ชวนดู หนีเกณฑ์ทหารแบบเกาหลีใต้ “BIRTH TOURISM” แม่หอบลูกไปคลอดประเทศอื่น!

ขเดือนเมษายนวนกลับมาทีไรนอกจากฤดูร้อน (ที่ปีนี้ดันมีฝนตก แถมอากาศหนาวซะได้) หรือการพักผ่อนยาว ๆ และวันหยุดสงกรานต์แล้ว สิ่งหนึ่งที่ตราตรึงใจชายไทยทุกยุคทุกสมัยคงหนีไม่พ้นการคัดเลือกทหารกองประจำการ หรือที่เราเข้าใจกันง่าย ๆ ว่าการเกณฑ์ทหารนั่นเอง แม้จะมีคนอยากเป็นทหารเกณฑ์เพื่อไปรบกับหญ้า ฆ่ากับมด หรือฝากตัวรับใช้นายจำนวนไม่น้อย

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่ายังมีผู้ชายอีกล้นหลามที่ตะโกนว่า “ไม่เอาโว้ยยย! กูไม่อยากเป็นทหารเกณฑ์” แล้วเราจะหนีการเกณฑ์ทหารได้จริงหรือไม่ ? แล้วจะมีทางไหนที่หนีได้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดและไม่ผิดกฎหมายบ้าง ? (อยากรู้ล่ะสิ หึ!)

สิ่งที่มาคู่กับการจับใบดำใบแดงในทุก ๆ ปีของบ้านเรา คงหนีไม่พ้นหัวข้อการถกเถียงว่า “เราควรยกเลิกการเกณฑ์ทหารหรือไม่?” อาจจะให้สมัครแบบเต็มใจโดยมีสวัสดิการที่ดีมารองรับเหมือนอย่างสหรัฐอเมริกา ที่ไม่ต้องเกณฑ์คนไปยืนจับใบดำใบแดงให้เป็นลมแล้วเป็นลมอีก แต่ทั้งทุนการศึกษา โอกาสในมหาวิทยาลัย และสวัสดิการที่โคตรดี จนทั้งชายและหญิงแห่ไปสมัครกันเป็นทหารจนล้นหลาม

แต่อีกทางก็มีเสียงคัดค้านว่าทหารคือกำลังของชาติ รั้วของชาติซึ่งต้องธำรงไว้ให้อยู่สืบไป ที่สำคัญหากมีศึกสงคราม ข้าศึกบุกเข้าประชิด เราก็จะได้มีศักยภาพที่พร้อมรับมือได้แบบสมศักดิ์ศรี

นอกจากดราม่าทั่วไปตามกระทู้พันทิปที่ผุดขึ้นมาเหมือนดอกเห็ด ไหนจะสเตตัสเฟซบุ๊กที่ถกเถียงกันจนเป็นดราม่า ก็มีรายการถามตรง ๆ กับจอมขวัญที่เชิญกูรูตัวจริงอย่าง พันเอก ไตรจักร์ นาคะไพบูลย์ ผู้อำนวยการกองการสัสดี มาถามกันชัด ๆ ไปเลยว่า “ตกลงถ้าไม่อยากเกณฑ์ทหารต้องทำอย่างไร” พันเอกไตรจักร์ก็ตอบตรง ๆ เช่นกันว่า “ไม่อยากเป็นทหาร ก็ไม่ต้องมีสัญชาติไทย”

คำตอบนี้กลายเป็นที่ฮือฮาในวงโซเชียลมีเดียเป็นอย่างมาก ฝ่ายที่สนับสนุนการเกณฑ์ทหารก็เห็นดีเห็นงามเพราะมองว่าถ้าเกิดมาเป็นคนไทยก็มีหน้าที่ต้องรับใช้ชาติ ต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดินสิวะ! ในขณะที่ฝ่ายไม่สนับสนุนการเกณฑ์ทหารก็บอกว่านี่เป็นการตอบแบบปัดความรับผิดชอบสุด ๆ เพราะการเป็นคนไทยไม่ได้แปลว่าจะถูกละเมิดสิทธิอย่างไรก็ได้ และประชาชนไม่ใช่ทาสนะเว้ย! ที่จะมาสั่งว่าให้ไปทำนั่นทำนี่ได้ตามใจ วิธีทำเพื่อชาติก็มีอย่างอื่นอีกเยอะแยะ ไม่ใช่ให้ไปรับใช้นายทหารอย่างเดียว! (เรียกว่าเถียงกันดุดเดือดมาก)

แม้เรื่องไม่อยากเกณฑ์ทหารก็ไปเป็นคนชาติอื่นสิ สำหรับคนฟังอย่างเรา ๆ จะดูเป็นเรื่องโคตรตลก และไม่เห็นว่าที่นายพันคนนี้พูดจะผิดตรงไหน แถมดูเป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้เลย แต่เราอยากบอกว่าไอเดียการมีสัญชาติอื่นเพื่อหนีการเกณฑ์ทหารที่เกาหลีเขามีมานานแล้ว!

นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแต่อย่างใด เพราะที่เกาหลีผู้ชายทุกคนต้องเกณฑ์ทหาร! ย้ำผู้ชายทุกคนต้องเกณฑ์ทหาร กฏหมายรัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐเกาหลีบทที่ 2 มาตรา 39 ซึ่งตราขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1965 ระบุไว้ชัดเจนว่าผู้ชายเกาหลีอายุระหว่าง 18-35 ปีจะต้องเป็นทหารกองประจำการ

ใครอยากเป็นตั้งแต่ 18 ก็เชิญเดินเข้ากรมแล้วค่อยออกมาเรียนต่อชิล ๆ หรือใครอยากจะเรียนจบสร้างเนื้อสร้างตัวก่อนแล้ว 30 นิด ๆ ค่อยเดินเข้ากรมก็ไม่ว่ากัน แต่ทุกผู้ทุกนาม ‘ไม่รอดแน่’ (แม้บางคนจะรอดไปเล่นการเมืองได้นานหลายปีจะพอมีให้เห็นบ้าง) ดังนั้นวิธีเดียวที่ผู้ชายเกาหลีจะไม่ต้องเกณฑ์ทหารก็คือต้องถือสัญชาติอื่น (หรือต้องคลอดในต่างประเทศนั่นเอง)

Birth Tourism จึงถือกำเนิดขึ้น โดยบรรดาแม่ ๆ ชาวเกาหลีที่รักและเป็นห่วงลูกไม่อยากให้ลูกชายตัวเองต้องไปเกณฑ์ทหาร ก็จะพาตัวเองในช่วงท้าย ๆ ของการตั้งครรภ์ (ช่วงใกล้คลอด) ไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกา เพื่อที่ลูกจะได้คลอดในสหรัฐอเมริกาได้กรีนการ์ดแบบชิล ๆ แถมไม่ต้องมาเป็นทหารเกณฑ์หน้ามนคนเกาหลีอีก โอ้โห! คิดได้ไง ?

เทรนด์การท่องเที่ยวเพื่อคลอดลูกนี้บูมตั้งแต่เมื่อเกือบ 10 กว่าปีก่อน จนเรียกว่าเป็นปรากฏการณ์เลยก็ว่าได้ คุณแม่ชาวเกาหลีถือว่าสัญชาติสหรัฐอเมริกาถือเป็นโคตรของขวัญที่ดีที่สุดเท่าที่คนเป็นพ่อเป็นแม่จะให้กับลูกของตัวเองได้แล้ว (พวกทอง เงิน ของรับขวัญคนไทยนี่ต้องหลบไปก่อนเลยทีเดียว)

ในปี 2002 LA Times รายงานว่าถ้าคุณแม่ชาวเกาหลีอยากหอบท้องไปคลอดลูกไกลถึงสหรัฐอเมริกาต้องควักกระเป๋าราว ๆ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 6 แสนกว่าบาท ในขณะที่ปี 2013 หรือเมื่อ 5 ปีก่อน Korea Times รายงานว่าราคาของ Birth Tourism พุ่งไปอยู่ที่ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,563,836 บาท (แล้วแต่ความพรีเมียมของแพคเกจด้วย) โดยในแพคเกจนี้คุณแม่ชาวเกาหลีจะได้ใช้เวลา 3 เดือนอยู่ในสหรัฐอเมริกาจนกว่าจะคลอดลูกแล้วคว้าสัญชาติมาได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตามทัวร์คลอดลูกเพื่อชิงสัญชาตินี้ไม่ได้มีแค่คุณแม่ชาวเกาหลีเท่านั้น แต่รวมไปถึงคุณแม่ชาวจีน ไต้หวัน แม็กซิโก ตุรกี และชาวยุโรปตะวันออกบางส่วนด้วย เพราะการได้สัญชาติสหรัฐอเมริกาในสายตาแม่ ๆ เหล่านี้ก็มีจุดประสงค์แตกต่างกันไป แม่เกาหลีอาจจะหนีการเกณฑ์ทหารให้ลูก แต่ก็อาจมีเหตุผลด้านสวัสดิการ โอกาสทางการศึกษาและเรื่องอื่น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

สำหรับสถานที่ที่กลายเป็นเป้าหมายสุดฮิตที่สุดของแม่ ๆ ชาวเกาหลีก็หนีไม่พ้น Los Angeles โดยการพักผ่อนระยะยาวอาจจะเกิดขึ้นในบ้านที่ตั้งขึ้นมาเพื่อทำธุรกิจนี้โดยเฉพาะ เช่น บ้านหลังหนึ่งมี 17 ห้องนอน 17 ห้องน้ำ บริหารงานโดยชาวจีน ซึ่งก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าเปิดมาเพื่อให้คุณแม่ใกล้คลอดมาพักเพื่อคลอดลูก (แต่บ้านหลังนี้ก็ถูกปิดลงในที่สุด)

แต่ไม่ต้องห่วงยังมีอีกหลายโรงแรมที่บริหารงานโดยชาวเกาหลี ซึ่งเปิดรับคุณแม่ที่มาคลอดลูกโดยเฉพาะเช่นกัน พวกเขาเล่าว่ามีคนเข้าออกจนโรงแรมวุ่นวายอยู่ตลอดเวลา โดยในแพคเกจจะรวมทั้งค่าตั๋วเครื่องบิน การดูแลก่อนและหลังคลอด รวมถึงอาหาร 3 มื้อ บริการแม่บ้าน และชั้นเรียนภาษาอังกฤษเบื้องต้นอีกด้วย เรียกว่าครอบคลุมหมดจริง ๆ แต่เรื่องนี้ค่อนข้างจะขัดใจชาวอเมริกันอยู่พอสมควร เพราะเค้ามองว่าเป็นการเอาเปรียบ สร้างความวุ่นวายใน neighborhood

ไม่รู้ว่าจะมีคุณแม่ชาวไทยคนไหนอยากพาลูกไปหอบสัญชาติสหรัฐฯ มาบ้างหรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ สมพรปากพันเอกไตรจักร์แน่นอน เพราะเมื่อได้สัญชาติอื่นก็ไม่ต้องเกณฑ์ทหารไทย แต่ UNLOCKMEN ก็เชื่อว่ามีชายไทยอีกจำนวนมากที่พร้อมเป็นทหารเกณฑ์

ส่วนผู้ชายคนไหนวางแผนไม่อยากให้ลูกเกณฑ์ทหารก็ลองเล็ง ๆ แพคเกจไว้ให้ภรรยาได้ เรื่องแบบนี้มองคนละมุม เหตุผลคนละอย่าง แล้วแต่วิจารณญาณเลยลูกพี่!

SOURCE1, SOURCE2