไม่อยากเหงาแล้ว” พออ่านจบและทำตาม จะหายเหงาเป็นปลิดทิ้ง!
เริ่มจาก พยายามคุยกับคนอื่นทุกวันอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง เพราะความโดดเดี่ยวอาจไม่ได้มาจากการเป็นโสดเสมอไป แต่อาจเกิดจากการที่เราพูดคุยหรือพบปะผู้คนน้อยเกินไปก็ได้ ดังนั้น ถ้าเรามีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นมากขึ้น คุยกับคนอื่นมากขึ้น พบปะกับคนอื่นมากขึ้น จะช่วยให้เรารู้สึกเหงาน้อยลงได้
ออกจากบ้านและไปทำกิจกรรมที่ได้เจอกับผู้คนใหม่ๆ ควรเป็นกิจกรรมที่ทำควรเป็นกิจกรรมที่ตัวเองสนใจ เช่น เข้าชมรมอ่านหนังสือ เข้าคลาสโยคะ เข้าชมรมกีฬา เป็นต้น เพราะเวลาเราอยู่กับคนที่มีความสนใจคล้ายๆ กันเราจะรู้สึกเหงายากขึ้น การบังคับตัวเองให้ไปอยู่ในที่แบบนั้น จึงช่วยป้องกันอาการเหงาได้
แค่ทำกิจกรรมที่ให้ความบันเทิงอย่างเดียวอาจไม่ช่วยให้เราหายเหงา แต่ต้องทำกิจกรรมที่มีคุณค่าและความหมายด้วย เช่น งานช่วยเหลือ งานอาสาสมัครต่างๆ กิจกรรมเหล่านี้ นอกจากจะเป็นประสบการณ์ที่ไม่มีอะไรทดแทนแล้ว ยังสามารถสร้างความสนุกให้กับเรา แถมทำให้เรามีโอกาสพูดคุยและพบกับคนใหม่ๆ มากขึ้นด้วย
เมื่อความเหงาทำให้เราคิดลบให้ลอง แทนที่ความคิดลบด้วยความคิดบวก วิธีนี้ยังได้รับการรับรองจากงานวิจัยแล้วว่า มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการลดความรู้สึกโดดเดี่ยว ช่วยให้เรามีความมั่นใจมากขึ้น และมีปฎิสัมพันธ์กับคนอื่นได้อย่างมีความสุขมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ถ้าลองทุกวิธีแล้ว ยังไม่หายทรมานจากความเหงา เราขอแนะนำให้ลองขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญดู เพราะบางทีความเหงา ความโดดเดี่ยว อาจเกิดจากปัญหาด้านสุขภาพจิตที่ต้องได้รับการดูแลและรักษาโดยผู้ที่มีความรู้