

Business
ข้อเสียของการรีบเป็น Freelance ก่อนอายุ 30 จากประสบการณ์จริง
By: Chaipohn October 6, 2015 14929
สมัยนี้ใครๆก็อยากเป็นนายตัวเอง เป็นเจ้าของธุรกิจ ไม่อยากเป็นพนักงานออฟฟิศที่ต้องเข้าทำงานแต่เช้า เลิกงานค่ำซ้ำๆกันทุกวัน มันไม่เท่ มันไม่ใช่ และกลุ่มที่มีความเชื่อแบบนี้เป็นจำนวนมากต้องยกให้เหล่าเด็กจบใหม่ทั้งหลาย ผู้มีแนวคิดนี้ตั้งแต่ช่วงปลายมหาวิทยาลัย พอเรียนจบปุ๊ปก็เลือกเดินทางสาย Freelance ทันที หรืออาจจะทำงานบริษัทสัก 1-2 ปีพอเป็นพิธี ด้วยความมั่นใจที่มีมาก ทำให้จำนวน Freelance มีมากขึ้นเรื่อยๆ อันจะสุงเกตุได้จากจำนวนคนที่ถือ laptop ไปนั่งร้านกาฟ คนที่นั่งทำงานใน Co-Working Space และถ้าใครเป็น HR หรือเป็นเจ้าของบริษัทจะรู้ว่าการหาพนักงานใหม่เป็นอะไรที่ยากราวกับงมเข็มในมหาสมุทร
แน่นอน มันเป็นเรื่องที่ดี ที่คนเราอยากเป็นนายตัวเอง เพียงแต่จุดที่เราจะพูดต่อไปนี้เป็นสิ่งที่เราสัมผัสมาโดยตรง จากการทำงานร่วมกับ Freelance วัยต่ำกว่า 30 มาเป็นจำนวนมากมายหลายคน ทำให้เราเห็นจุดอ่อนเดียวกันจนมั่นใจและนำมาทำเป็นบทความเพื่อให้เหล่า Freelane ได้นำไปปรับปรุง ย้ำอีกครั้งนะครับว่าเราไม่ได้บอกว่าการเป็น Freelance มันไม่ดี เพียงแต่อยากให้พัฒนาจนได้คุณภาพที่สุดยอดจริงๆ ดีกว่าใจร้อนใจเร็วแล้วต้องเจ็บตัวในระยะยาว
ประสบการณ์น้อย ความมั่นใจมาก
สิ่งที่ Freelance อายุน้อยมักจะขาดกันก็คือประสบการณ์ ด้วยอายุและโอกาสในการทำงานทำให้ผ่านประสบการณ์มาน้อย สิ่งที่การทำโปรเจคในมหาวิทยาลัย และการดีลงานกับตาสีตาสา ธุรกิจขนาดเล็กๆไม่มีให้นั้นนับไม่ถ้วน เช่นความคาดหวังของลูกค้าจากเงินที่จ่ายไป Freelance หลายคนเคยมั่นใจว่าเก่งมากแล้ว แต่พอเจอกับการแข่งขันในสังคมจริง จะพบกับคุณภาพที่ทำให้ลูกค้ารายใหญ่ๆติดกันตรึม ส่วนตัวเองอาจรับได้แค่งานขนาดเล็กๆ ชิ้นละไม่กี่พันบาท
แต่การทำงานในบริษัทใหญ่หลายๆปีก่อนจะออกมาเป็น Freelance จะช่วยทำให้คุณรู้ว่ามีเทคนิคอะไรบ้าง มีตัวช่วยอะไรบ้าง ช่วงนี้เทรนด์ลูกค้าเป็นอย่างไร ต้องขายงานลูกค้าอย่างไร ต้องมีความรับผิดชอบมากแค่ไหน มีขั้นตอนการเข้าหาเสนอตัวหรือ pitching รวมถึง connection กับคนในวงการที่จะทำให้เหล่าเอเจนซี่รู้จักมักจี่ ซึ่งจุดนี้เรามองว่าการเข้าไปทำงานให้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในบริษัทต่างๆ ได้แสดงฝีมือให้ลูกค้าได้เห็น ได้มีชื่อให้เป็นที่รู้จักนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆเลยนะครับ
ลูกค้าผู้น่ารักตัวจริง ไม่ใช้สลิง ไม่ใช้สตั้น
การทำโปรเจคในมหาวิทยาลัยมักจะมีเวลาในการทำงานยาวนานหลายเดือน หรือการรับงานจากลูกค้ารายย่อมๆ มักจะเป็นโจทย์ที่ไม่มีความยุ่งยากซับซ้อนในการผลิตชิ้นงานมากนัก อย่างมากก็หนักใจตรงการออกแบบให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า แต่ความโหดร้ายของลูกค้ารายใหญ่ในโลกแห่งความจริงนั้น คุณจะต้องเจอกับ timeline การทำงานที่บรีฟเช้าเอาบ่าย แก้สาย เอาเย็น หรือการทำงานที่มีรายละเอียดซับซ้อน บนความไม่เข้าใจว่าตัวเองต้องการอะไรของลูกค้า ต้องตีโจทย์เอาเอง ต้องเข้าใจ CI แบรนด์คาแรคเตอร์และอีกสารพัด
แถมยังต้องเสี่ยงกับลูกเล่น ความเจ้าเล่ห์ของลูกค้าบางราย ความโหดร้ายของการไม่จ่ายตังค์ ชักดาบอย่าเลือดเย็น การโดนยกเลิกงานในนาทีสุดท้าย หรือโดนเอาไอเดียที่เราคิดไปใช้เอง ทุกอย่างเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นรายวัน ดังนั้นถ้าคุณไม่เคยผ่านจุดนี้มา คุณจะเหมือนคนไม่มีภูมิต้านทานและความอึด และอาจท้อแท้ชีวิตถึงขนาดเลิกทำไปเลยก็ได้
ทีมที่ดี ถ้ามีพร้อมจะช่วยให้ได้งานขนาดใหญ่ง่ายขึ้น
การเป็น Freelance ทันทีโดยไม่เคยผ่านสังคมการทำงานในบริษัทใดๆมาก่อน จะทำให้คุณไม่มีเพื่อนร่วมงาน คุณก็จำสามารถทำงานได้เฉพาะด้านที่คุณถนัด ถ้าใครเคยดูหนังเรื่อง Freelance มาแล้ว ถ้าคุณเป็น Freelance Designer ตัวคนเดียว ในชีวิตจริงคุณจะไม่มีคนหางานมาส่งให้ถึงบ้านอย่างน้องเจ๋ แล้วคุณจะหางานยังไง เทียบกับจำนวน Freelance ที่มีอยู่มหาศาล ถ้าคุณสามารถรวมตัวทำงานกับเพื่อนๆที่เรียนมาด้วยกัน มีครบทุกหน้าที่ก็ดีไป
แต่ถ้ารีบมาทำแบบฉายเดี่ยว คิดว่าทำคนเดียวย่อมได้เต็ม ๆ ก็เสี่ยงที่จะเป็นคนโลกแคบ ไม่มีสังคม พอมีคนจะโยนงานที่ต้องใช้ความสามารถด้านอื่นๆด้วยก็จะมีปัญหา เช่นถ้าเราอยากให้คุณทำ website ให้หน่อยแบบครบวงจรเลย แล้วคุณเป็นแค่ graphic designer ที่ไม่มีความรู้เรื่อง UI / UX, Programming, Server Engineer, Developer, Strategist คุณก็จะพลาดงานนี้ไปอย่างน่าเสียดาย จะไปจ้างคนอื่นก็ต้องแบกรับความเสี่ยงในด้านฝีมือและความรับผิดชอบของคนเหล่านั้นไปด้วย รวมถึงราคารวมที่จะสูงจากการโดนชาร์จหลายต่อ ต้องเก็บความลับลูกค้าไม่ให้คนอื่นรู้ถ้าไม่อยากเสี่ยงโดน “ตุ๋ย” แย่งลูกค้าอีก หรือต่อให้ทำงานแต่งแค่ไหน แต่ไม่มีคนขายของ ก็จบข่าว
ทำงานในบริษัทสักหลายๆปีก่อนจะเริ่มเป็น Freelance อย่างน้อยคุณยังสามารถรวมตัวได้ รู้ว่างานไหนต้องใช้ใคร เผลอๆพอมั่นใจออกมาเปิดพร้อมกันเป็นทีม one-stop service ก็ยังได้
Management Skill สำคัญกว่าทุกอย่างในการทำงาน
แม้คุณจะฝึกฝีมือด้านต่างๆได้สุดยอดขนาดไหน แต่คุณจะไม่สามารถฝึก Management Skill ได้จากการดูคลิป How To หรือการอ่านหนังสือชวนฝันว่าอ่านจบแล้วจะเป็นผู้บริหาร ตราบใดที่คุณยังไม่เคยคุมคนจำนวนมากๆแบบ Group Head หรือ Managing Director คุณจะไม่มีทางได้รับประสบการณ์เลยว่าการบริหารงาน บริหารคน บริหารลูกค้า บริหารเงินในบริษัทมันน่าปวดหัวแค่ไหน
ตัวผู้เขียนเองตอนแรกก็เคยสบประมาทเหล่าพี่ๆ ในบริษัทที่เคยทำงานมา ว่าไม่เห็นจะเก่งสมตำแหน่ง ถ้าทำได้แค่นี้ ตัวเราเองก็น่าจะทำได้ง่ายๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วเหล่า Director ต้องมีความรับผิดชอบเยอะมาก โดยเฉพาะด้านที่เหล่า Junior – Middle leve และคนทำ operation มองไม่เห็น เช่น Group Billing, New Business hunting, และอีกสารพัด
อีกประเด็นคือการเป็น Freelance ส่วนใหญ่ทุกคนก็จับงานตรงหน้าให้ได้ก่อน อยากได้เงินเยอะๆ งานอะไรเข้ามาก็อยากจะรับไว้ให้หมด สุดท้ายก็บริหารเวลาไม่ได้ ทั้งเรื่องงาน ส่งงาน และเรื่องส่วนตัว ไม่ได้พักผ่อน ไม่ได้ออกไปเที่ยวไหน และสุดท้ายก็ขาดคุณสมบัติที่สำคัญๆในการขยับขยายธุรกิจให้ใหญ่ขึ้น ย้ำค้างอยู่กับความเป็น Freelance ไปเรื่อยๆ
นี่แค่ส่วนหนึ่งของประเด็นหลักๆที่เรามักจะพบในกลุ่ม Freelance จากประสบการณ์ทำงานจริง นี่ยังไม่รวมเรื่องการบริหารเงินหมุน เรื่อง credit term ลูกค้า ต้องมีการวางบิล นัดวันรอรับเช็คที่ใช้เวลาเป็นวันๆ สิ่งที่อยากจะแนะนำคือไม่ต้องรีบใช้ชีวิตอิสระนักก็ได้ อย่าให้หนัง ละคร เรื่องเพ้อฝันในหนังสือเร่งรวยจากหลายๆสำนักพิมพ์หรือภาพลวงตาใน Social Network มาเป็นตัวกระชากคุณออกจากเส้นทางที่ควรจะเป็น สิ่งที่เราเขียนอยู่นี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงและเราเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกท่านไม่มากก็น้อย ยังไงก็ขอให้ประสบความสำเร็จกันทั่วหน้าครับ