Style

รถออกสตาร์ตเตรียมสต๊อป! รู้จัก 10 ธุรกิจที่ต้องหลั่งน้ำตา ถ้ารถอัจฉริยะไร้คนขับมาถึง

By: anonymK September 28, 2018

ผู้ชายอย่างเราร้อยทั้งร้อยถ้ามีรถส่วนตัวใช้มักต้องทำหน้าที่สารถีมาจนเคยชิน ว่ากันตามตรงต่อให้รถสมรรถนะยอดเยี่ยมแค่ไหน แต่การอยู่หลังพวงมาลัยนาน ๆ ก็ทำให้เพลียได้เหมือนกัน ดังนั้น เมื่อมีข่าวว่าอีกมุมโลกประดิษฐ์รถอัจฉริยะที่สามารถขับขี่เองได้สำเร็จและอยู่ระหว่างการทดลอง เราเลยรู้สึกโล่งอกที่ปัญหานี้จะหมดไป

ทว่าไม่ใช่แค่ความสะดวกสบายเท่านั้นที่เข้ามา เพราะอีกมุมเจ้ารถไร้คนขับมันส่งผลกระทบด้านการทำธุรกิจด้วย ลองนึกภาพเล่น ๆ ว่าถ้ารถยนต์แบบนี้เข้ามาในบ้านเรามันจะมีผลกระทบกับอะไรบ้าง มากน้อยแค่ไหน UNLOCKMEN นำข้อมูลนี้มาฝากจาก CBINSIGHT บอกได้เลยว่าหลายอุตสาหกรรมเป็นประเภทธุรกิจที่เราเองก็คาดไม่ถึง

พร้อมแล้วอย่ารอช้า เก็บคำตอบที่คิดไว้ในใจ แล้วไปชมอุตสาหกรรมทั้ง 10 ธุรกิจ ที่ต้องเตรียมรับความสั่นสะเทือนระดับ 10 ริกเตอร์จากรถไร้คนขับได้เลย

 

1. ประกันภัย

ด้วยความที่การขับขี่แบบไร้คนขับมันต้องได้รับการออกแบบมาให้มีวิจารณญาณในการขับขี่มากขึ้น จึงมีการคาดการณ์ว่าตัวเลขอุบัติเหตุจะลดจำนวนลง ทำให้คนประหยัดค่าประกันมากขึ้น รูปแบบการทำประกันภัยในยุคของรถอัจฉริยะเหล่านี้จึงอาจเปลี่ยนเป็นนโยบายประกันการใช้งาน (UBIs) ซึ่งจะเรียกเก็บเงินจากผู้บริโภคตามระยะทางที่พวกเขาขับรถ

2. ธุรกิจซ่อมรถ

เรื่องซ่อมรถก็มีผลกระทบตามมา ช่างที่เคยทำเงินจากการซ่อมรถจากนี้งานนี้จะไม่ง่ายเหมือนที่เคย เพราะเมื่อคนขับไม่ได้ขับ ปัจจัยความประมาทไม่เกิด การซ่อมก็น้อยลงตาม ที่สำคัญความไฮเทคยังกลบเรื่อง Human error ที่เราเจอทุกวันนี้ได้ด้วย ยกตัวอย่างให้เห็นภาพว่า อนาคตเราจะมีสตาร์ทอัพที่คิดระบบการตรวจสอบสภาพรถ เวลามีปัญหาเรื่องระยะทาง ความเสื่อมล้อ ลมยาง ฯลฯ เจ้า AI ที่ติดตั้งจะเตือนเราล่วงหน้า จากเดิมที่กว่าจะรู้เครื่องก็พังต้องเสียเงินก้อนใหญ่กลายเป็นจ่ายแค่ก้อนเล็ก ๆ แทน อู่หลายอู่คงต้องเหงากันบ้างล่ะทีนี้

3. คนขับรถ

ข้อนี้หลายคนคงต้องพอเดากันได้ วันไหนที่รถไร้คนขับมาถึง คนขับก็ต้องขยับไปทำหน้าที่อย่างอื่นอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นคนขับแท็กซี่ รถบรรทุก หรือพวกเศรษฐีทั้งหลายที่เคยนั่งลีมูซีนมีคนขับนำทาง จากนี้ก็ไม่จำเป็นต้องมีอีกต่อไป เลิกหัวเสียเรื่องการปฏิเสธผู้โดยสารด้วย เพราะระบบที่ขับขี่เองได้จะไม่มีวันหลอกและคำนวณเส้นทางที่ว่องไวให้เราได้ไม่มีหลง นอกจากนี้ยังมีประโยชน์กับพื้นที่เสี่ยงภัย หรือที่ที่ไม่มีใครอยากเข้าไปด้วย ถ้ามีขึ้นมาในบ้านเราเมื่อไหร่ก็แจ๋วน่าดู

4. โรงแรม

โรงแรมมันเอาไว้นอนแล้วจะไปเกี่ยวกับรถได้อย่างไร? คงสงสัยกันใช่ไหม แท้จริงแล้วหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทุกวันนี้คนเลือกใช้บริการโรงแรมมาจากการเดินทาง ลองคิดสภาพดูว่าถ้าเราท่องเที่ยวหรือเดินทางเป็นระยะทางไกล ๆ เราก็จำเป็นต้องเลือกโรงแรมระหว่างทาง หรือโรงแรมริมทางไว้พักใช่ไหม แต่ถ้าต่อไปไม่ต้องขับเอง เอาเวลาไปนอนในรถได้เรื่องพวกนี้ก็ไม่จำเป็นแล้ว ธุรกิจโรงแรมจึงต้องเตรียมรับคลื่นลูกใหญ่ที่กำลังจะถาโถมใส่ในอีกไม่ช้า เรื่องนี้ Sven Schuwirth SVP ผู้วางกลยุทธ์แบรนด์รถท็อปฟอร์ม BMW เขาออกมาทำนายเองเลย ใส่ตัวเลขกลม ๆ ของการพยากรณ์ไว้ด้วยว่า อีก 20 ปีข้างหน้านี้นี่แหละ หนาวแน่!

5. สายการบิน

เฮ้ย! อยู่บนฟ้าก็โดนกับเขาด้วยเหรอ คำตอบง่าย ๆ คือถ้าไม่ใช่เที่ยวบินนอกประเทศ แต่เป็นเส้นทางระยะสั้นที่รถสามารถขับเคลื่อนได้ ต้องเจอรถไร้คนขับสูบเงินไปแน่นอน เหตุผลง่าย ๆ นี้ Schuwirth เขาอธิบายว่า “ต่อไปรถจะปลุกคุณตั้งแต่ตีสี่ มารับคุณเดินทางไปสู่ที่หมาย คุณจะได้นอนหลับสบาย ๆ ในรถ มีเวลาเตรียมตัวประชุม โทรหาเพื่อนหาครอบครัว (เครื่องบินต้องปิดเครื่องมือสื่อสาร) หรือทำอะไรก็ตามที่จะทำให้คุณรีแล็กซ์ได้ทั้งหมด แล้วจะพึ่งเครื่องบินทำไมล่ะ”

6. การขนส่งสาธารณะ

จะใช้รถเมล์ไปทำไม ถ้ารถไร้คนขับมันไปส่งเราถึงหน้าประตูบ้านหรือพาเราไปที่ที่เราต้องการได้เลยโดยไม่ต้องต่อไปไหนอีก อันที่จริงระบบขนส่งหลักมันคงไม่ถึงกับหายไปหรอก แต่กับระบบย่อยอย่างรถตู้รับส่งทั้งของสาธารณะกับโรงเรียนต่างหากที่จะหายไป เพราะเป็นเส้นทางระยะสั้นที่คนน่าจะเลือกไว้ใช้บริการ ส่วนแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นเป็นเรื่องของการแข่งขันทางราคาที่น่าจะทำให้ผู้บริโภคอย่างเรา ๆ ยิ้มหวานเพราะราคาจะถูกลงเพื่อตอบสนองการแข่งขัน

7. ที่จอดรถ

อนาคตถ้ารถขับเองได้ คนส่วนใหญ่จะไม่ต้องการที่จอดที่ใช้เวลานาน ๆ อีกต่อไป ก็ถ้ามันสั่งให้ไปไหนต่อไหนได้เราคงไม่เลือกเสียค่าที่จอดรถรายชั่วโมงแน่ ๆ ซึ่งจากสถิติตามที่ McKinsey เผยกล่าวว่านวัตกรรมยานยนต์อัจฉริยะนี้จะทำให้เกิดพื้นที่ว่างในอเมริกาเพิ่มขึ้น ประหยัดพื้นที่จอดรถที่ไม่จำเป็นได้ถึง 61,000 ล้านตารางฟุต เนื่องจากทุกวันนี้เมืองใหญ่ ๆ ของอเมริกาบางแห่งใช้พื้นที่สำหรับทำเป็นลานจอดรถถึงหนึ่งในสามของพื้นที่ทั้งหมด แต่ถ้าถามว่าที่พวกนี้พอไม่ใช้เป็นที่จอดแล้วจะใช้ทำอะไร คำตอบก็อาจจะน่าพอใจสำหรับพวกเราเพราะถ้าเจ้าของที่ไม่ขายทอดตลาด เขาก็สามารถนำพื้นที่นี้ไปสร้างคุณค่าเชิงสาธารณะได้

8. ธุรกิจฟาสต์ฟู้ด

ตัวเลขปัจจุบันรายงานยอดขายของร้านฟาสต์ฟู้ดโลโก้ M ว่า 70 % มาจาก the drive-thru ดังนั้น ยิ่งรถฉลาดดิ่งไปปลายทางเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ โอกาสแวะตามร้านเหล่านี้ก็ลดลงเท่านั้น ประกอบกับจุดอ่อนเรื่องโภชนาการ ทำให้ผู้บริโภคเตรียมตัดช้อยส์ฟาสต์ฟู้ดออกไปจากเมนู ถ้ายังไม่เห็นภาพ แค่มองจุดเปลี่ยนเริ่มจากวันนี้ที่เรามีแอปฯ สั่งอาหารอย่าง LINE เชื่อว่าก็ทำให้ร้านฟาสต์ฟู้ดหลายเจ้ารายได้หดหายไปแล้ว

9. พนักงานเตรียมอาหารและจัดส่ง

สืบเนื่องมาจากข้อที่แล้ว แนวโน้มการพัฒนาของรถยนต์ไร้คนขับอาจทำให้อาชีพพนักงานเตรียมอาหารและจัดส่งฟาสต์ฟู้ดต้องเตะฝุ่นด้วย เพราะรถในยุคหน้าอาจติดตั้งเครื่องมือให้สามารถอุ่นและจัดส่งอาหารได้โดยไม่มีต้องมีคนขับ เรื่องนี้มีให้เห็นแล้วในช่วงต้นปีที่ผ่านมา เมื่อพิซซ่าฮัทผนึกกำลังกับโตโยต้าพัฒนารถยนต์อิสระเพื่อแก้ปัญหาการจัดส่ง หนึ่งเดือนถัดมาฝ่ายโดมิโน่ก็ไม่ยอมน้อยหน้าออกมาประกาศว่าจับมือฟอร์ดทดสอบพาหนะไร้คนขับช่วยเรื่องการจัดส่งกับเขาเหมือนกัน

10. ปั๊มน้ำมันและปั๊มแก๊ส

เราไม่ได้รอให้น้ำมันหยดสุดท้ายหมดโลกก่อนถึงจะเปลี่ยนไปใช้พลังงานรูปแบบอื่น แต่สังคมจะเลือกสิ่งที่ดีกว่าเข้ามาแทนที่ทันทีที่ทำได้ ดังนั้น รถยนต์ไร้คนขับซึ่งได้รับการประดิษฐ์ขึ้นจากความใส่ใจสิ่งแวดล้อมเหล่านี้จึงใช้พลังงานไฟฟ้า ทำให้มีผลต่อปั๊มน้ำมันและปั๊มแก๊สเข้าเต็ม ๆ

อย่างไรก็ตาม แม้ส่อเค้าว่าธุรกิจหลายประเภทจะได้รับผลกระทบ แต่ก็มีบางองค์กรที่เริ่มลุกขึ้นมาเคลื่อนไหว ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานเพื่อตอบสนองและเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่กำลังจะมาถึงแล้ว ดังนั้น ถ้าชาว UNLOCK อยู่ในอุตสาหกรรมที่เราพูดถึงเหล่านี้ คงต้องเตรียมหาทางหนีทีไล่เอาไว้บ้าง ถือว่าเป็นการเตรียมตัวกันแต่เนิ่น ๆ จะลองเพิ่มสกิลด้านอื่นเผื่อไว้ตอนนี้เราว่าก็ยังทัน เพราะมันคงไม่ได้เกิดขึ้นภายในวันสองวันอย่างแน่นอน แต่คงใช้เวลาเป็นหลักปีขึ้นไป

“Change before you have to”

SOURCE

anonymK
WRITER: anonymK
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line