Life

หัวร้อน Effect!! ผลกระทบจาก “ความโกรธ” ที่เกิดขึ้นกับสมอง และร่างกาย ผู้ชายสายเดือดทั้งหลายควรระวัง!!

By: HYENA November 22, 2017

ความโกรธของคนเรานั้น เป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้ง่าย แถมในบางครั้งนั้นมันยังรุนแรงได้อย่างไม่น่าเชื่อ ถึงแม้ว่าอารมณ์โกรธของมนุษย์จะเป็นหนึ่งในสภาวะอารมณ์ที่ต้องมีตามธรรมชาติ แต่คุณรู้หรือไม่ว่ามันสามารถทำให้เกิดปัญหาตามมาได้เยอะแยะมากมายเกินกว่าที่คาดคิด โดยเฉพาะกับร่างกาย และสมองของเราที่พวกเราไม่เคยใส่ใจมาก่อน

ความโกรธในแต่ละคนนั้น อาจจะมีอาการ และการแสดงออกที่แตกต่างกันไป รวมไปถึงความรุนแรงของความโกรธก็ไม่เท่ากันอีกด้วย แต่ถ้าหากพูดถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสมอง และร่างกายของเราแล้วล่ะก็ กลับเป็นที่น่าประหลาดใจว่า ไม่ว่าคนเราจะเกิดความโกรธมากหรือน้อยเพียงใด ร่างกาย และสมองของเรากลับได้รับผลกระทบเท่า ๆ ทุกครั้งเมื่อเกิดอารมณ์ที่เรียกว่าความโกรธนี้ขึ้น

เพราะฉะนั้น หากใครที่เป็นคนอารมณ์ร้อนหงุดหงิดง่าย หรือมีเพื่อนคนใกล้ตัวที่เอะอะอะไรนิดหน่อยก็ฟิวส์ขาดทันทีล่ะก็ เราขอแนะนำว่า ควรอ่านเรื่องที่เรากำลังจะนำมาเล่าในวันนี้กันซะเถอะ แล้วจะรู้ว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับสมอง และร่างกายของคุณบ้างหลังจากที่อาการหัวร้อนเข้าครอบงำ

ประการแรกเลยที่ความโกรธจะส่งผลกระทบต่อสมอง และร่างกายของคุณก็คือ สมองส่วนที่มีชื่อว่า Amygdala ซึ่งมีหน้าควบคุมการตอบสนอง และควบคุมอารมณ์โกรธ รวมไปถึงการตัดสินใจในด้านการต่อสู้ที่ถูกผลกระทบจนทำให้เกิดความผิดปกติไป

ผลกระทบนี้เอง ที่ส่งผลโดยตรงให้สัญชาติญาณการตอบสนองของคนเราเปลี่ยนไป เมื่อโดนความโกรธเข้าครอบงำเมื่อไหร่ การตอบสนองทางอารมณ์ที่ถูกแสดงออกมานั้นก็จะไวมากขึ้นเป็นพิเศษ ไวจนกระทั่งบางครั้ง คุณเองก็ยังไม่สามารถควบคุม หรือคิดก่อนที่จะทำลงมือทำอะไรบางอย่างลงไป

เราจึงเห็นอยู่บ่อยครั้งว่า เมื่อหลังจากอารมณ์ความโกรธสงบลงแล้ว คนเราจะค่อย ๆ รู้สึกตัวอีกทีว่าทำอะไรลงไปในภายหลัง ดังนั้น จึงมีวิธีการป้องกันผลกระทบที่ส่งผลต่อสมองเนื่องจากความโกรธออกมา โดยต้องมีสติอยู่เสมอ คอยจับตาดูความโกรธของตัวเองอยู่เสมอว่า ความโกรธเริ่มเข้าครอบงำแล้วรึยัง ถ้าหากว่า เริ่มรู้สึกมาคุ ๆ นิด ๆ แล้ว ให้คุณรีบสูดหายใจเข้า-ออกลึก ๆ แล้วนับ 1-10 เพื่อเป็นการช่วยเรียกสติ และลดการกระทำที่ตอบโต้ออกไปโดยที่ยังไม่ทันได้ยับยั้งช่างใจได้อีกด้วย

An angry outburst puts your heart at great risk.

ความโกรธส่งผลกระทบต่อสุขภาพหัวใจของมนุษย์เราโดยตรง โดยแพทย์จิตเวชชื่อดังจาก Wake Forest University School of Medicine และผู้อำนวยการ Mood Treatment Center อย่าง Chris Aiken เคยกล่าวเอาไว้ว่า

“หลังจากที่คนเราเกิดการโมโหขึ้นไปแล้ว ช่วงเวลา 2 ชั่วโมงหลังจากการโมโหนั้น คือช่วงเวลาที่เสี่ยงต่ออาการหัวใจวายเพิ่มขึ้นจากปกติถึง 2 เท่า” นอกจากนี้เขายังได้อธิบายมันเพิ่มเติมเอาไว้อีกด้วย “ความโกรธที่ถูกกักเก็บเอาไว้ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เสี่ยงต่อการกระตุ้นให้เกิดโรคหัวใจในร่างกายของคนเรา”

ดังนั้น ความโกรธที่เดิมทีก็ถือว่าเป็นพิษภัยต่อสุขภาพร่างกายอยู่แล้ว ยังจะทำร้ายร่างกายของเราเพิ่มมากขึ้นไปอีกถ้าหากคุณต้องกักเก็บ หรือพยายามอดกั้นความโกรธเอาไว้ภายใน โดยที่ไม่สามารถแสดงออกมาได้ ดังนั้นถ้าหากเกิดความรู้สึกโกรธขึ้นมา ทางแก้ไขที่ดีที่สุดก็คือ ปลดปล่อยมันออกไปอย่างมีสติ อาจจะพูดถึงสิ่งที่คุณรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง แบบตรงไปตรงมาในเชิงพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นแทนการใช้ความโกรธ เป็นพลังในการทำลาย ก่อเรื่องวิวาท หรือพยายามกักเก็บความโกรธนั้นเอาไว้โดยที่ไม่สามารถควบคุมมันได้

Anger ups your stroke risk.

ความโกรธยังทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอาการเส้นเลือดในสมองแตก หรือเลือดออกในสมอง หรือถ้าหากเป็นคนที่มีอาการเลือดออกในสมองอยู่แล้ว ความโกรธยังเป็นตัวที่ทำให้อาการของโรคนี้แย่ลงได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย

หากใครที่มีอารมณ์โกรธเป็นประจำ เส้นเลือดในสมองก็จะมีความโป่งพองมากกว่าคนทั่ว ๆ ไป และจะยิ่งโป่งพองใหญ่ขึ้นไปเรื่อย ๆ จนแตกได้ ถ้าหากยังไม่รู้จักควบคุมความโกรธ และรู้จักวิธีที่จะสลายความโกรธให้หายไปอย่างรวดเร็ว

ศาสตราจารย์วิชาจิตเวชศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐ Ohio ได้กล่างไว้ว่า “นอกจากความโกรธ และความเครียดก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการพองตัวของเส้นเลือดในสมองได้เช่นกัน แต่มันสามารถจัดการ และควบคุมได้ง่าย ๆ ด้วยการหายใจลึก ๆ ซึ่งมันได้ผลอย่างไม่น่าเชื่อ”

It weakens your immune system.

หากคุณเป็นคนโกรธตลอดเวลา หรือบ่อยครั้ง คุณจะรู้สึกได้ด้วยตัวเองเลยว่า คุณจะเจ็บป่วยไม่สบายบ่อยขึ้น ผลการค้นคว้าหนึ่งของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดพบว่า เมื่อนำคนที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี มาทำการย้อนนึกถึงเรื่องที่พวกเขาโกรธมากในอดีต เพียงแค่เท่านั้น ก็สามารถสังเกตได้ทันทีว่า ภูมิคุ้มกันของแอนติบอดี้ A ซึ่งเป็นเซลล์ด่านแรกที่ปกป้องคนเราจากการติดเชื้อนั้นตกลงทันที

ดังนั้น หากคุณเริ่มสังเกตว่า ตัวเองเริ่มมีอาการป่วยบ่อยกว่าปกติ ให้ลองสังเกตตัวเองดูควบคู่กันไปด้วยว่า ที่ผ่านมาคุณมีอารมณ์ขุ่นเคือง รวมไปถึงความโกรธบ่อยแค่ไหน การเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย เพื่อต่อต้านอาการป่วยนั้น สามารถสร้างขึ้นมาทดแทนได้ด้วยการปรับปรุงความคิด ให้มีทัศนะคติในทางบวกมากขึ้น รวมไปถึงการหัวเราะ และการมีอารมณ์ขัน ก็เป็นวิธีแก้ปัญหาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับร่างกาย จากความโกรธได้

Anger problems can make your anxiety worse.

ในปี 2012 มีนักวิจัยพบกับเรื่องน่าประหลาดใจ และนำเอามาเผยแพร่ผ่านทางวารสารพฤติกรรมบำบัดเอาไว้ว่า ความโกรธเป็นแรงกระตุ้นชั้นดีคนที่ป่วยเป็นโรควิตกกังวลมีอาการที่หนักขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ความโกรธสามารถทำให้คนที่ป่วยเป็นโรคนี้เป็นหนักถึงขั้นที่ไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันอย่างเช่นคนปกติได้

ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ไม่ว่าจะเป็นความโกรธในระดับสูง หรือจะโกรธเพียงแค่เล็กน้อย มันก็ส่งผลไปกระตุ้นผู้ที่ป่วยเป็นโรควิตกกังวลได้ทั้งนั้น แต่ถ้าหากเป็นอารมณ์โกรธจัดที่มีความรู้สึกเกลียดชังเข้าไปร่วมด้วย ยิ่งทวีคูณอาการป่วยให้หนักขึ้นจนอาจจะถึงขึ้นโคม่าไปเลยก็ได้

Anger is also linked to depression.

ความโกรธยังถูกพบว่า มันไปเชื่อมโยงกับภาวะโรคซึมเศร้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นในเพศชายแล้วล่ะก็ ยิ่งส่งผลได้มากเป็นพิเศษ สำหรับผู้ที่ตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า เดิมทีนอกจากจะรู้สึกสับสบ กระวนกระวาย และคิดมาก ซึ่งอาการเหล่านี้เองก็อาจจะทำให้ผู้ที่ตกอยู่ในภาวะซึมเศร้าฟิวขาดได้ง่าย ๆ อยู่แล้ว แต่ถ้าหากมีความโกรธเข้าไปร่วมด้วย มันจะยิ่งทวีคูณความโกรธเกรี้ยว และก้าวร้าวให้หนักขึ้นไปอีกชนิดที่คุณคิดไม่ถึง

ดังนั้น ถ้าหากคุณรู้ตัวว่า คุณเป็นคนที่มีภาวะซึมเศร้าแทรกซ้อนอยู่ เมื่อคุณรู้สึกโกรธเมื่อไหร่ ให้รีบเปลี่ยนจุดสนใจไปหาอะไรอย่างอื่นทำ หรือคิดอะไรที่เป็นเรื่องอื่นทันที อย่างเช่น การออกกำลังกาย เพราะการออกแรงนั้น สามารถช่วยบรรเทาอารมณ์ที่กำลังเดือดปุด ๆ ให้เย็นลงได้ ซึ่งถ้าหากคุณไม่รู้จักป้องกัน และปล่อยให้ความโกรธเข้าครอบงำล่ะก็ ความทรมาณจากความวุ่นวาย และสับสนภายในหัวของคุณ จะยิ่งวุ่นวายและสร้างความทรมาณให้มากขึ้นยิ่งไปกว่าเดิมแบบสุด ๆ ไปเลย

 

Hostility can hurt your lungs.

กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้ค้นพบว่า ความโกรธก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงกับปอดของคนเราอีกด้วย โดยได้นำเอาชายจำนวน 670 คน มาทำการวัดระดับความโกรธ และทำการเฝ้าติดตามการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ซึ่งได้ผลออกมาว่า

ผู้ชายคนที่มีความโกรธอยู่ในระดับสูง และเข้มข้นมากที่สุดนั้น ปอดของเขาทำงานได้ลดลง และเป็นคนที่ประสิทธิภาพในการทำงานของปอดแย่ที่สุด ดังนั้น จึงมีการสรุปออกมาว่า ความโกรธของคนเรา สามารถส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้หายใจเอาออกซิเจนเข้าไปได้ไม่ดีนัก จนอาจจะทำให้เกิดอาการอักเสบบริเวณทางเดินหายใจได้เลยทีเดียว

Anger can shorten your life. 

จริงหรือไม่ที่คนอารมณ์ดีมักจะมีอายุที่ยืนยาวกว่า คนที่มีอารมณ์โกรธเป็นส่วนใหญ่ในชีวิตประจำวัน? ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยมิชิแกนที่ใช้ระยะเวลาในการเฝ้าติดตามอย่างยาวนานถึง 17 ปี ได้ไขข้อข้องใจนี้เอาไว้ด้วย โดยผลการวิจัยพบว่าคู่รักที่ส่วนใหญ่มักจะมีอารมณ์โกรธ แต่ถูกกักเก็บไว้ภายในเพราะไม่สามารถระเบิดมันออกมาได้

เนื่องจากพวกเขายังคงต้องรักษาความอยู่รอดของชีวิตคู่เอาไว้ให้ตลอดรอดฝั่ง ซึ่งผลปรากฎออกมาว่า คนกลุ่มนี้มีช่วงอายุที่สั้นกว่า เมื่อเทียบกับคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่ปล่อยให้ความโกรธ หรืออารมณ์หงุดหงิดโมโหเข้าครอบงำร่างกาย และจิตใจ โดยการที่เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขารู้สึกโกรธ หรือโมโหก็แค่พูดมันออกไปตรง ๆ แบบไม่ต้องแอบเก็บไว้  ซึ่งคนเหล่านี้นั้น ผลวิจัยได้ระบุเอาไว้ว่า เป็นกลุ่มคนที่มีอายุยืนยาวมากกว่า

ตอนนี้เราเชื่อว่า ทุกคนคงพอจะเห็นถึงผลกระทบที่รุนแรงที่เราได้นำมาให้กับทุกท่านได้อ่านกันในวันนี้ ถ้าหากใครที่เป็นคนขี้โมโห โกรธง่าย เราหวังว่า คุณจะเห็นถึงข้อเสียหลาย ๆ อย่าง ที่จะเกิดขึ้นกับสุขภาพร่างกายของคุณในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งถ้าหากว่าคุณยังไม่ปรับปรุงแก้ไขให้นิสัยโกรธเกรี้ยวของคุณให้หายไป หรือว่ามันเป็นสิ่งปรับปรุงตัวเองได้ยากขนาดไหน เราก็อยากจะบอกให้คุณลองพยายามดูก่อน เพราะอย่างน้อย ถ้าเลิกหัวร้อนพร่ำเพื่อไม่ได้จริง ๆ ก็ขอให้หัวร้อนน้อยลง หรือลดจำนวนครั้งในการโกรธ โมโหลงได้ มันก็คงจะพอช่วยให้ผลกระทบลดลงสักนิดหนึ่งก็ยังดี

 

SOURCE

 

HYENA
WRITER: HYENA
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line