H&M งานเข้า !! หวังสร้างกระแส แต่ต้องมาพังเพราะมองข้ามประเด็น Racist

ไม่รู้ว่าอยากจะสร้างกระแส หรือว่าต้องการจะสื่ออะไรสำหรับแบรนด์ fast-fashion ชื่อดังจาก Sweden อย่าง H&M ที่เมื่อไม่นานมานี้ ได้ทำการเปิดตัวคอลเลคชั่นสำหรับเด็กในเครือประเทศสหราชอาณาจักร ซึ่งสินค้าดังกล่าวได้มีรูปภาพเด็กผิวสีสวมเสื้อฮู้ดสีเขียว พร้อมลายกราฟิกข้อความว่า “Coolest Monkey in The Jungle” ที่ชวนให้คิดว่ามันเป็นการจงใจของ Art Director โปรเจคต์นี้หรือเปล่า?  เมื่อภาพดังกล่าวเป็นการประกบคู่กับเด็กผิวขาวในเสื้อที่มีคำว่า “Mangrove Jungle, Survival Expert”

หลังจากภาพนี้เผยแพร่ออกไปก็เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักบนโซเชียลมีเดีย ทั้งทาง Twitter และ Facebook  เนื่องจากเข้าข่ายการเหยียดสีผิว เพราะความหมายของเสื้อมันสื่อไปในเนื้อหาที่ว่า เด็กผิวสีต้องติดอยู่ในป่า แต่เด็กผิวขาวกลับรอดชีวิตออกมาได้

จนทำให้ H&M ต้องถอนภาพโปรโมตนี้ออกมาจากสื่อโฆษณา รวมถึงบนเว็บไซต์ตัวเองทั้งหมด พร้อมออกแถลงการณ์ขอโทษถึงความรู้เท่าไม่ถึงการ แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซ้อนเมื่อ ดารา เซเลบริตี้ผิวสี ทั้งหลายได้ประกาศบอยคอตต์ขอไม่ร่วมงานกับ H&M อีก แม้กระทั่ง The Weeknd ที่เคยมีโปรเจคต์คอลเลคชั่นพร้อมสัญญาก้อนใหญ่กับทางแบรนด์  ยังตัดสินใจใช้ Twitter ส่วนตัวเพื่อประกาศว่า “ผมตื่นเช้ามาแล้วรู้สึกช็อค และละอายใจอย่างมากกับรูปนี้ แต่ผมคงต้องบอกว่าหลังจากนี้คงจะไม่มีการร่วมกับ H&M อีกต่อไป”

หากใครยังไม่ทราบอาจจะสงสัยว่าทำไม แค่คำว่า “Coolest Monkey in The Jungle” เมื่อไปอยู่บนเสื้อผ้าที่เด็กผิวสีสวมใส่ถึงกลายมาเป็นประเด็นใหญ่โตมากมายถึงเพียงนี้ แต่หากเราย้อนกลับประวัติศาสตร์กลับไปถึงเรื่องการเหยียดผิว หรือชนชาติในต่างประเทศถือเป็นเรื่องที่อ่อนไหวต่อพวกเขาอย่างมาก เพราะคนผิวสีส่วนใหญ่ต้องตกอยู่ภายใต้ความยากลำบาก กดขี่ ดูถูกเหยียดหยามจากคนผิวขาวตลอดมา จึงไม่แปลกหากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ จะดูเป็นเรื่องร้ายแรงเหมือนเป็นการตบหน้าคนผิวสีฉาดใหญ่

เพราะในภาษาอังกฤษได้มีคำที่ถูกใช้เรียกคนผิวสีในเชิงเหยียดหยามอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นคำคุ้นหู อย่าง นิโกร ซึ่งถือว่าเป็นคำที่แรงมาก ๆ หากชาว UNLOCKMEN ลองไปพูดใกล้ ๆ คนผิวสี อาจจะโดนชกหน้าได้ และอีกคำหนึ่งที่ก็ไม่ควรพูดเป็นอย่างยิ่งก็คือ Monkey เพราะเป็นหนึ่งคำแสลงที่กล่าวถึงคนผิวสีในเชิงเหยียดหยามว่ามีรูปลักษณ์เหมือนลิง

นับว่าเหตุการณ์นี้ถือเป็นบทเรียนสำหรับแบรนด์ H&M ครั้งใหญ่ เนื่องจากต้องสูญเสียภาพลักษณ์ที่สะสมมานาน รวมถึงเราเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้ธุรกิจอาจจะมีการสะดุดชะงักบ้างอย่างแน่นอน

เหตุผลที่ทีมงาน UNLOCKMEN หยิบยกเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟัง ก็เพราะเราอยากจะเตือนถึงคนที่กำลังมีโปรเจคต์อยากจะสร้างธุรกิจของตัวเองให้เป็นกรณีศึกษา แม้ว่าการสร้าง viral ให้คนสนใจถือเป็นเรื่องที่ดี แต่เราก็ต้องคำนึงถึงปัจจัยหลาย ๆ ด้าน ไม่ใช่ว่าจะเอาแต่ประเด็นแรง ๆ มาเล่นเพื่อสร้างกระแส อย่างเช่นตัวอย่างของ H&M แม้เราไม่สามารถฟันธง หรือรู้เจตนาจริง ๆ ของทีมงานได้ว่า พวกเขาต้องการจะสื่อไปในทางใด แต่เรื่องละเอียดอ่อนอย่าง สีผิว เชื้อชาติ ศาสนา แบบนี้เป็นเรื่องซึ่งพร้อมที่จะสร้างกระแสต่อต้านให้เกิดขึ้นได้ไวแบบไฟลามทุ่ง ส่งผลให้แบรนด์ของคุณติดภาพลักษณ์แย่ ๆ หรืออาจโดนบอยคอตต์ไปในที่สุด