ผ่านพ้นไปแล้วเรียบร้อย เมื่อวันที่ 14 – 15 กันยายน ที่ผ่านมา กับ CENTURY COCKTAIL FEST with Johnnie Walker งานค็อกเทลเฟสติวัลครั้งใหญ่ ฉลอง 100 ปี ที่ไม่เคยหยุดก้าว ของ Johnnie Walker ในประเทศไทย งานนี้ต้องบอกเลยว่า Johnnie Walker เค้าทำถึง โดนใจเหล่า Cocktail Lovers ไม่ว่าจะรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ หน้าเก่า หรือหน้าใหม่แบบสุด ๆ กับ Highlight สำคัญอย่างการรวมตัวของบรรดาบาร์เทนเดอร์ระดับตำนานแห่งวงการค็อกเทลในไทย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ที่พร้อมใจกันมาร่วมฉลอง 100 ปี Johnnie Walker ในประเทศไทย ด้วยค็อกเทลสูตรพิเศษให้ผู้เข้าร่วมงานได้ลิ้มรส และร่วมพูดคุยกันแบบใกล้ชิด ซึ่งแฟน ๆ ค็อกเทลน่าจะรู้กันดีว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมีโอกาสได้ลิ้มรสผลงานของ ‘อั๋น-ชานนท์ บุรานนท์’ บาร์เทนเดอร์ผู้ปลุกปั้น
เริ่มนับถอยหลังสู้ค็อกเทลเฟสครั้งใหญ่ ฉลอง 100 ปี Johnnie Walker ในประเทศไทย 14-15 กันยายนนี้ ที่ 515 Victory Hall พบกับหลากหลาย Highlight ภายในงาน ไม่ว่าจะเป็น… ▪️ค็อกเทลสูตรพิเศษจาก Guest Shift บาร์เทนเดอร์ระดับตำนาน▪️ ▪️enjoy กับค็อกเทลกว่า 40+ สูตร จาก 100 สูตร โดย World Class บาร์เทนเดอร์ทั่วไทย▪️ ▪️มันส์กับศิลปินสุด Hip จาก FUNGJAI▪️ ▪️จัดเต็ม Workshop – Art Installation – Exhibition▪️ เชื่อว่าสายค็อกเทลตัวจริงน่าจะเคยได้ยินถึงการแข่งขัน World Class เวทีใหญ่ที่สุดของการแข่งขันบาร์เทนเดอร์ จัดโดยเครือ Diageo ตั้งแต่ปี 2011 ซึ่งทุกปี บรรดาบาร์เทนเดอร์ก็จะมาร่วมขับเคี่ยวกันชงเครื่องดื่มสารพัดสูตรตามโจทย์สุดหิน เพื่อชิงตั๋วไปแข่ง World
“ร้านเขาอ่านว่า ‘สยามมิส’ เมื่อกี้มึงอ่านผิด” ขณะยืนเถียงระหว่างชี้ทางใน Google Maps กับเพื่อน AE ที่มาด้วยกันในวันนี้ เราทั้งคู่ก็เดินมาถึงหน้าร้าน Siamese Cocktail & Gallery ในสุขุมวิท 58 แบบไม่รู้ตัว วันนี้เราตามหาบาร์เทนเดอร์ของร้านเพราะมีทีเด็ดที่หลายคนบอกให้มาลอง นั่นคือเครื่องดื่มแก้วพิเศษที่สร้างสรรค์จาก Jameson Black Barrel และวัตถุดิบจากหลายภูมิภาคของไทย แถมยังเป็นการเสิร์ฟแบบ Pairing อาหารที่ช่วงส่งเสริมทั้งกลิ่นและรสชาติที่กลมกล่อมและแตกต่าง เล่าขานกันขนาดนี้ มีหรือที่เราจะพลาดได้ คอลัมน์ ManCave ในครั้งนี้ เราขอเสนอเรื่องราวของ Hand-selected Whiskeys ที่กลมกล่อมเพราะความพิถีพิถันใส่ใจซึ่งเป็น Herritage ของแบรนด์มาโดยตลอด ผ่านประสบการณ์จากบาร์ชื่อ Siamese Cocktail & Gallery ที่นำความเป็นค็อกเทลไทยมาเจอกับความเป็น Irish Whiskey ได้อย่างลงตัว แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น สิ่งที่ทุกคนต้องรู้ก่อนว่า คอนเซปต์ของบาร์แห่งนี้เขานิยามตัวเองเอาไว้ 2 คำ ซึ่งเป็นสิ่งที่บอกเล่าความเป็นไทยของร้านเอาไว้ทั้งหมดแล้ว นั่นคือ ‘Thai Drink
ช่วงนี้ใครสัญจรผ่านไปมา ณ จุดแลนมาร์กต่าง ๆ กลางกรุงเทพฯ คงจะมีโอกาสพบเจอกับป้ายโฆษณารณรงค์การรักษ์โลกสุดล้ำ ที่นอกจากจะเต็มไปด้วยข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับพลังงานสะอาด ใครที่แวะมาที่นี่ยังพักชาร์ตแบตโทรศัพท์ผ่านพลังงานแสงอาทิตย์ได้ฟรีอีกด้วย ซึ่งป้ายเหล่านี้เป็นไอเดียดี ๆ จากทาง กองทุนพัฒนาไฟฟ้า สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ที่ต้องการเปิดพื้นที่ส่งต่อความรู้ และสื่อสารให้พวกเราได้ตระหนักถึงความสำคัญของพลังงานสะอาด ในรูปแบบที่สนุก เข้าใจง่าย ผ่าน Interactive Display แต่ละป้ายบอกเลยว่ามีครบทั้งสาระ และความบันเทิง จัดเต็มคอนเทนต์ให้ความรู้จากเหล่า Change Leaders ที่เป็น Influencers ชื่อดัง พร้อม AR Filter เอาไว้แชร์ชวนเพื่อนมาเล่นเกมสนุกบน Instagram และปิดท้ายด้วยป้าย QR Code หลังดูวิดีโอจบ ให้หยิบมือถือมาสแกนเล่นเกมสะสมแต้มแลกรับรางวัลไอเทมรักษ์โลกเจ๋ง ๆ อีกเพียบ งานนี้จะมีโลเคชันไหนให้แวะไปร่วมสนุก เรารวบรวมข้อมูลเปิดวาร์ปทั้ง 4 ป้าย 4 โลเคชันมาไว้ให้แล้วเรียบร้อย พิกัดแรกไปเจอกันได้ที่ลานใบบัว ทางเชื่อมลอยฟ้าวันสยาม กับป้าย I Can’t Breath
MANCAVE คราวนี้ ขอเปิด Maps พิกัดชิลล์รับ New Year ใจกลางกรุงฯ แบบไม่ต้องเดินทางไกล กับ BACCARAT BANGKOK บาร์แห่งใหม่สุดเย้ายวน ที่ซุกซ่อนตัวอยู่ในโรงแรม The Davis Bangkok ย่านสุขุมวิท 24 บอกเลยว่าที่นี่โดดเด่นด้วยเสน่ห์ที่แค่เยื้องย่างเข้ามาด้านในก็สัมผัสได้กับบรรยากาศเรียบหรู สะดุดตาด้วยลูกเล่นของเฉดสีแดงสุดไอคอนิก ตัดกับเครื่องแก้วชั้นเลิศและโซฟาหลากสีสันในโทนสีกรมท่า เขียว และเหลือง เพิ่มบรรยากาศอบอุ่นด้วยแสงไฟสลัวจากเชิงเทียน และเตาผิงเสมือนจริงที่สื่ออารมณ์ครบถ้วนทั้งภาพเปลวไฟโชติช่วง และเสียงของไม้ที่ถูกเผาในเตาผิง ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่ในบาร์ที่นิวยอร์ก นอกจากนี้ BACCARAT BANGKOK ยังเป็นสถานที่ที่ให้ทุกคนได้ผ่อนคลาย พร้อมร่วมวงสนทนากับกลุ่มเพื่อนและจิบค็อกเทลที่รังสรรค์มาอย่างพิถีพิถัน เคล้าคลอด้วยเพลย์ลิสต์ที่ถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดีในสไตล์เพลง R&B, Afro Latin และ House พาทุกคนเริ่มต้นด้วยบีทเบา ๆ เพิ่มความผ่อนคลายหลังจากเลิกงาน ก่อนที่เมโลดี้ดนตรีจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นจังหวะสนุกเร้าใจให้ทุกคนพร้อมออกเสต็ปปล่อยจอยปล่อยใจให้เต็มที่ ท่ามกลางบรรยากาศที่สุดแสนจะมีชีวิตชีวาในพื้นที่แห่งนี้ สำหรับเครื่องดื่มที่ห้ามพลาด เราขอแนะนำไฮไลต์เมนูค็อกเทล ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมากจากเกมการ์ดสุดไอคอนิกระดับตำนาน อย่าง BACCARAT นำเสนอการผสมผสานที่สนุกสนานและถ่ายทอดออกมาได้อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ประยุกต์เครื่องดื่มแต่ละแก้วให้เป็นเหมือนการเดินทางผจญภัยอันรื่นรมย์จากรสชาติ ที่เชิญชวนให้ทุกคนได้ลิ้มลองประสบการณ์รูปแบบใหม่ที่ไม่เคยสัมผัสที่ไหนมาก่อน เอาเป็นว่าใครขี้เกียจเดินทางไกล
ช่วงปลายปีเป็นช่วงเวลาที่สุดพิเศษและเป็นค่ำคืนที่มีความหมาย หลายคนใช้ช่วงเวลานี้ฉลองให้รางวัลตัวเองสำหรับความพยายามที่ผ่านมาตลอดทั้งปี และคงไม่มีย่านไหนจะคึกคักเหมาะกับการฉลองไปกว่าซอยทองหล่ออีกแล้ว วันนี้เราจะมาแนะนำบาร์ Vibe ดีที่กำลังมาแรงในทองหล่อซอย 10 นั่นคือ Gaze Cocktail Bar ซึ่งปลายปีแห่งการฉลองนี้จะพิเศษมากยิ่งขึ้นเพราะได้ทีม Bartender ดีกรีระดับแชมป์ปีล่าสุดมาช่วยกันครีเอท Iconic Drinks ค็อกเทลเมนูลับกับ SILVER KNIGHT’S SECRET ที่สร้างสรรค์โดยการใช้วัตถุดิบสุดพิเศษจาก SILVER KNIGHT ซึ่งบ่มนานกว่า 8 ปี กับแรงบันดาลใจจากช่วงเทศกาล X’mas และ New Year Party เป็นเมนูที่นำเสนอในช่วงแบบ Limited ซึ่งเราลองมาแล้วบอกเลยว่ามันพิเศษมากจริง ๆ Gaze Cocktail Bar เป็นบาร์ที่มีความน่าสนใจหลายอย่าง ทั้งบรรยากาศ การตกแต่ง ค็อกเทล รวมถึง Head Bartender มือรางวัล ซึ่ง concept ของร้านนี้มาจากเรื่องราวและความเชื่อของดวงดาวบนท้องฟ้าจากหลากหลายวัฒนธรรมทั่วโลก ชื่อร้าน Gaze ก็หมายถึงการนั่งดูดาวนั่นเอง การตกแต่งภายในร้านจึงจำลองบรรยากาศแสงดาวระยิบระยับบนท้องฟ้าเอามาไว้บนเพดานร้าน พร้อมจอขนาดใหญ่หลังบาร์ที่นำเสนอสถานที่ที่เต็มไปด้วยดวงดาว
เผลอแปปเดียวปี 2023 ก็จะเดินจากไปแล้ว เข้าสู่ช่วงเวลา Festive Moment ที่นอกจากแสงไฟนีออนที่ถูกประดับพาดประดับสะท้อนเข้ากับป้าย “สวัสดีปีใหม่ 2024” และการมีอยู่ของสเปซแฮงเอาต์ก็เป็นอีกวัฒนธรรมที่ผูกคู่กับฤดูหนาวสั้น ๆ ของปีมาเสมอ สำหรับใครที่ยังหายใจเข้าออกเป็น ‘งาน’ กันอยู่ เราอยากเป็นตัวช่วยแห่งความผ่อนคลาย พาไปสัมผัสฟิลที่ใช่ กับ Hoegaarden Space ลานกิจกรรมแห่งใหม่ใจกลางเมือง พื้นที่บรรยากาศสุดชิลให้ทุกคนได้มีโมเมนท์ปาร์ตี้ชิค ๆ UNLOCKMEN อยากชวนคุณปิดหน้าจอคอมสักแปปแล้วรับช่วงเวลา Weekend ให้ตัวเองพาหัวใจและร่างกายออกไปดื่มด่ำช่วงเวลาแห่งความสุขเหมือนทุกคนได้ไป Hopping ด้วยกันเลย เมื่อเดินตัดผ่านส่วน Food Zone ของ Emsphere ชั้น G มาแล้ว ทุกคนก็จะเข้าสู่พื้นที่ส่วนที่เรียกว่า Em Yard พื้นที่ outdoor สีเขียวติดกับสวนเบญจศิริ สเปซแฮงเอาต์ที่ให้ความรู้สึกแบบ Urban Forest ผสมผสานความธรรมชาติกับความเป็นเมืองอย่างลงตัว งานนี้ยังมีแฮ็ชแท็คอย่าง #FEELSLIKETHEWEEKEND ที่ไม่ได้ฉ่ำแค่ชื่อ แต่ยังมีความตั้งใจในการมอบประสบการณ์ให้ทุกช่วงเวลาเป็นเหมือนสุดสัปดาห์แห่งวันหยุด ผ่านการดีไซน์สเปซออกเป็น 4 ส่วน ซึ่งจำลองมาจากไลฟ์สไตล์การพักผ่อนของคนรุ่นใหม่
ซูม่า (Zuma) ห้องอาหารญี่ปุ่นสไตล์อิซากายะร่วมสมัยยอดนิยมในกรุงเทพฯ ชวนทุกท่านเฉลิมฉลองไปกับช่วงเวลาแห่งความสุขส่งท้ายปี กับเทศกาลคริสต์มาส และวันปีใหม่ นำเสนออาหารญี่ปุ่นแบบเทสติ้งเมนูแสนอร่อยสไตล์ ‘ไดโกกุ’ ที่มีให้บริการทั้งมื้อค่ำ และมื้อสาย พร้อมแพ็คเกจเครื่องดื่มฟรีโฟลวแบบเติมได้ไม่อั้น สร้างบรรยากาศให้คึกคักด้วยเสียงเพลงสุดสนุก และประสบการณ์เคานท์ดาวน์ในวันขึ้นปีใหม่ที่จะเปิดให้บริการถึงเวลา 03:00 น. ของวันที่ 1 มกราคม 2567 โดยเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองจะเริ่มตั้งแต่วันเปิดไฟต้นคริสต์มาสที่ห้องอาหาร ที่จะส่องสว่างสร้างบรรยากาศของเฟสทีฟตั้งแต่ วันที่ 8 ธันวาคม 2566 จนถึงวันที่ 6 มกราคม 2567 ‘ไดโกกุ’ ลิ้มลองเทสติ้งเมนูประจำเทศกาล พร้อมแพ็คเกจไวน์แบบดื่มไม่อั้น ระหว่างวันที่ 8 ธันวาคม 2566 – 6 มกราคม 2567 ห้องอาหาร ซูม่า จะเสิร์ฟอาหารแบบเทสติ้งเมนูประจำเทศกาล ในราคา 5,600 บาทต่อท่าน ออกแบบมาเพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความสุขและการแบ่งปันผ่านเมนูไฮไลท์มากมาย อาทิ ทาร์ทาร์ปลาทูน่า เสิร์ฟพร้อมไข่ปลาคาเวียร์และข้าวเกรียบ สลัดปูท้อปด้วยไข่กุ้ง กุงกังซูชิหน้าวากิวราดซอสทรัฟเฟิล ปลากะพงขาวแล่บางราดซอสยูซุและน้ำมันทรัฟเฟิล ปลาแบล็กค็อดห่อใบโอบะย่าง เนื้อวากิวระดับ
วันสุดท้ายของสัปดาห์แบบนี้ ชาว UNLOCKMEN คนไหนที่มีแพลนจะหยุดอยู่บ้าน ใช้เวลาของค่ำคืนจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ ดื่มไวน์เบา ๆ สักขวดคลอเคล้าไปกับเพลง Japanese Jazz Trio ของค่าย Three Blind Mice แล้วล่ะก็ เราแนะนำให้ลองเพิ่มเนื้อหั่นเย็น Cold Cut เข้าไปในเมนูอาหารด้วย เพราะนี่คือเนื้อคู่รสชาติที่ลงตัวที่สุดกับไวน์ ถ้าอยากรู้ว่าลงตัวอย่างไร เราเอา Cool Fact มาฝากทุกคนในโพสต์นี้ เนื้อหั่นเย็นมีประวัติยาวนานตั้งแต่ช่วง 500 ปีก่อนคริสตกาล ในตอนนั้นชาวโรมันมีวัฒนธรรมการถนอม ‘เนื้อสัตว์’ โดยการหมักใช้เกลือทาและรมควันเพื่อยืดระยะเวลาการกินออกไปนาน ๆ ที่พวกเขาต้องใส่ใจการถนอมอาหารเป็นเพราะจานหลักของแทบทุกครัวเรือนเป็นแฮมกับไส้กรอก โดยมี Cold Cut เป็นเครื่องเคียงที่ขาดไม่ได้นั่นเอง ข้ามเวลามาในช่วงของยุคสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา (Renaissance) เนื้อ Cold Cut มีบทบาทมาก ๆ เพราะการมาถึงของขุนนางแห่งอังกฤษ John Montagu หรือ Earl of Sandwich และไอเดียการคิดค้นแซนด์วิชของเขานั่นเอง และเมื่อเข้าสู่ปี
“ช่วงเวลาดี ๆ มักผ่านไปรวดเร็วเสมอ” คำกล่าวนี้ชัดเจนขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อแบรนด์อสังหาฯ ชั้นนำอย่าง SC Asset ที่เพิ่งคว้ารางวัล The Most Powerful Real Estate Brand มาหมาด ๆ เมื่อปีที่ผ่านมา กำลังเดินทางเข้าสู่ขวบปีที่ 20 อย่างภาคภูมิในปี 2566 นี้ ต้องบอกว่าช่วงเวลาดี ๆ จาก SC Asset ไม่ได้เป็นแค่ช่วงเวลาที่กำลังจะผ่านเลยไป เพราะนอกจากจะมีการเตรียมจัดงาน “20 Years of Good Mornings” เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปี ทาง SC Asset ยังเลือกใช้โอกาสนี้เป็นหมุดหมายใหม่สำหรับก้าวต่อไปในการเดินหน้าสร้างสรรค์ช่วงเวลาดี ๆ ถ่ายทอดผ่านประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ลงตัวในทุกมิติ เพื่อสร้างเช้าที่ดี จุดเริ่มต้นดี ๆ ในชีวิตให้กับทุกคน ตามวิสัยทัศน์ For Good Mornings ที่ SC Asset