ว่าด้วยเรื่องช่องว่างระหว่างวัย 9 สิ่งที่ GEN-Y ตัวแสบมักจะถูกเข้าใจผิดอยู่เสมอในการทำงาน

ปัญหาในที่ทำงานยอดฮิตติดลมบน คงไม่พ้นเรื่องช่องว่างระหว่างวัย ความไม่เข้าใจกันของคนสอง Generation ที่มีพื้นฐานทางความคิดที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นความไฟแรงของวัยหนุ่มเลือดร้อน หรือความหัวดื้อยึดตัวเองเป็นใหญ่ของวัยผู้ใหญ่ (ที่มักจะมองว่าอีกฝ่ายนั่นแหละที่หัวแข็ง) ทั้งสองฝ่ายก็ต่างเติบโตมาจากสภาวะแวดล้อมที่แตกต่างกัน ทำให้พื้นฐานความคิดแตกต่างกัน หากจะยกเหตุผลมาถกกัน ชาตินี้ก็คงไม่จบ เพราะมันต้องดูกันไปแบบ Case By Case

UNLOCKMEN เลยขอเอาความเข้าใจผิดที่ชาว GEN-Y มักจะถูกแปะป้ายจาก Gen รุ่นพี่อยู่เสมอ หากคุณเป็น Gen รุ่นใหญ่ ลองดูว่าคุณกำลังเข้าใจอะไรน้อง ๆ ผิดไปหรือไม่ ลองมองว่าทั้งสองฝ่ายไม่มีใครถูกผิดแล้วหาทางออกร่วมกันสิ เผื่อจะได้ร่วมงานกับน้อง ๆ ได้แบบรุ่นใหญ่ใจกว้าง

เด็กพวกนี้แค่อยาก Make Money เท่านั้นแหละ

ทำไงได้ เพราะเงินมันคือแรงจูงใจสำคัญในการเลือกอาชีพยังไงล่ะ จนบางครั้งอาจพาลไปถึงเรื่องเรียนอีกด้วย ว่าพวกเขาเลือกเรียนคณะนี้ เอกนี้ เพราะเงินดี มากกว่าเพราะความชอบหรือความถนัดของตัวเอง เราอาจมองว่าเด็กพวกนี้ก็เลือกแต่งานที่ได้ค่าตอบแทนดีเอาไว้ก่อน เพราะเด็กรุ่นนี้ส่วนมากได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานคือปริญญาตรี เลยอยากจะได้เงินที่สมน้ำสมเนื้อกับการตรากตรำคว้า A มาแบบเลือดตากระเด็น แต่ถ้าหากได้ลองทำงานกับ Gen-Y จริง ๆ คุณจะพบว่าแค่เงินยังไม่สามารถโน้มน้าวพวกเขาไว้ได้ ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ Gen นี้ต้องการให้เป็น Benefit ขั้นพื้นฐานของพวกเขา

ไม้อ่อนแต่สอนยาก

ลูกพี่หลาย ๆ คนมักจะมีอคติกับลูกน้อง Gen-Y แบบข้อนี้เป็นส่วนใหญ่ เพราะเราคาดหวังว่าจะได้สอนน้องแบบ Step By Step ให้เดินตามรอยเท้า ตามวิธีของคุณที่คุณเคยทำมา แต่บอกเลยว่าวิธีนี้พวกเขามักจะไม่ฟังหรอก ไม่ใช่เพราะความดื้อรั้นของพวกเขา แต่เป็นเพราะ Gen-Y มักจะตั้งคำถามกับสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลสำหรับเขา พวกเขาต้องการสร้างรอยเท้าของตัวเองมากกว่าการเดินตามรอยของใคร พวกเขามีความสุขกับการที่คุณได้ปล่อยให้เขาลองผิดลองถูกแล้วมีคุณคอยมองอยู่ห่าง ๆ คอยสอนเมื่อเขาล้มลง ชื่นชมเมื่อเขาทำได้ดีมากกว่า

เปลี่ยนงานบ่อยเพราะเบื่อง่าย/ไม่อดทน

นั่นก็ถูกแล้ว มันเป็นธรรมชาติของ Gen-Y เลยล่ะ ไม่แปลกที่พวกเขาจะเปลี่ยนงานบ่อย ส่วนมากพวกเขามักจะเปลี่ยนงานสองปีครั้ง แต่นั่นไม่ใช่เพราะพวกเขาเกิดเบื่อขึ้นมาเฉย ๆ หรอก แต่เพราะพวกเขาโตมากับเทคโนโลยี ความสะดวกสบาย เติบโตมาพร้อมตัวเลือกมากมายที่พร้อมจะ Improve ชีวิตให้พวกเขาได้ตั้งแต่เด็ก เขาเลยมักจะเลือกเยอะกับการจะรับสิ่งใดเข้ามาในชีวิต งานก็เหมือนกัน เขาก็มองว่ามันคือ Option อย่างนึงที่เขาพร้อมจะเปลี่ยนเมื่อรู้สึกว่ามันยังไม่เหมาะกับชีวิต หรือไม่ตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้ Gen-Y และด้วยความเป็นเลือดใหม่ พวกเขากระหายที่จะขับเคลื่อนตัวเองตลอดเวลา มากกว่าการนั่งเป็นผักในออฟฟิศรอรับเงินในปลายเดือนให้มันจบ ๆ ไป

ก้าวร้าว ไม่เคารพผู้ใหญ่

พวกเขามักจะมองข้ามอายุไป มันเป็นเพียงตัวเลขที่บอกว่าอยู่บนโลกนี้มานานแค่ไหน แค่นั้นเอง เพราะเขาเกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่พัฒนามาจนสะดวกสบายแล้ว พวกเขาเชี่ยวชาญเรื่องพวกนั้นมากกว่ารุ่นพี่ พวกเขาจึงรู้สึกเสมอว่ารุ่นพี่ก็ไม่ได้เก่งไปกว่าเขาสักเท่าไหร่นักหรอก สังเกตสิ พวกเขามักจะไม่ทำตามใครสักคนเพียงเพราะคนนั้นบอกให้ทำหรอก แต่ลองเป็นคนที่เขาไว้ใจได้ หรือหากลองทำให้เขาเชื่อใจแล้ว คุณพูดอะไรเขาก็ทำโดยที่ไม่ต้องขอเลยล่ะ กุญแจของเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของอายุแต่เป็นเรื่องของความไว้ใจ ถึงจะซื้อความเคารพจาก Gen-Y ได้นั่นเอง

วิธีการสำคัญกว่าพิธีการ

Gen-Y พวกเขาไม่ได้ศรัทธากับการทำงานหนักจะเทรนให้เขาแข็งแกร่ง แต่พวกเขามักจะโฟกัสวิธีการทำงานที่พวกเขาเก่งขึ้นมากกว่า ไม่ใช่ว่าเขาต้องการความสะดวกสบายเหมือนเดินอยู่บนฟูก พวกเขาแค่เลือกวิธีที่จะมาสอนเขาเท่านั้น พอตัดภาพไปที่อะไรที่เป็นพิธีการ 1234 พวกเขาจะไม่เอาเลย แทบจะโยนทิ้งไปตั้งแต่แรกเห็น และคิดว่าอะไรพวกนั้นเป็นเพียงเปลือกและมันไม่ช่วยให้พวกเขาเก่งขึ้นหรือส่งผลอะไรกับความสามารถของเขาเลยด้วย

ถึงตรงนี้แล้วไม่ว่าคุณจะเป็นฝ่ายไหน คงพอจะเปิดใจเห็นข้อดีข้อเสียของ Gen-Y กันบ้างแล้ว พวกเขาเป็นเหมือนอนาคตของโลกใบนี้ อย่าได้บีบบังคับให้เขาเดินตามในทางที่เราเคยเดิน เพราะเราเองก็เห็นมาแล้วว่าทางของเรามันก็ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่สวยงามนัก 

เข้าใจธรรมชาติของอีกฝ่าย ถ้าคุณมีกึ๋นมากพอ คุณจะโน้มน้าวให้เขาทำตามคุณ เพื่อที่จะได้มีทางออกที่ทั้งสองฝ่ายพอใจ ก็ถือว่าวินวินกันไปทั้งสอง Gen