

Life
ชายผู้ทำลายคำสาปแห่งเมืองคลีฟแลนด์ “LEBRON THE KING JAMES”
By: unlockmen April 28, 2017 59589
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า Michael Jordan คือเทพเจ้าแห่งวงการบาสเก็ตบอล ส่วน Kobe Bryant อาจจะเป็นตำนานที่ใกล้เคียงกับเทพเจ้าบาสมากที่สุด แต่ LeBron James ผู้ที่ได้ชื่อว่า King of NBA แห่งยุคนี้ กลับถูกยกไปเปรียบเทียบกับตำนานคนอื่น ๆ พร้อมตั้งแง่วิพากษ์ วิจารณ์ถึงความสามารถว่าเขาไม่ใช่ของจริง ?
ย้อนกลับไปถึงยังปี ค.ศ 1984 ที่เมือง Akron ในรัฐ Ohio คือปีเกิดของนักกีฬาที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงเมืองที่แสนน่าเบื่ออย่าง Akron ให้กลับมามีความสุขอีกครั้ง
เมือง Akron รัฐ Ohio
เนื่องจาก Akron คือเมืองที่มักถูกจัดอันดับให้เป็นเมืองที่น่าหดหู่อันดับต้น ๆ ของประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยสภาพอากาศ เศรษฐกิจ รวมถึงสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจอย่างทีมกีฬาประจำเมืองอย่าง Cleveland Brown (อเมริกันฟุตบอล) , Cleveland Cavalier (บาสเก็ตบอล) , Cleveland Indians (เบสบอล) ล้วนห่างหายจากความสำเร็จมาเป็นเวลานานกว่า 50 ปี หรือกว่า 150 ฤดูกาลแข่งขันหากนับทั้งหมดทุกประเภทกีฬา จนถึงขั้นต่างประเทศตั้งฉายาว่า “Cleveland sports curse” (คลีฟแลนด์เมืองกีฬาแห่งคำสาป) ลองคิดดูว่าผู้คนเมืองนี้จะอยู่ในความมืดมนขนาดไหน
LeBron Raymone James เด็กผิวสีที่เกิดในครอบครัวยากจน เขาเติบโตมาด้วยพื้นเพที่ยากลำบาก มีแม่ และพี่ชายเป็นเสาหลักในการหาเลี้ยงครอบครัว แต่ด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านในละแวกนั้น ทำให้ James เติบโตมาได้เช่นทุกวันนี้ เนื่องจากความแร้นแค้นในวัยเด็ก ทำให้ James ต้องเร่ร่อนไปอาศัยตามบ้านเพื่อนเป็นประจำ และที่นั่นทำให้เขาเรียนรู้การเล่นบาสเก็ตบอลเป็นครั้งแรก เขาได้รับการฝึกสอนบาสเก็ตบอลจากบรรดาเด็กเพื่อนบ้าน ณ ตอนนั้น James ตัวน้อยไม่สามารถเอาชนะเด็กที่โตกว่าเขาได้เลย ทำให้เขาต้องแอบไปฝึกซ้อมคนเดียว เพื่อที่จะมาเล่นกับเด็กคนอื่น ๆ ได้พอฟัดพอเหวี่ยงมากขึ้น
แต่บาสเก็ตบอลก็ไม่ได้เป็นเส้นทางกีฬาสายแรกสำหรับ James เพราะพรสววรรค์ทางด้านกีฬาอย่างแรกของเขาคือ อเมริกันฟุตบอล James ชอบแอบย่องเข้าไปใช้สนามกีฬาของโรงเรียน St.Vicent – St.Mary ในการเล่นอเมริกันฟุตบอลอยู่เป็นประจำ (ก่อนที่เขาจะได้มาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ในภายหลัง) หลังจากนั้นไม่นาน James ก็ได้พบกับโค้ช Bruce Kelker ที่เขามาเปลี่ยนชีวิต พลักดันเข้าให้ James และครอบครัวมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจากการเล่นกีฬา ในวัยเพียง 9 ขวบ James ได้พัฒนาจนรูปร่างสูงใหญ่ แข็งแรงกว่าเด็กในรุ่นเดียวกัน ทำให้หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าเป็นเด็กโกงอายุหรือเปล่า
LeBron James ฉายแววการเล่นกีฬาตั้งแต่ปีแรกที่ลงแข่งรุ่นอายุไม่เกิน 10 ปี เขาทำทัชดาวน์เป็นว่าเล่น จนคิดว่าน่าจะก้าวขึ้นมามีอนาคตที่สดใสในวงการกีฬาอเมริกันฟุตบอล แต่ Bruce Kelker ไม่อยากจะปิดกั้นความสามารถในตัวเขาจนเกินไป จึงได้แนะนำให้ James รู้จักกับ Frankie Walker ซึ่งเป็นโค้ชบาสเก็ตบอลคนแรกของเขา Frankie ได้ให้ James ย้ายเข้ามาอยู่บ้านร่วมกับลูกชายของเขา เพื่อฝึกสอนทักษะบาสเก็ตบอล และระเบียบวินัยการใช้ชีวิต ด้วยพัฒนาแบบก้าวกระโดดที่เพิ่มขึ้นทุกวัน ทำให้เขากลายเป็นดาวเด่นแห่งโรงเรียน Riedinger Middle School ทันที
จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงมัธยมปลาย LeBron James ก็ได้ตัดสินใจย้ายเข้าไปเรียนที่ St.Vicent – St.Mary ซึ่งเป็นสถานที่ ๆ เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี LeBron กลายเป็นดาราของทีมตั้งแต่ปีแรกที่ลงแข่ง เพราะพาทีมคว้าแชมป์ระดับรัฐ ชื่อเสียงของเขาเริ่มกว้างขวาง เรียกว่าเตะตาแมวมองชนิดหัวกระไดไม่มีแห้ง
ซึ่งเกมส์สร้างชื่อให้กับ LeBron James คือเกมส์ที่ St. Vicent – St. Mary พบกับ Oak Hill Academy ที่มี Carmelo Anthony เป็นดาวเด่น มีการถ่ายทอดสดผ่าน ESPN ไปทั่วประเทศ นับว่าการถ่ายทอดบาสเก็ตบอลระดับมัธยมครั้งแรกในรอบ 13 ปี ทางด้าน LeBron ก็สร้างผลงานระดับมาสเตอร์พีช ด้วยตัวเลขคะแนนสวยหรู ทำไป 31 แต้ม 6 แอสซิส 13 รีบาวน์ ในขณะที่เด็กคนอื่น ๆ อาจจะใช้เวลาไปกับการเที่ยวเล่น ช้อปปิ้ง แต่ LeBron ตั้งหน้าตั้งตาฝึกซ้อมบาสเก็ตบอล เพราะเขารู้ว่านี่คือกีฬาจะนำพาชีวิตเขาให้ดีกว่าที่เป็นอยู่
ชีวิตในช่วงมัธยมปลาย LeBron ไม่ใช่เพียงแค่กระแส แต่มันคือปรากฎการณ์ เพราะทีม St. Vicent – St. Mary ประสบกับความพ่ายแพ้เพียงแค่ 6 เกมส์ จากทั้งหมด 108 เกมส์ ทำให้มีคาดการณ์กันว่า LeBron James จะได้ดราฟท์เข้าลีกอาชีพทันทีเมื่อเรียนจบมัธยม ช่วงปีสุดท้าย (ค.ศ.2003) เขาใช้เวลาหลังเลิกซ้อมนั่งฟังการโน้มน้าว จากบรรดาแมวมอง เจ้าของทีม รวมถึงสปอนเซอร์ที่เสนอเงินก้อนโตเพื่อให้เขาเป็นพรีเซ็นเตอร์
แล้ววันตัดสินก็มาถึง เหมือนชะตาได้ถูกกำหนดไว้เรียบร้อย เพราะในปีนั้นทีมที่ทำผลงานได้ย่ำแย่จนมีสิทธิ์ที่จะได้โควต้าดราฟท์อันดับหนึ่งมีด้วยกันสองทีม คือ Denver Nuggests และ Cleveland Cavalier (ที่เป็นบ้านเกิดของเขา) และฟ้าก็ประทานให้ Cleveland Cavalier ได้สิทธิ์นั้น รีบดราฟท์ Lebron James เข้ามาเป็นดราท์ฟอันดับ 1 ซึ่งเขาเป็นเพียงคนที่สองที่มาจากมัธยมแล้วได้รับเลือกเป็นดราฟท์อันดับ 1 ของรุ่น
ความดังของ LeBron มาพร้อมกับความกดดัน และคาดหวัง เขาได้สัญญาฉบับแรกจาก Nike สูงถึง 90 ล้านเหรียญ ซึ่งมากกว่า Kobe Bryant ที่ในขณะนั้นเป็นซุปเปอร์สตาร์คว้าแชมป์ NBA มา 3 สมัยเสียด้วยซ้ำ สื่อทุกฉบับ กล้องทุกตัวพร้อมจับจ้องไปหาว่าที่ซุปเปอร์สตาร์คนใหม่ ซึ่งในขณะเดียวกันก็มีคนอยากจะเห็นเขาล้มเหลว พอ ๆ กับประสบความสำเร็จ ซึ่งในการเปิดตัวของ LeBron ช่วง pre-season ถือว่าย่ำแย่มาก จนหลาย ๆ คนตั้งแง่ว่า LeBron คืออีกหนึ่งของปลอมทำเหมือน ที่โดนสื่อยกยอปอปั้นมากจนเกินไป
แต่แล้ว LeBron James ก็ตอกกลับทุกคนด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยม ทำไป 12 คะแนน 3 แอสซิสท์ 2 รีบาวน์ 2 สตีล พร้อมไฮไลท์ช็อตการดั้งค์ลูก แม้ว่าในฤดูกาลแรกเขาจะไม่ได้สร้างความแตกต่างให้กับ Cleveland มากมาย แต่ถือว่าเป็นทิศทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พ่วงรางวัลส่วนตัวอย่าง Rookie of the year (ผู้เล่นหน้าใหม่ยอดเยี่ยม)
ผลงานของ Cleveland ค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับจากทีมแจกแต้ม กลายเป็นทีมเพลย์ออฟ จนกระทั้งปีที่ 4 ในอาชีพการเล่นของเขา ที่สามารถลากทีมที่เต็มไปด้วยนักกีฬาระดับ B-C เข้าถึงรอบ Final แม้ว่าจะแพ้ไปอย่างราบคาบ 0-4 เกมส์ก็ตาม แต่ทุกคนก็พร้อมจะซูฮก ยอมรับแล้วว่า LeBron คือคนที่เข้ามาเปลี่ยนบรรยากาศในเมืองที่น่าเบื่ออย่าง Cleveland ให้กลับมาคึกครื้นอีกครั้ง เขาคือความหวังของคนทั้งเมืองอย่างไม่ต้องสงสัย
ในวันที่ร่างกายสมบูรณ์ ไม่น่าแปลกใจที่ LeBron James จะสามารถพาทีมบ้าน ๆ อย่าง Cleveland กลายเป็นทีมลุ้นแชมป์ พร้อมพ่วงรางวัลส่วนตัวด้วยการเป็น MVP (ผู้เล่นทรงคุณค่าแห่งปี) ถึงสองสมัยติด 2008-2010 จนได้ฉายาว่า King James แห่งวงการบาสเก็ตบอล NBA
แต่แล้วก็มีข่าวช็อควงการบาสเก็ตบอลออกมาว่า ลูกรักของทุกคนในเมือง Cleveland ได้ตัดสินใจเป็นฟรีเอเจนต์ และย้ายไปร่วมทีม Miami Heat ที่กำลังสร้างโปรเจค Big 3 (การรวมผู้เล่นระดับซุปเปอร์สตาร์ไว้ใน starter team 3 คน) ถึงขั้นยอมลดค่าเหนื่อยลง เรื่องนี้ก็ร้อนไปถึงคนทั้งเมือง รวมถึงเจ้าของทีม Cleveland ที่รู้สึกเหมือนโดนหักหลัง ชาวเมืองต่างพากันออกมาเผาเสื้อ jersey กันเต็มท้องถนน LeBron James กลายเป็นคนทรยศสำหรับคนทั้งเมือง
สำหรับชาวเมือง Cleveland อาจจะคิดว่า LeBron คือคนทรยศ แต่ในมุมมองนักกีฬาที่อยากประสบความต้องบอกว่า LeBron James ได้ตัดสินใจอย่างถูกต้องที่สุด เพราะตลอดระยะเวลา 4 ปี LeBron และแก๊งค์ Big 3 ของเขาสามารถเข้ารอบชิงชนะเลิศได้ทั้งหมด แม้ว่าจะเก็บมาได้เพียงสองแชมป์ในปี 2012 และ 2013 จึงไม่น่าตั้งข้อสงสัยในความทะเยอทะยานของเขา เพราะคงไม่มีใครอยากเป็นราชาที่ไร้บัลลังค์
ช่วงเวลานี้คือช่วงที่ LeBron James ก้าวขึ้นมาเป็นซุปเปอร์สตาร์อันดับหนึ่งของลีคอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นสถิติทีม หรือส่วนตัวที่ต่างบ่งชี้ว่านี้แหละ นักบาสแห่งยุค แต่ก็ไม่วายมีคนคอยนำเขาไปเปรียบกับรุ่นพี่อย่าง Michael Jordan ที่ยกในเรื่องของการเป็นศูนย์กลางของทีม และเหรียญแชมป์เปี้ยน ว่า LeBron เป็นได้เพียงเศษเสี้ยวของ MJ เท่านั้น
หลังจากคว้าความสำเร็จมาถึงจุดอิ่มตัวกับ Miami Heat ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนถ่ายทีมพอดี ก๊วน Big 3 ของเขาก็ตัดสินใจแยกย้ายไปตามทาง ทำให้เกิดเป็นประเด็นคำถามอีกว่า LeBron James จะย้ายไปอยู่ที่ไหน บ้างก็ว่าจะมุ่งหน้า LA หรือ DC แต่แล้ว LeBron ก็ได้กลับมามอบความสุขให้กับชาว Cleveland ที่เคยจงเกลียดจงชังเขาอีกครั้ง เพราะเขาได้เลือกย้ายฟรีเอเจนต์กลับมายังบ้านเกิด พร้อมการเปิดตัวต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ LeBron ได้ให้คำมั่นสัญญาถึงการกลับมาว่า
แน่นอนว่าชาวเมืองต่างให้อภัยในสิ่งที่เขาทำ พร้อมกลับมาเริ่มคิดถึงการคว้าแชมป์อีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่า LeBron James ก็ไม่ปล่อยให้ชาวเมืองรอนาน เพราะเขาใช้เวลาเพียงสองปี ในการทำลายคำสาปแห่งเมือง Cleveland คว้าแชมป์กีฬาเมเจอร์แรกในรอบกว่าครึ่งศตวรรษ
LeBron เคยให้สัมภาษณ์ถึงความผูกพันที่เขามีต่อเมือง Akron ว่า มันยิ่งใหญ่กว่าบาสเก็ตบอล คนที่นี่เห็นเขาตั้งแต่เล็กจนโต บางคนรู้สึกว่าเขาเป็นลูกชายคนหนึ่งเสียด้วยซ้ำ จึงไม่น่าแปลกใจที่หลังจากคว้าแชมป์ให้เมืองได้ น้ำตาลูกผู้ชายก็ไหลรินออกมาแบบหยุดไม่ได้
ภายในเมืองจัดงานฉลองอย่างยิ่งใหญ่ เพราะนับเป็นแชมป์เมเจอร์แรกสำหรับเมือง Cleveland ที่ไม่เคยได้สัมผัสเหรียญรางวัลกีฬาประเภทต่าง ๆ มาอย่างยาวนาน แต่นั่นก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นอย่างที่เขาบอกจริง ๆ เพราะทีม Cleveland Cavelier ภายใต้การนำทัพของเขากลายเป็นทีมเต็งอันดับต้น ๆ สำหรับการแข่งขัน NBA ในฤดูกาลถัดมา เป็นที่น่าเสียดายที่ LeBron ต้องใช้เวลาในการรักษาอาการบาดเจ็บเสียส่วนใหญ่ในช่วงต้นปี
เราหยิบเรื่องราวของ LeBron James มาเล่าเพียงส่วนหนึ่งในมุมมองบาสเก็ตบอลเท่านั้น หากจะพูดถึงความยิ่งใหญ่ของเขาอาจจะต้องใช้เวลาที่มากกว่านี้เป็นวัน ๆ จากเรื่องที่เราเล่ามาทั้งหมดก็เป็นที่น่าแปลกใจว่ายังมีคนคอยจ้องจับ หาข้อผิดพลาดของ LeBron James อยู่ตลอดเวลา แต่สำหรับชาวเมือง Cleveland ทุกคนต่างสรรเสริญให้เขาเป็น “King James” ที่ปลดล็อคคำสาปให้กับเมือง Cleveland ได้สำเร็จ