CARS

ขอบใจที่พูดแรง!! คำเหยียดหยามของ “Enzo Ferrari” และการเอาคืนของ “Ferruccio Lamborghini” ที่ต่างคนต่างไม่มีวันลืม!

By: HYENA October 16, 2017

บางครั้งสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สร้างขึ้นด้วยฝีมือมนุษย์เรานั้น ว่ากันว่ามักจะเกิดจากความคิดสร้างสรรค์ และพลังงานด้านบวกอยู่เสมอ แต่อาจจะไม่ใช่กับทุกคน เช่นเดียวกันกับเรื่องของผู้ชายคนหนึ่งที่ได้ให้กำเนิดยอดนวัตกรรมยานยนต์ขึ้นจากความเจ็บใจ และดูจะเหมือนเป็นการล้างแค้นอย่างเจ็บแสบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเลยก็ว่าได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น Ferruccio Lamborghini ผู้ก่อตั้งบริษัทผลิตรถ Supercar ระดับโลก “Lamborghini” นั่นเอง

ใคร ๆ ต่างก็รู้ว่า ถ้าหากพูดถึงยอดรถ Supercar จากแดนมักกะโรนีแล้ว สิ่งแรก ๆ ที่นึกถึงคงหนีไม่พ้นแค่ 2 แบรนด์  “กระทิงดุ”  Lamborghini กับ “ม้าลำพอง” อย่าง Ferrari เท่านั้น ซึ่งทั้ง 2 แบรนด์นี้ไม่ได้เป็นคู่กัดกันในด้านธุรกิจเท่านั้น แต่มันเริ่มต้นด้วยความบาดหมาง ที่มีเรื่องของความแค้นจากการถูกเหยียดหยามมาอย่างนมนาน จนกลายเป็นเรื่องราวศึกแห่งศักดิ์ศรี และ EGO ในตำนานของวงการยานยนต์กับชายทั้ง 2 ที่เป็นทั้งเพื่อนร่วมชาติ เพื่อนร่วมแคว้นที่เติบโตขึ้นมาในเมืองเดียวกันมาเสนอให้กับชาว UNLOCKMEN ได้อ่านกันในวันนี้

Ferruccio Lamborghini หรือบิดาผู้ให้กำเนิดแบรนด์กระทิงดุนั้น เกิดมาในครอบครัวของเกษตรกรที่ทำไร่องุ่น แต่โดยส่วนตัวแล้ว เขามีความสนใจในเรื่องของเครื่องกล และยานยนต์เป็นอย่างมากตั้งแต่เด็กจนโต ด้วยความสนใจ และความสามารถในด้านนี้ของเขา ทำให้เขาได้เข้าไปทำหน้าที่เป็นทีมช่างซ่อมบำรุงยานพาหนะของกองทัพ Italy ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

หลังจากนั้น เขาได้หันมาเอาดีทางด้านเครื่องยนต์กลไกที่เขาชื่นชอบอย่างจริงจัง และนำมันเข้ามารวมกับทุนความรู้เดิมจากการที่บ้านเป็นเกษตรกร โดยการผลิตรถแทรคเตอร์เพื่อการเกษตรขึ้นมา จนทำให้เขาประสบความสำเร็จ และกลายเป็นนักธุรกิจผู้มั่งคั่งขึ้นมาอย่างที่หลายคนต่างก็อิจฉา

สำหรับผู้ชายวัยกลางคนที่มีเงินทองมากมาย จะมีอะไรที่ดึงดูดใจของพวกเขาไปได้มากกว่า รถสปอร์ต อีกบ้างในโลกใบนี้? Ferruccio Lamborghini ก็เช่นกัน ด้วยความที่ชอบเครื่องยนต์กลไก ทำให้เขาฝันมาเสมอตั้งแต่วัยเด็กว่า จะต้องเป็นเจ้าของรถสปอร์ตคันงามให้ได้ และเมื่อวันนั้นมาถึง เขาจึงไม่รอช้าที่จะคว้า Ferrari สุดยอดรถสปอร์ตในฝันของผู้ชายแทบทุกคนมาไว้ในครอบครอง

เขากลายเป็นลูกค้ารายใหญ่ของ Ferrari อย่างรวดเร็ว เนื่องจากเขาเป็นเจ้าของรถ Ferrari เป็นจำนวนหลายคัน และในแต่ละคันในสมัยนั้น ถึงแม้จะไม่ได้แพงเทียบเท่ากับปัจจุบันนี้ แต่มันก็เป็นจำนวนเงินมหาศาลที่เขาเต็มใจที่จะจ่ายไป เพื่อแลกกับความสุข และความฝันในวัยเยาว์ของเขา

ในขณะเดียวกัน บริษัท Ferrari ซึ่งมี Enzo Ferrari เป็นผู้ควบคุมการผลิตทั้งหมด กลับผลิตรถที่ใช้งานตามท้องถนนออกมาอย่างลวก ๆ และเน้นงานที่ประณีตเฉพาะรถที่ทางแบรนด์ใช้ลงสนามแข่งขันเท่านั้น ทำให้คุณภาพค่อนข้างจะแตกต่าง จากสิ่งที่คนทั่วไปเห็นถึงสมรรถนะอันยอดเยี่ยมเวลาอยู่ใน Track จนทำเกิดความหลงใหลในประสิทธิภาพอันน่าทึ่ง

ด้วยเหตุนี้ ทำให้เจ้าของรถ Ferrari  หลายคนรู้สึกไม่พอใจหลังจากที่ซื้อ Ferrari มา และใช้งานมันด้วยตัวเอง พวกเขาพบว่า มันไม่ได้แรงเหมือนรถในสนาม แถมยังต้องซ่อมบ่อย จุกจิก จนแทบอยากจะขายทิ้ง แล้วนำเรื่องการผลิตที่ค่อนข้างห่วยแตก รวมไปถึงบริการหลังการขายที่ไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่ของ Enzo Ferrari ไปร้องเรียน แต่ก็ไม่เคยมีใครกล้าทำ เพราะเกรงว่า พวกเขาจะถูก Enzo แบน และไม่ให้พวกเขาซื้อรถ Ferrari รุ่นใหม่ ๆ อีกต่อไปในภายหลัง

แต่ไม่ใช่สำหรับ Ferruccio Lamborghini เพราะหลังจากที่เขาใช้รถของ Ferrari มาหลายคัน และยังมีประสบการณ์ทางด้านเครื่องยนต์กลไกอยู่เต็มเปี่ยมรู้สึกว่า ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้กลุ่มลูกค้าที่เสียเงินไปจำนวนมากต้องมาเจอกับสิ่งเลวร้ายหลังการขายของ Enzo Ferrari โดยเฉพาะในครั้งที่เขาได้ทำการถอย Ferrari 250 GT ออกมาใหม่ ๆ แต่พบว่า รถคันดังกล่าวมีปัญหาคาราคาซังแก้ไม่หาย โดยรถคันที่ว่านี้ มีปัญหาในส่วนของคลัทช์เป็นพิเศษ  ทำให้เขาต้องเดินทางไปพบ และทำการพูดคุยกับ Enzo Ferrari  ด้วยตนเอง

หลังจากที่ Ferrari 250 GT คันใหม่ถูกส่งเข้าไปให้บริษัท Ferrari ซ่อมอยู่หลายครั้ง แต่ผลปรากฏออกมาว่า มันก็ยังคงมีปัญหาไม่หาย ทำให้เขาได้กล่าวแบบตรงไปตรงมากับ Enzo Ferrari ถึงปัญหาในเรื่องคุณภาพการผลิต และบริการหลังการขายที่ย่ำแย่ของ Ferrari โดยเขาได้ยกตัวอย่างรถ Ferrari 250 GT  ที่เขาเจาะจงไปที่ปัญหาของคลัทช์ที่แก้ไม่หายสักทีให้กับ Enzo Ferrari ได้รู้

แต่ผลกลับไม่ออกมาเป็นอย่างที่ Ferruccio Lamborghini หวัง เมื่อ Enzo Ferrari ได้กล่าวโต้ตอบกลับไปอย่างเจ็บแสบในทำนองที่ว่า Ferruccio จะไปรู้อะไรเกี่ยวกับรถสปอร์ต เพราะเป็นแค่เพียงคนทำรถไถบ้านนอก แตกต่างจากตัวเขาที่มีความเชี่ยวชาญ และมีจิตวิญญาณของรถสปอร์ตอยู่เต็มสายเลือด! และนั่นเป็นการโต้เถียงที่ทำให้ชายอย่าง Ferruccio Lamborghini โกรธจัด ใน Ego และการทำตัวเหยียดหยามเขาอย่างน่าเกลียด ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นลูกค้าระดับแฟนพันธุ์แท้ของแบรนด์ Ferrari ที่มาแนะนำให้ปรับปรุงคุณภาพให้ดีขึ้นด้วยความหวังดีจากใจ

หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ประกายความแค้นของ Ferruccio Lamborghini ก็ลุกเป็นไฟ และเขาจึงตั้งใจว่าจะเอาคืน Enzo Ferrari ที่ดูถูกเขาอย่างที่ Enzo จะต้องจำไปจนวันตาย ด้วยการที่เขาจะสร้างรถที่สปอร์ตที่แรง และเร็วไม่แพ้ Ferrari และจะเน้นในเรื่องคุณภาพให้มากกว่า Ferrari ออกมาให้ได้ หลังจากนั้นไม่นาน โรงงานแห่งแรกของ Lamborghini ก็เกิดขึ้น ซึ่งสถานที่ตั้งนั้น ก็ไม่ใกล้ไม่ไกลเพราะอยู่ห่างจากโรงงานของ Ferrari เพียง 15 กม. เท่านั้น และจดชื่อบริษัทว่า “Lamborghini Automobile”

Ferruccio Lamborghini เริ่มต้นทำงานอย่างหนัก โดยเขาเข้าไปควบคุมการออกแบบ รวมไปถึงการผลิตอย่างละเอียดในทุกขั้นตอน จนว่ากันว่า ในตอนนั้น Ferruccio ที่ถึงแม้จะเป็นผู้บริหาร แต่เสื้อผ้าของเขาในบางวันนั้นมันสกปรกกว่าทีมช่างด้วยซ้ำไป และเขาก็มักจะกลับบ้านเป็นคนสุดท้ายของโรงงานเสมอ หลังจากวันที่เขามีปากเสียงกับ Enzo Ferrari ผ่านไปราว 4 เดือน ในปี 1963 รถสปอร์ตสุดแรงคันแรกของเขาก็ออกสู่สายตาประชาชน นั่นก็คือ “Lamborghini 350GT” ซึ่งถือว่าเป็นการออกแบบที่รวดเร็วมาก อาจจะเพราะด้วย Passion ความแค้นที่ต้องการเอาคืน Enzo ให้ได้ภายในชาตินี้นั่นเอง

ต้นปี 1964 ซึ่งเป็นปีต่อมา Lamborghini กลายเป็นผู้ท้าชิงของ Ferrari ในตลาดรถสปอร์ตอย่างเต็มตัว และถึงแม้ชื่อชั้นของ Lamborghini จะมาทีหลัง และหลายคนมองว่ามันคือ รถแทรคเตอร์ แต่มันก็สามารขายได้ถึง 13 คันในปีนั้น แถมราคาที่ขายไปนั้นก็อยู่ในระดับเดียวกับ Ferrari ซะด้วย หลังจากนั้นก็เริ่มส่งรถลงสนามแข่ง และสามารถปราบม้าลำพองที่เป็นเต็งหนึ่งมาตลอดลงได้หลายต่อหลายครั้ง ทำเอา Enzo Ferrari หัวร้อนยิ่งขึ้นไปอีก และทำรถออกมาแข่งกันอย่างดุเดือดเรื่อยมา

เรื่องของ Ferruccio Lamborghini เรื่องนี้ หากคุณได้ลองอ่านดูดี ๆ แล้วคุณจะเห็นว่า จริง ๆ แล้ว การที่เขาสามารถสร้างรถที่สามารถพิชิต Ferrari ออกมาได้สำเร็จนั้น มันไม่ใช่เพราะเขาใช้ความแค้นเป็นที่ตั้งมาเป็นแรงผลักดัน หากแต่เขาใช้ความตั้งใจ ความพิถีพิถัน และการสังเกตใส่ใจในรายละเอียดมากกว่าที่ Enzo Ferrari มองข้ามไปในตอนนั้น มาพัฒนาและหาข้อบกพร่อง รวมไปถึงความตั้งใจที่จะให้ข้อเสียทั้งหมดที่มีเคยมีอยู่ใน Ferrai นั้นไม่มีอยู่ในรถของ Lamborghini ของเขา สุดท้ายก็ไม่ว่าคุณจะเก่งกาจขนาดไหน ก็อย่าคิด หรือมองใครคนอื่นว่า ต่ำต้อย และไร้ความสามารถอย่างเด็ดขาด ไม่งั้นคุณอาจจะเจอเหตุการณ์เดียวกับที่ Enzo ต้องจำไปจนตายก็ได้

SOURCE

HYENA
WRITER: HYENA
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line