

Life
Facebook Data Science เมื่อจำนวนและอารมณ์การตั้งสเตตัสเวิ่นเว้อผันผวนตามความโสด
By: Chaipohn January 4, 2017 50266
สารพัดข้อความหวานหยดย้อยของคนจีบกันบน Facebook ที่จะว่าไปก็คล้ายกับการโทรไปส่งข้อความสุดสยิวจีบกันผ่านทาง Pager ในสมัยก่อน เพียงแต่ปัจจุบันเราสามารถทำมันได้ง่ายกว่า จำนวนข้อความการเวิ่นเว้อจีบกันจึงเพิ่มเป็นทวีคูณ แต่สิ่งที่ยังคงเหมือนกันคือ เมื่อจีบกันเสร็จ คบหากันสำเร็จอย่างที่ตั้งใจ จำนวนข้อความจะลดฮวบลงไปอย่างน่าใจหาย ที่ว่ากันว่าจีบสำเร็จแล้วอีกฝ่ายเปลี่ยนไปน่าจะเป็นจริง แน่นอนว่าเราไม่ได้พูดลอย ๆ เพราะข้อมูลจาก Facebook Data Science ก็ช่วยยืนยันอีกเสียง
Facebook status เวิ่นเว้อที่ดูเหมือนจะโพสแล้วผ่านไป ไม่มีอะไรน่าสนใจให้ติดตาม แต่ที่จริงแล้วข้อมูลทุกอย่างล้วนมีค่าในการนำมาใช้ทำความเข้าใจพฤติกรรมมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อดูเทรนด์ที่น่าสนใจได้ทั้งนั้น โดย Facebook Data Science ได้ทำผลวิจัยล่าสุด โดยดูข้อมูลจำนวนการ Post Facebook ของคู่รัก ก่อนและหลังเปลี่ยนสถานะความสัมพันธ์จาก Single (โสด) เป็น In Relationship (มีแฟนแล้ว) เป็นเวลา 100 วัน ทำให้เราพบว่า ช่วงจีบกัน 100 วัน จำนวน status post มีจำนวนมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด และนับตั้งแต่วันแรก (Day zero) ที่ประกาศตัวเป็นแฟนกันทาง Facebook จำนวนโพสก็ลดลงอย่างชัดเจนเช่นกัน
แม้จำนวนการตั้ง status จะน้อยลง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเรื่องไม่ดี เพราะอีกกราฟของ Facebook Data Science ช่วย confirm ได้ว่า แต่ละ status ที่ตั้งล้วนมีความหมายไปในทางบวกมากขึ้น โดยทางทีมได้ดึงข้อมูลจาก status ที่ตั้งเป็นภาษาอังกฤษ โดยการจับประโยคและคำบอกอารมณ์ต่าง ๆ เช่น Love, Nice, Happy จะถูกจัดให้เป็น Positive emotions และคำจำพวก Hate, Hurt, Bad จะถูกจัดให้เป็น Negative emotions
กราฟ Emotions โชว์ข้อมูลที่สวนทางกับกราฟ Number of Timeline Post ด้านบน โดยตั้งแต่วันแรกที่ประกาศตัวเป็นแฟนกัน status ทั้งหมดเปลี่ยนไปในทางหวานหยดย้อยยิ่งกว่าเดิม เรียกว่าอวดแฟนอวดเมียกันอย่างชัดเจน โดยเฉพาะ Day zero ที่จุด plot พุ่งสูงเกือบทะลุเพดานกราฟ
จากกราฟทั้งสองของงานวิจัยจาก Facebook Data Science จึงน่าจะสรุปได้ว่า เมื่อคู่ชายหญิงอยู่ในช่วงจีบกัน 100 วันก่อนเป็นแฟนออกอากาศ ต่างคนต่างโพสบิ้วกันไปมาแบบรัว ๆ และเมื่อเปลี่ยนสถานะเป็นแฟนกันแล้ว ทั้งคู่น่าจะออกไปใช้เวลาด้วยกันนอก Facebook มากขึ้น และตั้ง status ในความถี่น้อยลง แต่หวานเยิ้มกว่าเดิม ประมาณว่า วันนี้มีความสุขที่สุดในโลกเลย
ดูจากวันที่ Carlos Greg Diuk รายงานผลวิจัยนี้เอาไว้ในปี 2014 แต่ก็ถือว่ายังเป็นเทรนด์ที่สะท้อนชีวิตจริงของหลายคนได้อย่างแม่นยำถึงทุกวันนี้ เพราะโดยปกติแล้ว ผลวิจัยพฤติกรรมเค้าจะไม่ได้ทำกันทุกปีอยู่แล้วนั่นเอง