Life

ไม่มีใครเกิดมา “Genius” ทันที แต่มีวิธีสร้างได้ ด้วย 3 กิจวัตรที่คุณจะฉลาดขึ้นใน 30 นาที

By: HYENA January 17, 2018

คำว่า “Genius” ใครก็รู้ความหมายของมัน แม้ว่าจะไม่ใช่คนที่ “Genius” ก็ตาม

โดยส่วนใหญ่ คนมักเข้าใจผิดว่า ความ “Genius” จะเป็นสิ่งที่ฟ้าประทานมาให้ตั้งแต่เกิด จนบางคนใช้ช่องโหว่แห่งการเข้าใจผิดเหล่านี้ มาเป็นข้ออ้างในทำนองว่า ในเมื่อเกิดมาฟ้าไม่ได้ประทานความ “Genius” ติดตัวมาให้ ยังไงก็สู้คนที่ฟ้ามอบพลังสุดพิเศษมาตั้งแต่แรกไม่ได้อยู่ดี ก็เลยปล่อยชีวิตไปแบบเลยตามเลย ไม่เคยคิดจะพัฒนาอะไรอีกนับจากนั้น

หากใครที่เคยใช้ข้ออ้างแบบนั้น หรือเคยถกเถียงกันมาว่า คนเราฉลาดมาตั้งแต่เกิดเลยหรือเปล่า?

คำตอบก็คือ ไม่มีใครที่เกิดมาพร้อมกับความ “Genius” เลยแม้แต่คนเดียว แต่ที่บางคนดูจะ “Genius” กว่าคนอื่น ๆ นั้น เป็นเพราะคนเหล่านั้น มี Lifestyle ที่แตกต่างออกไปต่างหาก เราเลยมีสิ่งที่ทำได้ง่าย ๆ ใช้เวลาไม่มาก มีการพิสูจน์มาแล้วว่า มันสามารถทำให้คนเราฉลาดขึ้นได้จริง ๆ

Not all brilliant people are born that way.

ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจก่อนว่า ข้อแรก ไม่มีใครเกิดมาพร้อมกับความเจ๋งเหล่านั้น ข้อ 2 คนเราจะไม่มีทางจะเก่งกาจ หรือฉลาดขึ้นได้โดยที่ไม่ใช้ความพยายาม

ยกตัวอย่างเช่น การเสียเวลาเพียง 10 นาทีกับการสำรวจ และพยายามพัฒนาตัวเอง เสียเวลา 20 นาที ไปกับการอ่านหนังสือไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม และอาจจะเสียเวลาสัก 30 นาที เพื่อที่จะมุ่งเน้นฝึกฝนอะไรสักอย่าง ก็สามารถเกิดความชำนาญได้ สามารถพัฒนาตัวเองในทุก ๆ ด้านได้ในทุก ๆ วัน ด้วยการใช้เวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น

The word “genius” is one of the most misused terms in history.

เราจำแนกความฉลาดทางปัญญา กับพลังสร้างสรรค์ออกเป็นระดับสูง-ต่ำ และใช้มันบ่งบอกความ “Genius” ในตัวของแต่ละคน และสิ่งเหล่านี้นี่แหละ ที่คุณควรจะทำความเข้าใจเสียใหม่ และเลิกใช้มันในการตัดสินคน โดยเฉพาะการตัดสินว่า ใครที่เกิดมาพร้อมกับความ “Genius” คือคนที่โชคดีกว่าคนอื่น ๆ

จริงอยู่ที่จะให้ไม่คิด หรือพูดออกไปยังไง ความ “Genius” ของคนเราก็ยังคงมีไม่เท่ากัน และนั่นทำให้เกิดการแบ่งลำดับชั้นขึ้น ดังนั้น สิ่งนี้จึงไม่ใช่ประเด็นหลัก ที่คุณไม่ควรจะมีมันอยู่ในสมอง แต่สิ่งที่ควรเข้าใจเสียใหม่ก็คือ พรสวรรค์ นั่นเอง คำว่า พรสวรรค์จะว่าไปมันก็เป็นอัตลักษณ์ทางธรรมชาติของคนเหล่านั้น ที่ทุกคนล้วนมีอยู่ในตัวแต่อาจจะมีอะไรที่ไม่มีเหมือนกัน คนที่เราบอกว่าเขามีพรสวรรค์ แท้จริงแล้ว มันคือการที่คนคนหนึ่ง ใช้สิ่งใดสิ่งหนึ่งในตัวเองได้อย่างชำนาญ และเหมาะสมกับสิ่งที่ทำ จึงเกิดความได้เปรียบ และทำให้ดูเหมือนว่า พวกเขามีความสามารถเหนือกว่า แม้จะทำอะไรเริ่มต้นใหม่พร้อม ๆ กัน

อย่างเช่น คนที่ขายาว คุณจะบอกว่า คนนั้นเป็นนักวิ่งที่วิ่งเร็วมาก และนั่นคือ พรสวรรค์ ทั้ง ๆ ที่ ในความเป็นจริง คุณอาจจะลืมมองดูสรีระของเขาว่า ความยาวของขานั้น ทำให้เขาวิ่งได้ไวกว่าคนอื่น ดังนั้น คนที่ถ่ายภาพได้ดี ก็อาจจะเกิดจากการที่คนคนนั้น เป็นคนที่มีสายตาดีกว่าคนอื่น มองอะไรได้ชัดเจน และละเอียดมากกว่าคนอื่นก็ได้เช่นกัน แต่สุดท้ายแล้ว พรสวรรค์ของคนเหล่านั้นจะมีค่าอะไร ถ้าหากมันอยู่กับที่ไม่มีการพัฒนา ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าหากคนเราไม่ลงมือทำอะไรซ้ำ ๆ กัน มันย่อมเกิดการพัฒนาต่อยอดไม่ได้ เนื่องจากไม่มีประสบการณ์ ไม่มีการเรียนรู้ว่า อะไรที่ทำแล้วเหมือนเดิม แย่ลง หรืออะไรที่ทำแล้วดีกว่าเดิม

ดังนั้น เราจึงได้นำเอา 3 วิธีการที่แบ่งออกเป็น 3 ช่วงระยะเวลาย่อย ๆ  10 นาที, 20 นาที ยิ่งถ้านำไปเทียบกับเวลา 1 วัน ซึ่งมี 24 ชั่วโมงแล้วล่ะก็ จะเห็นได้ชัด ๆ เลยว่า เวลาอันน้อยนิดในหนึ่งวันสามารถทำให้ใครก็ตามกลายเป็นคนที่ “Genius” ได้ โดยไม่จำเป็นต้องพกมันมาตั้งแต่เกิด แล้วทำไมพวกเราไม่ลองนำไปทำกันดูล่ะ?

Reflect for 10 minutes a day

เริ่มต้นด้วยการถามตัวเองอยู่เสมอว่า ทำไมคุณต้องทำในสิ่งที่คุณกำลังจะทำ? มันแตกต่างจากการทำ To-Do List ที่มักจะเป็นการจดใน ‘สิ่งที่ต้องทำ’ หรืออยากทำเอามา List รายการเป็นข้อ ๆ บนกระดาษ เพื่อที่จะได้ทำสิ่งเหล่านั้นได้ แต่ให้คุณเขียน ‘สิ่งที่อยากทำ’ แทน เมื่อคุณได้สิ่งที่คุณอยากทำแล้ว ให้คุณลงมือทำมัน เพียง 10 นาทีกับการค้นหาตัวเองในแต่ละวัน เราเชื่อว่าไม่ว่าใครจะงานยุ่งเหยิงขนาดไหน มันก็ต้องหาได้อย่างแน่นอน ถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็ตอนอึก็ได้ ยังไง ๆ เราเชื่อว่า คนเราอย่างน้อยต้องอึกันทุกวันอยู่แล้ว

Read for 20 minutes a day

สละเวลาให้กับการอ่านหนังสือบ้างเพียงวันละ 20 นาที มันไม่ทำให้สายตาคุณสั้นขึ้นจนต้องไปตัดแว่นในวันพรุ่งนี้อย่างแน่นอน เพราะฉะนั้น คุณควรจะฝึกตัวเองให้มีนิสัยรักการอ่านเอาไว้ด้วย ไม่ว่าสิ่งที่คุณอ่านจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรก็ตาม เพียงแค่คุณอ่านตัวหนังสือติดต่อกันอย่างน้อย 20 นาที สมองก็จะเริ่มจำเรื่องราวที่อ่าน ซึ่งนั่นทำให้คุณกลายเป็นคนที่มีความรู้เพิ่มพูนมากขึ้นอีกด้วย

อย่างในปัจจุบันนี้ พวกเราก็ไม่จำเป็นจะต้องแบกหนังสือเล่มหนา ๆ ไปไหนมาไหนกันอยู่แล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นนิยาย การ์ตูน หนังสือพิมพ์ หรือแม้แต่บทความที่คุณกำลังอ่านอยู่ในตอนนี้ ก็ล้วนหาได้ในโลก Online แทบทั้งสิ้น ดังนั้น ใครที่เมื่อก่อนอ้างว่า พกพาหนังสือไปไหนมาไหนมันหนัก ก็เลยไม่ค่อยมีเวลาจะอ่าน ควรจะเลิกอ้างแบบนี้กันได้สักที เผื่อคุณจะเริ่มมีประกายออร่า และบารมีความ “Genius” เกิดขึ้นมากับเขาบ้าง

Focus for 30 minutes a day

การโฟกัสให้ได้ 30 นาทีต่อวันหมายความว่า คุณก็จะกลายเป็นคนที่มีการพัฒนามากขึ้นไปด้วยนั่นเอง เพราะการเรียนรู้ที่จะทำอะไรอย่างตั้งใจนั้น ทำให้คุณเป็นคนที่มีความอดทน และรู้จักหลักการความเป็นจริงของโลกนี้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย เนื่องจากไม่ว่าคุณจะทำอะไรสักอย่างหนึ่ง ล้วนต้องใช้เวลาทั้งสิ้น

ความ “Genius” เองก็เช่นกัน ถ้าหากคุณอยากจะกลายเป็น “Genius” ก็ลองคิดดูสิว่า มันคุ้มค่าขนาดไหน กับการที่คุณตั้งใจโฟกัสกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพียงแค่ 30 นาทีต่อวัน มันก็สามารถทำให้คุณกลายเป็นคนที่ “Genius” ในเรื่องนั้น ๆ ได้แล้ว

แต่ที่คนส่วนใหญ่รู้สึกว่า ไม่เห็นการพัฒนาเกิดขึ้นกับตัวเองเลย แม้จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งวันละ 30 นาที ต่อเนื่องยาวนานมาเป็นเดือน ๆ แล้วก็ตาม นั่นเป็นเพราะ ในตอนที่คุณทำสิ่งสิ่งนั้น คุณอาจจะไม่ตั้งใจ ไม่มีสมาธิที่จะจดจ่ออยู่กับมันมากพอ หรือไม่มันก็อาจจะขาดความต่อเนื่องไปก็ได้ เช่น ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา คุณก็เล่นกีต้าร์มาทุกเดือน แต่เล่นเพียงเดือนละครั้ง แบบนี้จะเรียกว่าสามเดือนยังไม่ได้ด้วยซ้ำ น่าจะเรียกเป็นครั้งดีกว่า สรุปง่ายก็คือว่า การที่คุณทุ่มเททำอะไนไปด้วยความตั้งใจจริง แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ เพียงแค่ 30 นาที คุณก็จะสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นกับชีวิตอย่างมีรูปธรรมอย่างแน่นอน

ในเมื่อเราหาวิธีการที่จะทำให้ทุกคนกลายเป็น “Genius” มาให้กันแบบจ่อ ๆ ตรงหน้าขนาดนี้แล้ว เราก็อยากให้ทุกคน ได้ลองนำเอาสิ่งเหล่านี้ไปใช้ UNLOCK  ศักยภาพความเป็น “Genius” ที่หลับไหลอยู่ในตัวคุณให้กลับมาโดดเด่นจนทุกคนรอบข้างคุณสัมผัสมันได้ถึงความเปลี่ยนแปลงไปจนคนที่ไม่รู้วิธีการ UNLOCK พลัง “Genius” ของตัวเองจะต้องมองคุณว่า คุณเป็นที่โชคดี และมีพรสวรรค์ในระดับนี้มาตั้งแต่เกิดเหมือนกับที่คุณเคยเป็นมา ก่อนที่จะกลายร่างเป็น “Genius” อย่างแน่นอน

SOURCE

HYENA
WRITER: HYENA
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line