Life

คุยกับ Artist ตัวแม่ เจาะลึกมุมมองความคิด และแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตแบบ “จีน กษิดิศ”

By: HYENA October 26, 2016

ถ้าให้พูดถึง “ขุ่นแม่” แห่งวงการเพลง Indy Electro ของเมืองไทย ชื่อของ “จีน กษิดิศ” หรือที่หลายๆ คนอาจจะรู้จักกันในอีกชื่อนึงว่า “จีน Futon” คงต้องผุดขึ้นมาเป็นอันดับแรก ๆ อย่างแน่นอน ซึ่งก็อย่างที่หลายๆ คนคงเห็นกันดีอยู่แล้ว สำหรับ จีน กษิดิศ ว่าเป็นอีกหนึ่งคนที่ใช้ชีวิตได้แบบสุด ๆ และชื่นชอบการปาร์ตี้เป็นอย่างยิ่ง แต่ทว่าในด้านของการทำงานนั้น ก็ไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง วันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN มีโอกาสได้พูดคุยกับ “จีน กษิดิศ” ถึงแง่มุมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว, ผลงาน และแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตที่เราอยากให้ทุกคนได้รู้ และสามารถนำไปใช้กับตัวแต่ละคนได้

jk-18

เมื่อทีมงานเรามาพบกับพี่จีน ความเฮฮาในบรรยากาศสบายๆ เป็นกันเองจาก “ขุ่นแม่” ก็เริ่มขึ้นมาทันที  หลังจากที่เราทักทายกันเป็นที่เรียบร้อย เราจึงถามคำถามที่หลายๆ คนคงจะอยากรู้เหมือนกับเราว่า

ตอนนี้พี่จีนทำอะไรอยู่บ้าง?

“ตอนนี้ก็กำลังทำเพลงใหม่ๆ อยู่ แล้วก็มีโชว์เรื่อยๆ แต่ตอนนี้มีเพลงใหม่ที่เพิ่งปล่อยออกไปก็คือ “ช้อปสนุก” นอกจากนี้….ก็ยังมีงานเขียนที่ไม่ได้ทำนานมาก ก็กำลังเขียนขึ้นมามีชื่อว่า  Blonde And The City  ทั้งหมดนี้เขียนอยู่ในเพจตัวเอง จะปล่อยทุก 3-4 วัน ก็จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองในช่วงนี้ แล้วก็เริ่มที่จะทำเกี่ยวกับงานดีไซน์เบาๆ อย่างเช่น “เสื้อผ้า” อะไรพวกนี้”

jk-9

แฟนเพลงของ “จีน กษิดิศ” ส่วนใหญ่จะรู้ดีว่า แต่ละเพลงที่ได้สร้างสรรค์ออกมานั้น เรียกว่าเป็นผลงานศิลปะที่ล้ำสุดๆ เลยก็ว่าได้ และด้วยงานที่แปลกแหวกแนว ซึ่งไม่เคยทำให้ใครผิดหวังเมื่อผลงานถูกปล่อยออกมา เราจึงอยากจะรู้ว่า แรงบันดาลใจ ในการทำงานล้ำ ๆ ได้มาจากไหน?

“ตั้งแต่ออกมาทำงานเดี่ยว อย่างในอัลบั้ม Affairs ซึ่งเป็นอัลบั้มแรก เพลงส่วนใหญ่ที่ทำออกมา ก็จะเป็นเพลงอิเล็กทรอนิกส์สไตล์ยุค 90s  ต่อมาก็เป็น Blonde ก็จะมีกลิ่นของเพลงยุค 80s สูงมาก ถ้าถามว่าแรงบันดาลใจในการทำงานได้มาจากไหน? ก็คงจะเป็นจากการไปเที่ยวกลางคืน การไปปาร์ตี้กับพวกเพื่อนฝูง รวมไปถึงการนำชีวิตรักเอามาเขียนเป็นเพลง แต่พอมาในยุคนี้เหมือนจะเริ่มฟังเพลงฝั่งอเมริกามากขึ้น ฟัง Hip-Hop ฟัง R&B มากขึ้น ก็เลยเอาดึงเอา Beat ที่น่าสนใจจมาผสมกับกลิ่นอายของ 80s-90s เบาๆ  บวกกับเนื้อหาที่ไม่ค่อยลึกเท่าไหร่ แต่ว่าลึก!! เหมือนกับมีอะไรในความไม่มีอะไร อย่างเช่นซิงเกิ้ลล่าสุด เป็นเรื่องของการช้อปปิ้ง ที่เหมือนไม่มีอะไร แต่มีอะไร ก็เลยออกมาเป็นเพลง ‘ช็อปสนุก'”

jk-2

เราสังเกตเห็นได้ว่าตัวเพลงที่พี่จีนได้ทำออกมา มีการพัฒนา และเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จึงเกิดความสงสัยว่า แล้วเพลงที่ทำอยู่ในตอนนี้ล่ะ ถือว่าเป็นตัวเองที่สุดเลยหรือยัง?

“จริงๆ แล้ว ที่ผ่านมาก็เป็นตัวเองที่สุดตลอดนะ คือมันจะเป็นที่สุดในแต่ละยุคมากกว่า แต่ตอนยังเป็น Futon นี่ถือว่าไม่เท่าไหร่ เพราะว่าทำกันหลายคน ส่วนใหญ่เราเป็นคนร้อง เนื้อเพลงก็จะออกแนวมืดมาก แต่พอมาเป็น “จีน กษิดิศ” อัลบั้ม Affairs มันก็มีความเป็นส่วนตัวเยอะเกินไปหน่อย หมกมุ่นแต่เรื่องส่วนตัว เรื่องเพลงก็จะทำในสิ่งที่เราอยากจะทำที่สุด ต่อมาให้พอมาเป็น Blonde อันนี้คือ ใช่จริงๆ แต่ในตอนนี้ก็เริ่มที่จะเบื่อๆ เบื่อความเยอะแยะ ก็เลยกลับมาที่ว่าอะไรตัดมันออกได้ก็ตัดออกไป และเน้นไปที่จังหวะที่มันกระฉับกระเฉงตื่นเต้นตลอดเวลา”

jk-4

แบบนี้แฟนๆ ก็คงจะได้เห็นอะไรที่แตกต่างออกไปอีกในอนาคตอีกใช่รึเปล่า?

“น่าจะมี!! เพราะยังมีอีกหลายสิ่งที่อยากจะทำ เราไม่ได้ยึดติดอยู่กับเรื่องของ Label หรือแนวเพลง เพราะเราคิดว่า การทำเพลงนั้นเป็นงานศิลปะอย่างหนึ่ง มันก็ควรที่จะทำให้เรารู้สึกตื่นเต้น แต่ก็คงจะมีการประนีประนอมกับตลาดด้วยเช่นกัน เพราะไม่งั้นเราก็จะอยู่ไม่รอด  เลยต้องมาคิดว่าทำยังไงให้ Art กับ Pop มาอยู่ด้วยกันได้ มันคือโจทย์ที่สำคัญมาก แต่ในอนาคตเนี่ย…..อยากจะกลับไป Rock เหมือนกัน อยากทำ Heavy Metal ด้วย เพราะยังไงตอนนี้ที่เคยอยากร้อง Hip-Hop, R&B ก็ได้ลองไปแล้ว ต่อไปคงจะมีความตื่นเต้นใหม่ๆ มาให้ได้ฟังกันอย่างแน่นอน”

jk-11

ข้อนี้เป็นคำถามอีกข้อนึงที่เรา และหลายๆ คนคงอยากจะรู้มาก เพราะอย่างที่รู้มาก็คือว่า “จีน กษิดิศ” เป็นคนที่ชอบปาร์ตี้มาก แต่ในเวลาทำงานนี่ก็เรียกได้ว่าเป๊ะสุดๆ ไม่มีพลาดเช่นกัน เลยอยากที่จะให้ช่วยแนะนำหน่อยว่ามีหลักการอย่างไรในการรักษาสมดุลของการปาร์ตี้ และการทำงาน เพราะตัวพวกเราเองไปปาร์ตี้กันทีไร เละเทะ พังพินาศกันทุกที?

“จริงๆ แล้ว คือ ‘โชคดีที่งานที่เราทำอยู่เป็นสิ่งที่เรารักมาก’ เราก็เลยเอาชีวิตส่วนตัวกับงานมาบวกเข้าด้วยกัน ยกตัวอย่างในอัลบั้ม Blonde นั่นก็เรียกได้ว่าเป็นการเอาเรื่องราวเวลาที่เราไปปาร์ตี้ มาปูแผ่มันลงไปในงาน เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่ได้ออกไปปาร์ตี้ ก็เหมือนกับเรากำลังออกไปทำงาน เหมือนการไปเก็บข้อมูลว่าคนคิดอะไรกัน แล้วก็เป็นการไปอัพเดทเรื่องเพลงอะไรพวกนี้อีกทางนึงด้วย แต่ถ้าเวลาไม่ทำงาน พักผ่อนจริงๆ ก็คือ จะอยู่บ้านเฉย ๆ  สบาย ๆ อยู่กับคนที่เรารัก อยู่กับเพื่อนฝูง เล่น Play Station ไปวันๆ  หรือไม่ก็ไปทะเลเลย”

jk-17

จะว่าไปแล้วในประเทศไทยเราในตอนนี้ เรื่องของเพศก็ได้เปิดกว้างขึ้นมากกว่าเมื่อก่อนมากแล้ว แต่สำหรับ “จีน กษิดิศ” คนนี้ เรียกได้ว่าไม่เคยปกปิดตัวเองมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แถมยังค่อนข้างที่จะเปิดเผยมาตลอดเลยด้วยซ้ำ วันนี้เราเลยอยากจะถามว่า ตัวเองในสมัยก่อน กับตัวเองในตอนนี้ที่หลายๆ คนเรียกว่า “ขุ่นแม่” มันมีอะไรที่แตกต่างกันออกไปบ้าง?

“ตอนนั้นเราก็ไม่เคยพูดว่าเราเป็นอะไรนะ แต่เราก็ไม่เคยปิดบัง สุดท้ายทุกอย่างมันก็ออกมาให้เห็นกันเรื่อยๆ  มันคือ ความเป็นธรรมชาติ มันก็เลยชนะทุกสิ่ง ยิ่งพอมาถึงตอนทำอัลบั้ม Blonde ก็คือ ไปสุดๆ เลย แต่มันก็คือ ‘ความจริงใจ’ ว่าฉันเป็นอย่างนี้ ก็เลยไม่เคยคิดว่าจะปิดบังอะไร เพราะความจริงมันสนุกกว่า ไม่เห็นมีอะไรให้ต้องปิดบังตามเนื้อผ้า เพราะว่า ‘เรารักในสิ่งที่เราเป็นแล้วก็สิ่งที่เราทำ'”

jk-23

เมื่อก่อนตอนที่ยังเป็น “จีน Futon” มีแต่คนบอกว่าพี่จีนเป็นผู้ชายที่เท่มาก ในตอนนั้นลึกๆ แล้วรู้สึกว่ายังไงบ้าง?

“ก็คือ จริง ๆ แล้วทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวเพลงที่เราอยู่กับมันในตอนนั้นมากกว่า อย่างตอนทำ Futon นี่ จะมีความเป็นอิเล็คโทร มีความแกรม แล้วมันก็เป็นช่วงทดลอง เพราะตอนนั้นพึ่งอายุ 20 ต้นๆ ยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่ แต่พอมันไปนานๆ มันก็เกิดความเบื่อ เบื่อเสื้อผ้าผู้ชาย แต่มันก็วนไปวนมา อย่างการแต่งหญิง ก็ไม่จำเป็นต้องไปในทางสวยงามอย่างเดียว เราก็ยังทำทุกสิ่งทุกอย่างได้ แต่ประเด็นก็คือว่า เสื้อผ้า, หน้า, ผม มันจะเป็นไปตามเพลงที่เรากำลังทำอยู่มากกว่า  ไม่มีอะไรตายตัว เพราะไม่ชอบอะไรที่ตายตัวมากๆ ถ้าจะต้องทำอะไรที่ตายตัว ขอกระโดดตึกตายดีกว่า ฮ่าๆๆ”

jk-8

หลายๆ คนคงอยากรู้ว่าจะมีโอกาสได้เห็น “จีน กษิดิศ” กลับไปอยู่ใน Look ผู้ชายเท่ๆ เหมือนตอนอยู่ Futon อีกครั้งหรือไม่ เพราะต้องบอกยอมรับจริงๆ ว่าทั้งเรื่องความเท่ สไตล์แฟชั่นในตอนนั้น อย่าว่าแต่ผู้หญิงเลย ผู้ชายยังมองว่าโคตรเท่?

“คงจะต้องมีแหละ อย่าง David Bowie เค้ายังกลับมาเป็นผู้ชายในรูปแบบธรรมดาๆ ได้เลย พอถึงเวลาก็คงปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่าง เครื่องสำอางไม่ต้อง ก็ออกมาแบบสดสดอะไรอย่างนี้”

jk-16

อยากให้พี่จีนพูดถึงผลงานที่กำลังทำอยู่ตอนนี้ให้กับแฟน ๆ ที่ยังคงติดตามผลงานมาอย่างเหนียวแน่นซักหน่อย

“ก็อยากจะฝากซิงเกิลล่าสุด ที่ถือว่าเป็นการฉีกทุกอย่างที่เคยทำมาก่อน ใช้เวลาทำงานมา 6 เดือน แบบซ่อมแล้วซ่อมอีก ตอนแรกก็กลัวว่าคนอื่นจะคิดยังไงเหมือนกัน คนอาจจะฟังดูว่าเหมือนเป็นเพลง EDM แต่โดยส่วนตัวขอเรียกมันว่า BDM ก็คือ Blonde Dance Music เพราะมันเอาทุกอย่างมาผสมกัน และน่าจะเป็นซิงเกิลที่ฉีกที่สุดจากทุกสิ่งที่เคยทำมา

อย่างเนื้อหาก็เป็นเรื่องง่าย ๆ นั่นคือ การช้อปปิ้ง หลายคนอาจจะคิดว่า การช้อปปิ้งเหมือนเรื่องไร้สาระ แต่จริงๆ แล้ว กับบางคน การช้อปปิ้ง เป็นการเยียวยาจิตใจที่ดีที่สุด และเร็วที่สุดทางหนึ่งเลยก็ว่าได้ แต่ทุกคนก็ควรที่จะช้อปอย่างมีสติ ไม่งั้นอาจจะช็อคได้ในสิ้นเดือน หรือจะเปรียบว่าการช้อปปิ้ง เป็นเหมือนความรักครั้งแรกก็ได้ ที่เห็นปุ๊ปในตอนแรกคิดว่ามันโอเค รีบซื้อมันมาก พอกลับบ้านกลับไม่เป็นไปอย่างที่หวัง อยู่กันไปนาน ๆ ก็ไม่ดูแลสิ่ง ๆ นั้นที่เรามี ทิ้งขว้างมันไป นี่มันคือความรักของมนุษย์มาก ๆ เลยนะ”

jk-12

อีกเรื่องนึงที่เราจะลืมถามไปไม่ได้เลย เพราะด้วยมุมมอง และไลฟ์สไตล์ของคนที่มีความพิเศษ และแตกต่างอย่าง “จีน กษิดิศ” เราจึงสมมุติว่า ถ้าจะให้พี่จีนแก้ไข หรือตั้งกฎหมายได้ข้อนึง พี่จีนจะให้แก้ หรือให้เพิ่มอะไรตรงไหนบ้าง?

“เอาง่าย ๆ บ้าน ๆ เลยนะ  คือเบื่อมากกับกฎหมายการซื้อเหล้า ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมีเวลาจำกัด? อย่างเมื่อก่อนยุคปลาย 90s ต้น 2000 ถือว่าชีวิตกำลังดีงามมากนะ จะซื้อเหล้าอะไรเมื่อไหร่ก็ได้ แค่มีบัตรประชาชน เราจะไปเที่ยวเมื่อไหร่ก็ได้แค่มีบัตรประชาชน ทุกคนก็จะรู้สึกเหมือนถูกให้เกียรติจากรัฐบาล มันทำให้รู้สึกว่าเราโตพอแล้วที่จะดูแลตัวเอง ตัดสินใจด้วยตัวเองได้ แต่ตอนนี้มันถูกบังคับ ให้กลายเป็นต้องมีอายุ 20 ปีเท่านั้น แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่เราจะทำตามโลกทัน

“ยกตัวอย่างวัยรุ่นเข้าผับ พอผับปิดเร็วก็ต้องไปหาที่ต่อ ซึ่งที่ต่อเหล่านั้นน่ะ มันร้ายกาจกว่าที่เที่ยวปกติอีกนะ  อีกอย่างก็คือ เรื่องหน้าไหว้หลังหลอกของรัฐบาลอย่างเรื่องเซ็กส์ เล่นมาแบน เข้มงวดทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับเรื่องเซ็กส์ ในขณะที่ความเป็นจริงแล้ว ก้าวออกจากบ้านเราไปเดิน 5 ก้าว ก็เจอบาร์อะโกโก้แล้ว แต่คุณก็มาแบนนั่นนู่นนี่ ห้ามดูเว็บนี้ หนังก็แบน โทรทัศน์ก็เซ็นเซอร์ เจออย่างนี้เราก็เบื่อ เราคิดว่ามันเหมือนเป็นการแบนความคิดส่วนบุคคลของแต่ละคนไปเลยนะ”

jk-20

มาถึงคำถามสุดท้ายแล้วสำหรับการได้นั่งคุยกับศิลปินที่มีความสร้างสรรค์ และมีความเป็นตัวของตัวเองสูงมากคนนึง ซึ่งมันก็เป็นคำถามตามธรรมเนียมของเรา นั่นก็คือ “จีน กษิดิศ” ในวันนี้มีอะไรในชีวิตที่อยากจะ UNLOCK อยู่อีกบ้าง?

“ก็อยากจะ UNLOCK คนไทยทุกคน ให้ทำเรื่องดี ๆ ให้กับตัวเองมากขึ้น เปิดใจกันจริง ๆ มากขึ้น ตอนนี้ใกล้จะปี 2017 แล้ว แต่ 37 ปีที่ผ่านมาในชีวิตนี้ ยังไม่รู้สึกเลยว่ามีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปจริง ๆ  โดยเฉพาะเรื่องของความคิด และการให้การยอมรับ

อีกหนึ่งนิสัยของคนไทยที่อยาก UNLOCK ก็คือ คนไทยต้องยอมรับก่อนว่าเป็นพวกที่มีความขัดแย้งในตัวเองอยู่ตลอดเวลา  อย่างเช่นอะไรที่มันเป็นไทยก็จะแห่กันแสดงออกว่า รัก รักมาก พอเจออะไรที่มันไม่ไทย ก็แห่กันไปต่อต้าน อย่างเช่น งานศิลปะ จริงๆ ก็เข้าใจว่าการที่เราใช้งานศิลปะเก่าๆ โบราณก็ต้องมีความเคารพกันอยู่แล้ว แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าเราจะแตะมันไม่ได้ แล้วทำไมทีเราไปเอาศิลปะโบราณของต่างชาติอย่างอินดงอินเดียมา เราถึงทำได้ล่ะ?”

ปิดท้ายได้อย่างคมคาย เชื่อว่าทุกคนที่ได้รู้จัก จีน จากการพูดคุยครั้งนี้ จะกล้าลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่ตัวเองรัก และกล้าที่จะสร้างสรรค์อะไรแปลกใหม่ โดยที่ไม่ต้องกลัวใครจะว่าอะไรทั้งนั้น ถ้าสิ่งที่คุณทำอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ดีและถูกต้อง

ส่วนใครที่เป็นแฟนเพลงของ “จีน กษิดิศ” ห้ามพลาดชม MV เพลง “ช้อปสนุก” ซึ่งเป็นซิงแกิ้ลล่าสุดมาให้ได้ชมกันด้วย

ถ้าคิดถึงคุณจีน สามารถเข้าไปติดตามข่าวสาร และอัพเดทผลงานของ “จีน กษิดิศ” ได้ที่  www.bandpage.com/genekasidit  และ Facebook  Genekasidit  ได้ด้วยเช่นกัน

ขอบคุณสถานที่ถ่ายทำสวยๆ ในครั้งนี้ด้วยครับ :  SODABKK, LOVE BAR

jk-19

HYENA
WRITER: HYENA
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line