Style

GUIDE: MADSAKI COMBINATION PLATTER มือบอนข้ามโลก อวดกราฟฟิตี้กลางห้างดัง

By: anonymK May 18, 2018

ผู้ชายหลายคนแค่ได้ยินคำว่า “ศิลปะ” ก็เกิดอาการคลื่นเหียน เพราะภาพที่สมองเรียกจากความทรงจำเป็นภาพฝีแปรงปาดฉวัดเฉวียน สีที่ไม่เข้ากัน รูปร่างกับองค์ประกอบไม่คุ้นเคยจากงานสไตล์ abstract ที่ทำให้เข้าถึงยากเหลือเกิน บางทีก็แอบสบถเบา ๆ ว่า “นี่อะไรวะเนี่ย”

MADSAKI: Combination Platter

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่คิดแบบนั้น เราอยากขอให้คุณเปิดใจให้กว้างเข้าไว้ เพราะ UNLOCKMEN คิดว่าศิลปะก็ไม่ต่างจากผู้หญิงที่มีหลายประเภท บางคนคุณก็อาจจะไม่เข้าใจ เข้าถึงยาก ขณะที่บางคนก็เฟรนด์ลี่ เข้าถึงง่าย แต่ไม่ว่าพวกเธอจะอยู่ใน Type ไหน จำไว้ว่าคุณไม่จำเป็นต้องรู้หรือเข้าใจเธอทั้งหมดก็สามารถชื่นชมได้ สำหรับหนุ่ม ๆ ที่อยากลิ้มรสงานศิลป์ที่เสพง่ายในรูปร่างที่คุ้นเคย และมีความดิบ ความแสบจากละอองสเปรย์ติดแคนวาสแบบบอย ๆ สไตล์ graffiti เราขอแนะนำให้ไปที่ Central Embassy เพราะหนนี้เขายกสตรีทอาร์ตผลงานของศิลปินชื่อดังอย่าง MADSAKI เข้าไปไว้ในลักซ์ชัวรี สโตร์ อย่าง Central Embassy แล้ว ใต้ชื่อนิทรรศการ “MADSAKI: Combination Platter”

 

WHO’s MADSAKI

ก่อนจะดูสตรีทอาร์ตดิบ ๆ ด้านล่าง เราขอเปิดวิชา 101 ของศิลปินชาวญี่ปุ่นด้านสตรีทอาร์ตคนนี้ไว้ในใจทุกคน เผื่อใครยังไม่มีศิลปินในดวงใจแต่พอดูแล้วรู้สึกชื่นชอบผลงานเขาจะได้ติดตามต่อ เพราะประวัติของเขามีความน่าสนใจหลายอย่างไม่แพ้ความเฉียบขาดของผลงานเขาเป็นที่ต้องตาต้องใจของ ทะกะชิ มุราคามิ เจ้าพ่อ Pop Art ชื่อดังที่เป็นศิลปินระดับโลกถึงขนาดมีการซื้อไปโชว์ผลงานร่วมในงานนิทรรศการตัวเอง

  • MADSAKI คือฉายาที่เพื่อนเรียกเขา แต่ไม่มีใครรู้ชื่อ – นามสกุลที่แท้จริงของเขา
  • จุดเร่ิมต้นการเป็นศิลปินของเขาเริ่มเมื่อ 6 ขวบเพราะเขาย้ายไปอเมริกา ทำให้ต้องใช้การวาดเพื่อสื่อสาร
  • ศิลปะของ MADSAKI ตอนร่าง เขาเริ่มด้วย Perfect สเกลและความถูกต้องเทียบเท่าต้นฉบับ แต่หลังจากนั้นเขาจะนำมันมาสเปรย์แบบใส่อารมณ์ เละบ้างก็ยูนีคดี เพราะสำหรับเขา “Ugly is beautiful.”
  • เวลาหมดแรงบันดาลใจ เขาจะทิ้งตัวนอน เลิกทู่ซี้ ช่างแม่ง ซึ่งสามารถช่างแม่งได้นาน ๆ ตั้งแต่หลักเดือนถึงหลักปี หรือหนีชีวิตจากการเป็นศิลปินไปเป็นแมสเซ็นเจอร์ขี่จักรยานส่งของก็ทำมาแล้ว พอผ่านไป 2-3 ปี พอหายเบื่อก็มาลงมือใหม่

 

LET’S US SEE.

เราจัดให้นิทรรศการนี้เป็นนิทรรศการที่ควรมาดูด้วยเหตุผลหลายประการ อย่างแรกเพราะเขาโด่งดังและนี่เป็นการจัดงานของเขาครั้งแรกที่ไทย งานบางชิ้นจัดแสดงที่นี่ที่แรกโดยเป็นงานใหม่ที่คนทั่วโลกยังไม่เคยได้ดู และสุดท้ายงานศิลปะของเขามีให้เลือกดูหลากหลาย ทั้งสเปรย์บนแคนวาส งานประติมากรรม งานแนว WORDS ไว้ลับสมองเล่นคำสำหรับคนกวน ๆ ซึ่งเกิดจากการสั่งสมประสบการณ์ความเป็นเขา ที่สำคัญคือมันสามารถสร้างความอินให้กับคนที่ดูได้หลายระดับตั้งแต่ง่าย ๆ ไปจนถึงลึกซึ้งตามคนเสพ เนื่องจากผลงานเขาเป็นการนำชิ้นงานระดับโลกหรืองานในสื่อทั่วไปมาล้อเลียน ซึ่งเราขอแบ่งเป็น Zone ให้เดินดูตามนี้

SCULPTURE ZONE

ประติมากรรมที่เขียนชื่อของเขาโดดเด่นเป็นสง่าวางปัง พร้อม signature หน้าสไมล์บนแต่ละตัวอักษรที่หยดย้อยบริเวณดวงตาจากการพ่นสเปรย์ สูงกว่า 5 เมตรหลากสีนี้ เป็นผลงานใหม่ที่มีเพียงชิ้นเดียวในงาน ชิ้นนี้ได้แรงบันดาลใจจากคำแนะนำของ ทะกะชิ มุราคามิ

 

PAINTING ZONE

โซนงานพ่นสเปรย์แบ่งออกเป็นหลายประเภทตามการกรุ๊ป ทั้ง Movie Series ที่เลือกจากภาพยนต์ดังในดวงใจนำมาถ่ายทอด Mascot Series เลือกจากตัวละครแมสคอตที่เขาดูมายาวนานจับมาสร้างความบันเทิงแทรกคำในช่องบอลลูนคำพูดเพื่อแสดงตัวตนของเขา Wannabe Series เลือกจากผลงานศิลปะชื่อดังมานำมาสร้างสรรค์ใหม่ กระตุกความงามในอดีตมาสะท้อนวัฒนธรรมและสังคมปัจจุบัน และ Beyond World Series ที่ใช้คำในบทกวีมาประยุกต์แบบเฉพาะตัว

Movie Series

Mascot Series

Wannabe Series

Beyond World Series

สำหรับงานที่ถือเป็นไฮไลต์ของงานนี้ คืองานทั้ง 3 ชิ้นด้านล่างนี้ เพราะสองในสามเป็นงานใหม่ที่ไม่เคยจัดมาก่อนมีแค่ในนิทรรศการนี้ ส่วนอีกหนึ่งก็มาเหยียบประเทศเราเป็นที่ที่สองหลังจากจัดแสดงที่แวนคูเวอร์

New Release #1 ชิ้นนี้แก้บทกวีจาก Roses are red violets are blue มาเป็น Roses are red my balls are blue แสบจริง ๆ

New Release #2 ต้องตั้งใจอ่านหน่อยเพราะวาง 3 อักษร แต่อ่านรวมได้ว่า If I had a dream.

ผลงานที่นำมาแสดงเป็นครั้งที่ 2 หลังจัดแสดงที่แวนคูเวอร์ จัดคำเกรียนให้ตัวบิ๊กเบิร์ดด้วยคำเฉียบไม่เห็นที่ไหนอย่าง “fuck off”

ใครที่อยากไปดูผลงานมันส์ ๆ ระดับโลก สามารถไปดูได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 3 มิถุนายนที่จะถึงนี้ หรือถ้าอยากได้ของ limited ไว้สะสมไม่ซ้ำใครก็ขึ้นบันไดเลื่อนหรือลิฟต์ไปดูต่อได้ที่ SIWILAI Store (ศิวิไล สโตร์) ชั้น 5 แห่งเดียวเท่านั้น

anonymK
WRITER: anonymK
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line