งานประจำต้องทำใจ วันนี้ FREELANCE แย่งตำแหน่ง “งานหลักและความฝัน”ของชาวอเมริกัน

ถ้าพูดถึงประเทศสหรัฐอเมริกา เรามักได้ยินการนิยามว่าเป็น “ประเทศแห่งเสรี” ทำให้ครั้งหนึ่งคำว่า “American Dream” หรือการฝันอย่างอเมริกันจึงกลายเรื่องระดับโลก เป็นความฝันที่ใครก็ล้วนใฝ่หาและต้องการเดินทางไปตั้งรกราก เพราะมีทั้งความเจริญ ความเท่าเทียม และอิสระ เรียกได้ว่าเป็นดินแดนในฝันที่ใครก็สามารถเปลี่ยนตัวเองให้เป็นเศรษฐีได้

จึงไม่แปลกที่ล่าสุดเมื่อผลสำรวจประชากรชาว Freelancer ในสหรัฐฯ ประจำปีนี้เผยตัวเลขว่ามีคนเลือกเป็นฟรีแลนซ์จำนวนถึง 56.7 ล้านคน เราจะรู้สึกไม่ประหลาดใจ แต่ไม่ใช่แค่ตัวเลขเท่านั้นที่น่าสนใจ UNLOCKMEN ยังมีเรื่องราวเบื้องหลังที่น่าสนใจเกี่ยวกับข้อมูลเหล่านี้มาแบ่งปันกันด้วย

American Dream: Past & Present

ใครที่ดูหนังต่างประเทศบ่อย ๆ จะได้ยินคำว่า “American Dream” กันมาบ้าง ซึ่งส่วนมากเรื่องราวจะออกแนวการเดินทางจากต่างดินแดนเข้าไปในอเมริกาเพื่อตามหาความฝัน ซึ่งความฝันเหล่านั้นมักจะผลิตซ้ำเรื่องการเป็น “Somebody” ด้านอาชีพ เช่น อยากจะเป็นนักมวยอาชีพ นักดนตรีอาชีพ ก็จะฝึกมันครั้งแล้วครั้งเล่าจนกว่าจะได้เป็น หรือ Underdog เองก็มีสิทธิผันตัวเองเป็นเศรษฐีใหม่ได้เสมอ หากขยันและร่ำรวย อาชีพ Freelance หรือการรับจ้างเป็นมือปืน จึงอาจเป็นเรื่องของการหารายได้เสริมเพียงอย่างเดียว

แต่เมื่อเวลาผ่านไป ค่านิยมความฝันของคนเราก็เริ่มเปลี่ยน ความรู้สึกอยากเป็น “Somebody” มันเริ่มจางลง คนเริ่มให้น้ำหนักกับเรื่องไลฟ์สไตล์มากขึ้น “ความขยันเรื่องการทำงาน” โดนตีความให้ละเอียดกว่าเดิมว่าเราน่าจะสามารถ “เลือก” ขยันได้ในเวลาที่เราต้องการ ใช้เวลาในแบบที่เราต้องการ ได้เงินที่ต้องการ อาชีพ Freelance จึงเริ่มค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงจากอาชีพเสริมมาเป็นอาชีพประจำ ยิ่งทุกวันนี้เทคโนโลยียิ่งก้าวหน้า การทำงานที่ไหนก็ได้ยิ่งเอื้อให้การเป็นฟรีแลนซ์ง่ายขึ้นกว่าเดิม

3.7 ล้านคน ภายใน 5 ปี

ตามรายงานที่เผยแพร่จากการสำรวจพลเมืองชาว Freelance ในปีล่าสุดของอเมริกาจาก  Freelancers Union และ Upwork ระบุจำนวนตัวเลขการเป็นฟรีแลนซ์ล่าสุดที่ยังคงเติบโตขึ้นในรอบ 5 ปีนับตั้งแต่มีการสำรวจประจำปีเรื่อยมาตั้งแต่ปี 2014 จนถึงปัจจุบันว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 3.7 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 7% โดยเมื่อสอบถามจะพบว่าในชาวอเมริกันทุก 3 คน จะมี 1 คนที่ทำงานแบบฟรีแลนซ์ ขณะที่งานประจำตอนนี้เติบโตเพียงแค่ 2 %

ตื่นเถิดชาวเรา Freelance เพิ่มศักยภาพตัวเองมากกว่าที่คิด

นอกจากเรื่องไลฟ์สไตล์แล้ว สิ่งที่หลายคนยังไม่รู้คือการเป็นฟรีแลนซ์มันเป็นวิธีในการพัฒนาศักยภาพชีวิตมากขึ้นกว่าเดิม จากเหตุผลหลายประการที่เราไม่คาดคิดเหล่านี้

1. ความตื่นตัวทางการเมือง ด้วยสิทธิสวัสดิทางสังคมบางประเภทที่คนทำฟรีแลนซ์ได้แตกต่างจากการทำงานประจำทำให้คนเป็นฟรีแลนซ์สนใจเรื่องการเมืองกว่าคนทำงานประจำถึง 19% เขาจึงใส่ใจกับการฟังเรื่องราวทางการเมืองและนโยบายสำคัญที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง รวมทั้งพร้อมจะโหวต
2. ขวนขวายทักษะเพิ่มขึ้น การฟรีแลนซ์เต็มไปด้วยการฟาดฟัน ถ้าเรามีสิทธิเลือกทำงานที่ต้องการ คนจ้างก็มีสิทธิเลือกฟรีแลนซ์ที่ต้องการด้วยเช่นกัน คนที่เป็นฟรีแลนซ์จึงวิ่งเข้าหาคอร์สฝึกทักษะตัวเองเพื่อสร้างความโดดเด่นมากการเรียนรูปแบบเดิมตามแบบแผน
3. การจัดสมดุลชีวิต ถึงจะมีความเครียดและความกังวลที่มากกว่าการเป็นพนักงานประจำเรื่องการจัดการชีวิต แต่ในท้ายที่สุดพวก 77% ของคนที่ทำฟรีแลนซ์เต็มเวลาจะสามารถจัดสมดุลเรื่อง Work Life Balance ได้ดีกว่า

แนวโน้มการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ Gig econymy หรือการทำงานในระบบฟรีแลนซ์นับวันจะยิ่งเพิ่มขึ้นเพราะมีความยืดหยุ่นและน่าสนใจคุ้มพอให้หลายคนแลกกับ comfort zone เรื่องสวัสดิการ ด้านบ้านเราเองก็ได้รับกระแสความนิยมนี้เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน เพราะจากสถิติของบ้านเราที่ได้จากการสำรวจโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติที่ระบุจำนวนแรงงานนอกระบบของไทยในปี 2558 ว่ามีจำนวนสูงถึง 21.4 ล้านคน

สุดท้ายไม่ว่าคุณจะเป็นฟรีแลนซ์หรือไม่ ข้อดีหลายอย่างจากการเป็นฟรีแลนซ์ในสถิติของชาวอเมริกันน่าจะเป็นแรงบันดาลใจเพื่อพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นกว่าเดิม เพราะนับวันคนที่ “เก่งจริง” เท่านั้น ที่จะได้รับโอกาสที่ดีขึ้นในชีวิต

SOURCE: 1 / 2 / 3